[CR] รีวิวเที่ยวโมร็อกโกคนเดียว 7 วัน

สวัสดีค่ะ

ทริปนี้เราเดินทางไปประเทศโมร็อกโกคนเดียวทั้งหมดเจ็ดวัน โมร็อกโกตั้งอยู่ที่แอฟริกาเหนือ เป็นครั้งแรกที่เรามาทวีปแอฟริกา

ค่าใช้จ่ายประมาณ 8000  บาทไม่ตรวมตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ

คนที่นี่ใช้ภาษาอาหรับ เบอเบอร์ และฝรั่งเศส คนไทยมาที่นี่ต้องขอวีซ่า ซึ่งสามารถทำได้ออนไลน์

วันที่หนึ่ง นั่งเครื่องมาถึงที่เมือง Ouarzazate ตมเมืองนี้ถามคำถามเราเยอะมาก ว่ามาทำอะไรคนเดียว พักที่ไหน ทำงานอะไร มีเงินมาเท่าไร ขอดูตั๋วขากลับ แต่เราก็แสดงให้เขาดูหมด

เดินจากสนามบินไปที่ที่พัก 4 กิโลเมตรเพื่อที่จะได้ชมวิวระหว่างทาง ค่าที่พักคืนนี้ราคา 7 ยูโร พร้อมฟรีอาหารเช้า เราซื้อซิมจากร้านค้าที่นี่ราคา 110 MAD และซื้อมื้อเย็นกินเป็นแป้งแบบโรตีราคาแผ่นละ 3 MAD น้ำส้มที่นี่อร่อยมาก เราจำไม่ได้ว่าราคาเท่าไร

ค่าเงินที่ใช้ 1 MAD = 3.50 บาท ถ้ามาเที่ยวประเทศนี้แนะนำให้พกเงินสดไว้เพราะว่าส่วนใหญ่ที่ไปตามร้านค้าร้านอาหารหรือโรงแรมจะรับเป็นเงินสด และถ้าไปนอกเมืองตู้เอทีเอ็มจะหายากมาก

ห้องนอนเราได้มี 5 เตียง มีคนมาก่อนเรา 2 คน คืนแรกหลับสบายมาก ถึงจะมีเสียงหมาเห่านิดหน่อย

วันที่สอง อยู่กันที่ Ouarzazate เหมือนเดิม หลังจากทานอาหารเช้าฟรีที่โรงแรมซึ่งเป็นแป้งโรตีแบบเมื่อวานกับไข่เจียวแล้วก็ชีส

เราไปต่อที่ Solar power station ซึ่งเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดของโมร็อกโกเพื่อผลิตไฟฟ้า เนื่องจากเมืองตั้งอยู่กลางทะเลทรายมีแสงแดดที่เข้มข้นและมีวันที่มีแดด 300 วันต่อปี 

โดยเรานั่งแท็กซี่จากหน้าโรงแรมมีราคาไปกลับ 200 MAD ซึ่งเราจะเจอเพื่อนใหม่ที่โรงแรมเดียวกันเลยหารค่าแท็กซี่กัน 

ระหว่างทางกลับที่พักเราแวะข้างทางแล้วมีคุณลุงเข้ามาทักทายพวกเรา ตอนนั้นแดดร้อนมากคุณลุงเลยชวนพวกเราไปดื่มชาที่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านที่นี่ก็จะมีขนาดเล็กกระจายอยู่รอบรอบสถานีพลังงานแสงอาทิตย์ ลุงคนขับแท็กซี่บอกว่า วัฒนธรรมที่นี่มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะชวนคนแปลกหน้าเข้าบ้านมาดื่มชา

 

มาต่อกันที่ Oasis

เดินต่อมาสักพักพวกเราพบกับเจอลุงที่เลี้ยงแพะอยู่แถวนั้นเราเลยเข้าไปทักทายแล้วถามเกี่ยวกับนมแพะแกเลยชวนให้เราไปบ้านแกได้เพื่อที่จะได้ชิมนมแพะ ภรรยาของคุณลุงเลี้ยงแพะได้ให้ชุดพื้นเมืองเผ่า Berber กับเรา 

จากนั้นเรากลับมาที่โรงแรมเพื่อที่จะเดินทางไปที่ทะเลทราย Zagora ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณสามถึงสี่ชั่วโมง ระหว่างทางมีภูมิทัศน์ที่หลากหลายมาก มีภูเขาแอตลาส เส้นทางที่โค้งไปมาและหมู่บ้านแบบดั้งเดิม

