ทันทีที่ เชฟต้น-ธิติฎฐ์ ทัศนาขจร เชฟชื่อดังเจ้าของร้าน Le Du ที่คว้าอันดับ 1 Asia’s 50 Best Restaurants 2003 เจ้าของดาวมิชลิน และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก
“ช่วงนี้แบบเงียบจนน่าตกใจ หลาย ๆ ร้านในเครือยอดลง 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน นี่สินะปีเผาจริง”
ปรากฏว่า มีการกระหน่ำไลก์ แชร์ คอมเมนต์ จากเพื่อนร่วมอาชีพ และผู้มีอารมณ์ร่วมอื่น ๆ เกิดตามมาอย่างรวดเร็ว
“หรือนี่ยังไม่ใช่เผาจริงอีก”
“ยอดตกลงเยอะเลยค่ะ คนประหยัดกันมากขึ้น มารับประทานอาหารต่อหัว จ่ายน้อยลง รับประทานแต่จานหลัก ไม่รับประทานอาหารว่าง น้ำดื่มยังดื่มแค่น้ำเปล่า งาน catering ก็น้อยลงเยอะค่ะ”
“กุมขมับค่ะเชฟ เจอโควิด ยังไม่กระทบ เจอเศรษฐกิจ 68 แทบสลบ”
“พยายามลดต้นทุนในการประกอบการ บางวันไม่มีงานเข้าคนงานนั่งเฉย ๆ ก็ต้องจ่าย ไม่ตายวันนี้จะเหลือหรือ”
แม้แต่ “ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี” คนตัวใหญ่ แห่งค่ายสิงห์ ยังมาเมนต์ว่า “เหนื่อยเหมือนกัน”
เชฟต้น บอกกับ Marketeer ว่า
“ที่โพสต์ลงไปหน้าเฟซบุ๊ก เพราะอยากรู้ว่า คนอื่นเป็นไงกันบ้าง คืออยากมั่นใจว่า จริงหรือเปล่า หรือแค่เรา แล้วก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะครับ เลยมั่นใจว่าโดนกันทั่วหน้า ยิ่งตอกย้ำว่าธุรกิจร้านอาหารแย่จริง ๆ”
เขายอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากนักท่องเที่ยวหายไป แล้วกลายเป็นลูกโซ่ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วไปซบเซาลงด้วย
จำนวนลูกค้าที่ลดลงกว่า 50% ผมไม่ได้วัดจากช่วงไฮซีซั่นนะครับ แต่เป็นการเปรียบเทียบกับโลว์ซีซั่นของปีที่ผ่านมา ผมเปิดร้านมา 12 ปี ไม่นับรวมช่วงโควิด ยังไม่เคยเห็นโลว์ซีซั่นไหนที่แย่ขนาดนี้เลย ดังนั้น ถ้าคุณคิดว่าไฮซีซั่นจะกลับมาเหมือนเดิม ผมว่ามันอาจไม่ใช่อย่างที่คิด ปีนี้เราอาจได้เห็นยอดลูกค้าลดลง 50% หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
“ตอนแรกผมคิดว่าเรื่องลักพาตัวคนจีนกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ คิดว่าเดี๋ยวก็เงียบไปเอง แต่กลับไม่เป็นแบบนั้นในโลกออนไลน์จีน เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ คล้ายกับบ้านเราที่ออกโหนกระแสทุกวัน มีคนโพสต์ว่า ใช่ลูกฉัน น้องฉัน ก็เคยหายตัวในไทย จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ภาพลักษณ์ความปลอดภัยของไทยก็เสียหายไปแล้ว”
“ล่าสุดเมื่อมาเจอเรื่องแผ่นดินไหวตึกถล่ม ภาพตึก สตง. ที่มันมีวน ๆ ให้ดูในทีวีทุกช่อง ในโลกออนไลน์ มันยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก
“ในเว็บไซต์ของบางประเทศ ก็ระบุว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงสูงกว่าจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ในภูมิภาค
“สถานการณ์เริ่มสังเกตได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจริง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่พูดภาษาจีน เช่น ฮ่องกงและไต้หวัน และต่อมาก็เริ่มลามไปยังนักท่องเที่ยวจากชาติอื่น ๆ ด้วย”
