จะมีวิธีคุยกับหลานสาววัยเรียนอย่างไร

สวัสดีครับ รบกวนขอคำแนะนำเกี่ยวกับการศึกษาของหลานครับ
ผมมีหลานสาว 1 คน กำลังเรียนอยู๋ชั้นม.3 โรงเรียนเอกชนครับ
น้องเป็นเด็กเรียนดี อันดับ Top3 ของระดับชั้น
** เกรด4 ทุกวิชาตั้งแต่ม.1-2
** ชอบวาดรูป และเค้าทำได้ดี (ขอไปเรียนคลาสศิลปะเพิ่ม เราก็ให้ไป)
** เป็นนักเรียนดีเด่นด้านมารยาท และผลการเรียน (แต่เวลาเล่นเกมกับเพื่อนด่าฉ่ำ ตรงนี้เราไม่ว่า ให้ปล่อยจอย)
** ชอบเล่นเกม ที่ไม่ใช่แนวรุนแรง (เราตรวจทุกเกมที่หลานเล่น)
** เป็นที่รักของเพื่อน และคุณครู
ปีหน้าวางแผนจะสอบเข้าเตรียมอุดมฯ ในฐานะน้าเราสนับสนุนการศึกษาของหลานอย่างดีมาโดยตลอด
และหลานมีความฝันว่า อยากเป็นหมอครับ
..
ตรงนี้หลานบอกเราตอนที่เขาอยู่ม.1 ซึ่งตอนนั้นเราแค่ฟังผ่านๆ เพราะอยู่แค่ม.1 น่าจะยังไม่รู้จักตัวเองเท่าไหร่
จนกระทั่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ ม.2 น้องพูดบ่อยขึ้นว่า อยากเรียนหมอ
..
จากย่อหน้าที่2 ทำให้เราคิดไม่ตก เพราะเรามีเพื่อนเป็นหมอหลายคนครับ ที่รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมเลย เป็นเพื่อนกันอย่างยาวนาน20กว่าปี
และทุกคนเครียดมากๆในช่วงเรียน ช่วงสอบ ช่วงฝึกงาน เครียดจนถึงวัยทำงานที่ได้ออกมาเป็นหมอจริงๆ
ถึงบางคนเป็นหมอเด็ก หรือหมอผิวพรรณ ก็เครียดกับเคสคนไข้ครับ
นี่คือเหตุผลที่เราไม่สนับสนุนให้หลานเรียนหมอ เพราะเราไม่อยากให้เค้าเครียด จนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
และเรามั่นใจว่า ถ้าเค้าได้เรียน เค้าจะทุ่มเท และเครียดมาก นิสัยอยากเอาชนะทุกวิชา
..
เราเลยตัดสินใจบอก Road map ที่เราวางไว้ให้หลาน
**มัธยมปลาย ให้เรียนสายศิลป์
**มหาวิทยาลัย เราแนะนำให้เรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาทัศนศิลป์ หรือ นฤมิตรศิลป์ (ดูความชอบอีกที) หรือจะไปฝั่งนิเทศฯก็ได้
แน่นอนว่า เราดูนิสัย พฤติกรรม ความคิด ความชอบ งานอดิเรกของหลาน ถึงออกมาเป็น Road map ข้างบน
..
ช่วงที่คุยกับหลานเค้าก็สนใจครับ แต่พอเค้าไปเจอสังคมเพื่อนที่โรงเรียน หรือแม้แต่หลานเจอเพื่อนเรา
เค้าก็มีความฝันอยากเป็นหมออีก
คนรอบตัวเรา และครอบครัว ก็สนับสนุนหลานในการเป็นหมอ ยกเว้นเรา เพราะเรามองต่าง
..
อีก1ปีที่เหลืออยู่ในช่วง ม.3 เราควรแนะนำหลานอย่างไร
หรือควรสนับสนุนให้เค้าเรียนแผนวิทย์ช่วงม.ปลาย เพื่อลองสอบหมอ
ถ้าไม่ไหวค่อยเปลี่ยนสาย
..
ครอบครัวไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เรื่องเวลา ครับ
แต่เริ่มคิดไม่ตกกับแผนการศึกษาของหลานสาวครับ

ขอคำแนะนำครับ ขอบคุณครับ
..
11/05
สวัสดีทุกคนอีกครั้งนะครับ
กระทู้ของผมได้รับความสนใจจนติด Trend
และมีการแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด
ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม แบบนี้นะครับ
1. Road Map ที่ผมทำไว้ให้หลาน เป็นแค่ทางเลือก หรือตัวเลือกนึงเท่านั้นครับ
2. ผมทำโดย Based on จากพฤติกรรมการเรียน และนิสัยของหลานครับ ไม่ได้มโนขึ้นมาเอง
3. หลานผมได้เกรด 4 ทุกวิชาก็จริง แต่ในรายวิชาด้านวิทย์-คณิต คะแนนเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 85-90 ครับ
4. ส่วนด้านภาษา และศิลปะ 100 เต็มครับ
5. แน่นอนผลคะแนนที่ออกมาทุกๆเทอม ผมมีแต่คำชื่นชม และไม่เคยกดดันว่า ต้องได้ 100 เต็มทุกวิชา
6. หลานผมเรียนติวเยอะมาก ทั้งด้านวิทย์-คณิต-วาดรูป ตอนนี้กำลังจะเปิดเทอมม.3 แต่เรียนนำหลักสูตร ม.3 แล้วครับ
7. จากข้อ6 หลานต้องการจะเรียนติว โดยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ผมมีหน้าที่ให้กำลังใจและสนับสนุน ซึ่งผมทำอยู่
8. และทุกๆครั้งที่หลานติวเข้มวิชาด้านวิทย์-คณิต เค้าจะเครียดมาก เคยแก้โจทย์อยู่คนเดียว 4 ชม. ไม่ทานข้าว
แน่นอนคนเป็นน้าต้องเป็นห่วง
9. เราถามเค้าว่า ไหวรึป่าว ok มั๊ย? เค้าตอบว่า ไหว แต่สภาพร่างกายไม่ใช่
10. จากพฤติกรรม 8-9 มันเลยทำให้เราหา PlanB ไว้เท่านั้นครับ เพราะเป็นห่วง
11. PlanB ของเรา แค่เล่าให้หลานฟัง กึ่งๆโน้มน้าวก็ได้ แต่ไม่ได้บังคับ ไม่ได้กล่อมประสาททุกวัน
12. ผมกล้าพูดตรงๆว่า ผมไม่อยากให้หลานเครียด ถึงแม้จะเป็นความเครียดที่เค้ายอมรับ
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันส่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคตแน่นอน
13. ข้อนี้ขอพูดแบบนิสัยไม่ดี เงินคือสิ่งที่ผมมีมากที่สุดในชีวิต และสะสมไว้ส่งเสียหลาน หลานไม่ต้องทำงานหนัก ก็สบายครับ
..
สุดท้าย
1.อยากให้ทุกคนสบายใจ ผมไม่บังคับหลานแน่นอน ถ้าเค้าอยากเรียนสายแพทย์สนับสนุนอยู่แล้วครับ
2.ผมไม่มีปัญหากับคอมเม้นที่เข้ามาคัดค้านนะครับ ถ้าคุณแสดงความเห็นอย่างสุภาพ

ขอบคุณอีกครั้งครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่