ทัวร์ทะเลทรายราคา 450 MAD รวมที่พัก 1 คืนและอาหาร เราซื้อที่โรงแรม พอมาถึงที่ทะเลทรายก็มีอูฐมารอรับเพื่อเดินทางไปที่พัก ใช้เวลาขี่อูฐประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า  มื้อเย็นวันนี้เป็น Tajine จะเป็นภาชนะที่ใช้ทำอาหารเป็นหม้อดินเผา ส่วนผสมจะเป็นเนื้อสัตว์ ผักและแครอท เครื่องเทศและพริกผง

ที่นอนมี 4เตียงในเต้นกระโจมแต่เรานอนคนเดียว แต่ต้องเปิดประตูเพราะในเต้นอากาศร้อน

วันที่สาม ตื่นเช้ามาเก็บของเพื่อที่จะเดินทางกลับโดยขี่อูฐจากที่พักไปขึ้นรถเพื่อที่จะเดินทางไปต่อที่เมือง Marrakech ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง

Marrakech เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในโมร็อกโก มีตลาดกลางแจ้ง เราเช็คอินที่โรงแรม เราค่อนข้างที่จะผิดหวังกับห้องที่นี่เพราะดูไม่เหมือนในรูป ราคาที่พัก 15 ยูโร ห้องนอนเก่ามาก ห้องน้ำไม่ค่อยสะอาดเท่าไร เราไม่ได้ถ่ายรูปมา มีวีดีโอไปดูในยูทูปได้ค่ะ

ตอนค่ำเรามาหาอะไรกินที่ตลาด เมนูนี้จะเป็น Tajine เนื้อวัวกับซอสมะเขือเทศโดยกินคู่กับขนมปัง

เช้าวันที่สี่เตรียมตัวมาขึ้นรถเพื่อไปที่หมู่บ้าน Imlil ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึง หมู่บ้าน Imlil เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินป่าเพื่อไปที่ยอดเขา Toubkal ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอตลาสที่ความสูง 4,167 เมตร

เรามาถึงจุดนัดพบกับไกด์เดินป่าที่หมู่บ้าน Imlil ทริปนี้จะใช้เวลาสามวันสองคืน ค่าทริปเดินป่าราคา 80 ยูโร รวมค่าอาหารสามมื้อ ค่ารถไปกลับจาก Marrakech และค่าที่พักสองคืน

เราเดินทางมาคนเดียว แต่ได้เข้าร่วมกลุ่มกับนักเดินป่าจากที่อื่น ๆ รวมทั้งหมด 11 คน เราเริ่มเดินจากหมู่บ้าน Imlil มุ่งหน้าสู่ที่พัก Refuge Toubkal ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณห้าถึงหกชั่วโมง โดยเราต้องไต่ระดับความสูงจาก 1,370 เมตรไปจนถึง 3,207 เมตร

ก่อนออกเดินทาง ไกด์ได้ตรวจสอบความพร้อมของเรา ว่าเรามีอุปกรณ์ครบถ้วนหรือไม่ เราเตรียมรองเท้าเดินป่ากันน้ำ เสื้อกันลม ไฟฉายคาดหัว และเสื้อผ้าอุ่น ส่วนถุงมือ เราเช่ามาในราคา 35 บาท หากมีอะไรขาดไกด์ก็มีให้เช่าทุกอย่าง

เราเริ่มเดินประมาณ 11 โมง จะมีจุดตรวจพาสสปอตอยู่ก่อนทางเดินขึ้น วันนั้นอากาศกลางวันร้อนมาก

และพักกินมื้อเที่ยงระหว่างทาง จนเดินถึงที่พักประมาณหกโมงเย็น ที่พักเป็นห้องนอนรวมมี 16 เตียง ห้องน้ำไม่มีน้ำอุ่น แต่เราก็ฝืนใจอาบน้ำเพราะเดินมาทั้งวัน พวกเรากินมื้อค่ำด้วยกันที่นั่น ไม่มีสัญญาณมือถือเลย มีแค่เน็ตที่ช่องหน้าต่างในห้องน้ำ ซึ่งเราใช้ส่งข้อความบอกแม่ว่ายังปลอดภัยดี

