🔴 Rafale ของอินเดีย 4 ลำถูกรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์จาก J-10C ของปากีสถาน

Rafale ของอินเดีย 4 ลำถูกรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์จาก J-10C ของปากีสถาน
ในค่ำคืนระหว่างวันที่ 29 ถึง 30 เมษายน เกิดเหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการความมั่นคงระหว่างประเทศ เมื่อคาวาจา อาซิฟ รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถาน ออกมาเปิดเผยว่า เครื่องบินรบ Rafale ของอินเดียจำนวน 4 ลำ ถูกกองทัพอากาศปากีสถานรบกวนด้วยสงครามอิเล็กทรอนิกส์บริเวณใกล้เส้นควบคุม (LoC) ในแคชเมียร์ ส่งผลให้ฝูงบินอินเดียต้องล่าถอยและลงจอดฉุกเฉินที่ศรีนคร

ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม X รายงานระบุว่า ปากีสถานใช้เครื่องบิน J-10C ที่ผลิตโดยจีน พร้อมติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ระดับสูงในการปฏิบัติการครั้งนี้ จุดประสงค์หลักคือเพื่อขัดขวางเรดาร์และระบบสื่อสารของฝูงบินอินเดีย

แม้ทางอินเดียจะยังไม่ออกมายืนยันเหตุการณ์ดังกล่าว แต่การอ้างถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของจีนที่สามารถท้าทายระบบตะวันตกอย่าง Rafale จากฝรั่งเศส ก็กลายเป็นประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากหยิบยกมาวิเคราะห์อย่างเข้มข้น

แม้คำกล่าวอ้างของฝั่งปากีสถานจะยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ และอาจมีเจตนาทางการเมืองหรือการโฆษณาชวนเชื่อ แต่ก็สะท้อนความเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มของการทำสงครามสมัยใหม่ที่เน้นการรบทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดหลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายในเมืองพาฮาลกัม เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวอินเดียถึง 26 ราย โดยรัฐบาลนิวเดียชี้นิ้วไปที่ปากีสถานว่าอยู่เบื้องหลัง ข้อกล่าวหาที่อิสลามาบัดปฏิเสธอย่างหนักแน่น

ตามรายงานของสื่อรัฐปากีสถาน กองทัพอากาศได้สกัดและผลักดันเครื่องบิน Rafale ที่บินลาดตระเวนใกล้แนว LoC จนต้องถอยกลับแบบไม่ทันตั้งตัว ขณะที่ Clash Report หนึ่งในสื่อที่สนับสนุนคำกล่าวของ Asif ก็อ้างว่าเครื่องบินอินเดียไม่สามารถใช้งานระบบได้ตามปกติเนื่องจากการโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์

J-10C ถือเป็นเครื่องบินหลักของฝูงบินใหม่ของปากีสถาน นับตั้งแต่เข้าประจำการในปี 2022 เพื่อถ่วงดุลกับฝูงบิน Rafale จำนวน 36 ลำของอินเดีย เครื่องรุ่นนี้มาพร้อมเรดาร์ AESA รุ่นใหม่ ระบบขีปนาวุธ PL-15 และ PL-10 และที่สำคัญคือระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกม

นักวิเคราะห์เชื่อว่า J-10C อาจใช้อุปกรณ์เช่น KG300G หรือ KG600 สำหรับรบกวนเรดาร์ศัตรู โดยอาจใช้เทคโนโลยี DRFM ที่สามารถสร้างภาพหลอกเรดาร์เพื่อปกป้องตัวเอง

ระบบป้องกันของ Rafale เองก็ไม่ธรรมดา SPECTRA ของฝรั่งเศสถือเป็นหนึ่งในระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่ล้ำหน้าที่สุด สามารถระบุ ขัดขวาง และตอบโต้สัญญาณเรดาร์หรือขีปนาวุธแบบเรียลไทม์ ถือเป็นจุดแข็งของ Rafale ที่ทำให้หลายประเทศไว้วางใจ

เครื่องบิน Rafale ที่ประจำการอยู่ในฐานอัมบาลาและฮาซิมารา ยังติดตั้งอุปกรณ์พิเศษตามความต้องการของอินเดีย เช่น ขีปนาวุธร่อน BrahMos หรือจอแสดงผลบนหมวกนักบิน ซึ่งเสริมความสามารถรบในยุคที่การเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์มีความสำคัญสูง

การที่ J-10C จะสามารถแทรกแซงระบบ SPECTRA ได้สำเร็จ หากเป็นความจริง ถือว่าไม่ธรรมดา และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีจีนที่ทวีความน่าจับตาขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคที่จีนลงทุนอย่างหนักกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
ที่ผ่านมา Rafale มีประสบการณ์ในสนามรบจริงมากกว่า เช่นในลิเบีย ซีเรีย และมาลี ขณะที่ J-10C ยังถือเป็นหน้าใหม่บนเวทีโลก แม้จะมีอุปกรณ์ทันสมัยก็ตาม แต่ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง

ในทางกลับกัน จีนเองก็พัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ เช่น KG600 ที่สามารถก่อกวนเรดาร์ AESA แบบของ Rafale ได้ อย่างไรก็ตาม การจะเอาชนะระบบที่ซับซ้อนอย่าง SPECTRA ได้จริง จำเป็นต้องมีความสามารถทั้งทางเทคนิคและการประสานงานแบบเฉียบคม

แม้จะยังไม่มีหลักฐานจากแหล่งอิสระ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมหรือการดักฟังสื่อสาร แต่การที่อินเดียไม่ออกมาโต้ตอบ ก็อาจเป็นการเลือกหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์บานปลาย หรืออาจหมายถึงความจริงบางอย่างที่ไม่อยากเปิดเผย

เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่ผูกโยงกับความตึงเครียดหลังเหตุการณ์ Pahalgam ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธที่มีความเกี่ยวข้องกับปากีสถาน ทำให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินมาตรการตอบโต้ ตั้งแต่การระงับข้อตกลงสนธิสัญญา ไปจนถึงปิดน่านฟ้าซึ่งกันและกัน

แม้ข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับการรบของ Rafale จะยังเป็นที่กังขา แต่ก็เข้ากับบริบทของ "สงครามข้อมูล" ที่มุ่งเสริมความมั่นใจในประเทศและกดดันคู่แข่งในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในพื้นที่อ่อนไหวอย่างแคชเมียร์
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่