姊妹 จื่อเม่ย (พี่สาวน้องสาว) หนังสั้นผลงานล่าสุดของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของงานดังๆที่เรารู้จักกันดีอย่าง เคาท์ดาวน์.. ฉลาดเกมส์โกงและ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ
กับโปรเจ็คต์หนังสั้น Hong Kong in The Lens By Asian Directors
นำเสนอภาพยนตร์สั้นสามเรื่องที่กำกับโดยผู้สร้างภาพยนตร์จากเกาหลี ฟิลิปปินส์ และไทย
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของฮ่องกงนั่นเอง
นัฐวุฒิเลือกเอาพี่น้องจริงๆมาเล่นด้วยกันนั่นก็คือ คริสและพลอย หอวัง มารับบทเป็นเอพริลและเมย์
สองพี่น้องที่ตามรอยพ่อตัวเองในเมืองแห่งสีสันอย่างฮ่องกงเพื่อตามหาเมียน้อยของพ่อให้เจอ
เป็นหนังที่ดูแล้วมีความรู้สึกหว่องชัดเจน แบบเดียวกันกับ One for the Road ที่หว่องกาไว ร่วมเป็นโปรดิวเซอร์
ซึ่งคริสและพลอยเล่นได้ธรรมชาติอย่างมาก
ท่ามกลางบรรยากาศยามราตรีของฮ่องกง แสงสีที่พาให้ใจเราล่องลอยและหลงตามไปกับมันได้ง่ายๆ
แต่สองพี่น้องมีเป้าหมายที่แรงกล้าอย่างยิ่ง พวกเธอต้องรีบทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงโดยเร็วก่อนที่บางอย่างจะสายเกินไป ..
คริสกับบทเอพริล เป็นพี่สาวที่ดูจริงจังกับทุกสิ่ง แม้ว่าจะดูผิดหวังกับสิ่งที่พ่อทำไว้แต่เธอก็เคารพพ่ออย่างมาก
ขณะที่พลอยในบทเมย์ น้องสาวร่าเริงแจ่มใสผู้พยายามช่วยพี่สาว แต่บางอย่างก็ยังดูขัดหูขัดตาพี่เธอไปซะหมด
ทรงนี้ชัดเลย ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่สู้ดีแน่ แต่ก็ได้สถานการณ์ในครั้งนี้ที่ฮ่องกง เหมือนจะช่วยเยียวยาจิตใจระหว่างพี่น้องกันได้ (หรือเปล่า?)
ดูแล้วก็อยากไปเที่ยวฮ่องกงมากเลยครับ ถึงใครมักจะบอกว่าไปฮ่องกงทำไมมีอะไรให้น่าเที่ยว..
ผมเชื่อว่าในทุกสถานที่มีอะไรให้เราได้ค้นหาด้วยกันทั้งนั้นล่ะ ไม่ต้องไปตามรอยร้านเหล้าในหนังก็ได้
แค่ได้มีโอกาสเฝ้ามองชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่ที่แม้จะสับสนวุ่นวาย แต่ในใจเราอาจจะตกตะกอนคิดอะไรบางอย่างก็เป็นได้เช่นกัน
เป็นหนังสั้น 23 นาทีที่ภาพสวย (มากกกก) ที่ทำให้เราย้อนกลับไปยังความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวอีกครั้ง
ที่ผ่านมาเราได้หลงลืมอะไรไปบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่แค่เฉพาะระหว่างพี่น้องเท่านั้น แต่กับคนใกล้ตัวคนที่เรารักก็เช่นกัน
ยิ่งเราใช้ชีวิตของตนมากเท่าไหร่ ก็อย่าได้ละเลยคนใกล้ตัวนะครับ ในทุกความสัมพันธ์แม้อาจจะมีช่วงเวลาที่เจ็บปวดกันบ้าง
แต่หากไม่ไปผูกใจยึดกับมันให้มาก เราก็ยังเดินเคียงข้างกันต่อไปได้.. ชีวิตก็เท่านี้ล่ะ จริงมั้ยครับ
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
姊妹 Zi Mui (2023) ... สองพี่น้องในยามราตรี..ที่ฮ่องกง..