การมาที่นี่เหมือนเป็นการดีท็อกซ์จากโซเชียล ทุกคนพูดคุยกัน ไม่มีใครเล่นมือถือเลย กว่าจะได้กินมื้อค่ำเสร็จ เข้านอนประมาณสี่ทุ่ม แต่เรานอนไม่ค่อยหลับเท่าไร แค่คิดว่าต้องตื่นตีสองครึ่ง

วันที่ห้า เราตื่นตีสองครึ่งและพวกเรากินมื้อเช้ากัน เพราะต้องเดินไปที่จุดสูงสุดให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง ถึงจุด Summit ที่ระยะความสูง 4,167 เมตร

เราเตรียมตัวเสร็จและเริ่มเดินประมาณตีสาม ลมแรงหนาวประมาณ -2C ไฟฉายที่เตรียมมาได้ใช้จริง เทรลนี้เรารู้ตัวเลยว่าเราเตรียมตัวมาไม่พอ ร่างกายเราไม่ชินกับระดับความสูงแบบนี้ มันเหนื่อยจนเราไม่มีอยากถ่ายรูปแต่วิวภูเขาสวยมาก บอกตัวเองว่าหายใจและเดินต่อไป

เราไปถึงแค่ระดับความสูง 3,800 เมตร เพราะว่าเรามีอาการเวียนหัวจากโรคที่เรียกว่า Mountain sickness ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ดีเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีความสูงมากกว่า 2,500 เมตร จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไกด์จึงแนะนำให้เราพักตรงนี้ก่อน ระหว่างรอคนในทีมไปถึง summit เขาบอกเราไม่ต้องเสียใจมันเป็นเรื่องปกติมาก มีหลายคนที่ไปไม่ถึงตรงนั้น Toubkal มันก็ยังอยู่ตรงนี้เหมือนเดิม ไว้เราพร้อมค่อยมาใหม่ก็ได้ จากนั้นพวกเราเดินลงกลับมาพักที่ Refuge และเก็บของและกินมื้อเที่ยงก่อนที่จะเดินกลับไปที่หมู่บ้าน Imlil โดยเส้นทางเดิมที่เดินขึ้นมาเมื่อวานเราใช้เวลาเดินลงจากเขากันไวมากประมาณ 3ชมกว่าๆ ระหว่างทางจะเห็นชาวบ้านใช้ล่อในการขนของขึ้นไปบนภูเขา

เราเดินกลับมาถึงหมู่บ้าน Imlil ประมาณบ่ายสามโมง บางคนจองทริปแบบ2วัน1คืนก็สามารถเดินทางกลับได้วันนี้เลย มาถึงที่พักเราได้พักห้องนอนคนเดียวเพราะในกลุ่มที่เหลือ5คนมีแต่ผู้ชาย เขาเลยให้ห้องแยกกับเรา

วันที่หก ประมาณ 10 โมงหลังจากทานมื้อเช้าเราเริ่มออกเดินทางผ่านน้ำตกและภูเขาที่มีระดับความสูงไม่มากเหมือนเมื่อวาน ระยะทางทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านท้องถิ่นเพื่อไปขึ้นรถกลับเข้าเมือง Marrakech

เดินทางมาถึงที่เมือง Marrakech คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ราคาที่พัก 9 ยูโร แล้วได้เพื่อนใหม่อีกสองคนที่เจอกันที่โรงแรมเราเลยชวนกันไปเดินตลาด เราเลือกร้านที่มีมุมมองเห็นเมืองในมุมสูง และร้านนี้มีเบียร์ขาย ซึ่งการดื่มเบียร์ที่โมร็อกโกอาจจะยากเพราะประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม มักจะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์

วันสุดท้าย วันที่เจ็ด เราเช็กเอาท์จากโรงแรมออกมาหาของกินที่ตลาดโดยเราสั่งเป็น Tanjia เป็นเนื้อที่ปรุงในหม้อดินด้วยเครื่องเทศและกระเทียม จากนั้นเรานั่งรถทางจากเมือง Marrakech ไปที่สนามบิน Marrakech โดยใช้รถเมล์ซึ่งมีราคา 30 MAD ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

การเดินทางคนเดียวในโมร็อกโกเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำมาก!

ฝากช่องด้วยค่ะ 😊