“จนถึงวันนี้ ผมมั่นใจแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ผู้ประกอบการอย่างพวกเราเหมือนกบที่ถูกต้มในน้ำซึ่งค่อย ๆ เดือดขึ้นรู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว ถ้ายังคิดแค่ว่า ‘ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็คงกลับมาเอง’ โดยไม่ลงมือแก้ไขอะไร”
เห็นชัด ๆ ย่านท่าเตียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านนุสราของเขา ความคึกคักของกลุ่มนักท่องเที่ยวหายไปอย่างมาก จากที่เคยเดินกันเบียดเสียด เสียงดังโหวกเหวก คนขายของครึกครื้น กลับเงียบ
ร้านค้าแถวนี้ได้แต่มองหน้ากัน และมีคำถามกันว่า เกิดอะไรขึ้น
ไม่ใช่แค่ร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบ
“การที่ร้านอาหารขายได้น้อยลง มันส่งผลเป็นลูกโซ่ทันที หมู เนื้อ ไก่ อาหารทะเล ผัก ที่ผมเคยสั่งก็ต้องลดลงตาม พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่เคยรับออเดอร์จากผมก็ได้แต่ถามเสียงแห้ง ๆ ว่า ช่วงนี้ทำไมสั่งน้อย ดังนั้น ผมออกมาพูดไม่ใช่เพราะเดือดร้อนคนเดียว แต่มันกระทบกันทั้งระบบ เราต้องมองให้ครบทั้งวงจร เพราะสุดท้ายมันส่งผลต่อปากท้องของคนในประเทศด้วย”
“รัฐบาลจะทำอย่างไร ที่จะเอาความเชื่อมั่นกลับเข้ามา ทำอย่างไร ที่จะฉายภาพไปทั่วโลกว่าเมืองไทยปลอดภัย น่าเที่ยวเหมือนเดิม แล้วไม่ต้องโฟกัสว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับรายได้ระดับบนก็ได้ เพราะผมเชื่อว่านักท่องเที่ยวทุกระดับทำให้ผู้ประกอบการเมืองไทยได้รับประโยชน์หมด
เราอาจจำเป็นต้องปรับความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ของเมืองไทยในสายตาประเทศที่ยังคงติดธงแดง เตือนประชาชนของเขาว่าประเทศไทยเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง หนึ่งในแนวทางที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาได้ คือการจัดงานเทศกาลใหญ่ ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอาหาร หรือกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ในระดับกว้าง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง
“สำหรับผม เป็นร้านกรุ๊ปขนาดกลาง ถ้าปีนี้รายได้ไม่ดีก็ยังประคองตัวอยู่ได้ เพราะเรามีหลายแบรนด์มีในต่างประเทศด้วย แต่คนที่รายเล็กกว่าผมล่ะ เขาจะไหวกันไหม เราจะเห็นร้านอาหารปิดร้านอีกกี่ราย”
ร้านอาหารของเชฟต้นมีทั้งหมดประมาณ 15 แบรนด์ในประเทศไทย และได้ขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ได้แก่ จีน มาเลเซีย (2 สาขา) ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน โดยมีระดับราคาหลากหลาย ตั้งแต่ติ่มซำในราคาย่อมเยาเริ่มต้นที่เข่งละ 39 บาท ไล่ราคาสูงขึ้น ๆ ไปจนถึงอาหารไฟน์ไดนิ่งระดับพรีเมียมที่ราคาสูงถึงหัวละ 10,000 บาท
“อยากให้เหตุการณ์ด้านบวกเกิดขึ้นเร็ว ๆ ครับ ไม่ช้าเกินไปสำหรับผู้ประกอบการอีกหลายรายที่กำลังหนัก ไม่อยากเห็นข่าวปิดร้านอาหารอีกแล้ว”
เชฟต้นย้ำอีกครั้ง
https://marketeeronline.co/archives/415254
ช่วงนี้คงได้เห็นข่าวร้านอาหารปิดอีกเยอะ
เมื่อเชฟเดือด “พวกเราเหมือนกบที่ถูกต้มในน้ำซึ่งค่อย ๆ เดือดขึ้นรู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว”
https://marketeeronline.co/archives/415254
ช่วงนี้คงได้เห็นข่าวร้านอาหารปิดอีกเยอะ