姊妹 จื่อเม่ย (พี่สาวน้องสาว) หนังสั้นผลงานล่าสุดของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของงานดังๆที่เรารู้จักกันดีอย่าง เคาท์ดาวน์.. ฉลาดเกมส์โกงและ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ
กับโปรเจ็คต์หนังสั้น Hong Kong in The Lens By Asian Directors
นำเสนอภาพยนตร์สั้นสามเรื่องที่กำกับโดยผู้สร้างภาพยนตร์จากเกาหลี ฟิลิปปินส์ และไทย
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของฮ่องกงนั่นเอง
นัฐวุฒิเลือกเอาพี่น้องจริงๆมาเล่นด้วยกันนั่นก็คือ คริสและพลอย หอวัง มารับบทเป็นเอพริลและเมย์
สองพี่น้องที่ตามรอยพ่อตัวเองในเมืองแห่งสีสันอย่างฮ่องกงเพื่อตามหาเมียน้อยของพ่อให้เจอ
เป็นหนังที่ดูแล้วมีความรู้สึกหว่องชัดเจน แบบเดียวกันกับ One for the Road ที่หว่องกาไว ร่วมเป็นโปรดิวเซอร์
ซึ่งคริสและพลอยเล่นได้ธรรมชาติอย่างมาก
ท่ามกลางบรรยากาศยามราตรีของฮ่องกง แสงสีที่พาให้ใจเราล่องลอยและหลงตามไปกับมันได้ง่ายๆ
แต่สองพี่น้องมีเป้าหมายที่แรงกล้าอย่างยิ่ง พวกเธอต้องรีบทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงโดยเร็วก่อนที่บางอย่างจะสายเกินไป ..
คริสกับบทเอพริล เป็นพี่สาวที่ดูจริงจังกับทุกสิ่ง แม้ว่าจะดูผิดหวังกับสิ่งที่พ่อทำไว้แต่เธอก็เคารพพ่ออย่างมาก
ขณะที่พลอยในบทเมย์ น้องสาวร่าเริงแจ่มใสผู้พยายามช่วยพี่สาว แต่บางอย่างก็ยังดูขัดหูขัดตาพี่เธอไปซะหมด
ทรงนี้ชัดเลย ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่สู้ดีแน่ แต่ก็ได้สถานการณ์ในครั้งนี้ที่ฮ่องกง เหมือนจะช่วยเยียวยาจิตใจระหว่างพี่น้องกันได้ (หรือเปล่า?)
ดูแล้วก็อยากไปเที่ยวฮ่องกงมากเลยครับ ถึงใครมักจะบอกว่าไปฮ่องกงทำไมมีอะไรให้น่าเที่ยว..
ผมเชื่อว่าในทุกสถานที่มีอะไรให้เราได้ค้นหาด้วยกันทั้งนั้นล่ะ ไม่ต้องไปตามรอยร้านเหล้าในหนังก็ได้
แค่ได้มีโอกาสเฝ้ามองชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่ที่แม้จะสับสนวุ่นวาย แต่ในใจเราอาจจะตกตะกอนคิดอะไรบางอย่างก็เป็นได้เช่นกัน
เป็นหนังสั้น 23 นาทีที่ภาพสวย (มากกกก) ที่ทำให้เราย้อนกลับไปยังความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวอีกครั้ง
ที่ผ่านมาเราได้หลงลืมอะไรไปบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่แค่เฉพาะระหว่างพี่น้องเท่านั้น แต่กับคนใกล้ตัวคนที่เรารักก็เช่นกัน
ยิ่งเราใช้ชีวิตของตนมากเท่าไหร่ ก็อย่าได้ละเลยคนใกล้ตัวนะครับ ในทุกความสัมพันธ์แม้อาจจะมีช่วงเวลาที่เจ็บปวดกันบ้าง
แต่หากไม่ไปผูกใจยึดกับมันให้มาก เราก็ยังเดินเคียงข้างกันต่อไปได้.. ชีวิตก็เท่านี้ล่ะ จริงมั้ยครับ
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===