ใครรู้สึกเหมือนเราบ้างว่า “เหนือพรหมลิขิต” ดูไม่ออกเลยว่าเป็นละครพีเรียด

เปิดฉากมาตอนแรกคือนึกว่าเป็นยุคปัจจุบัน 2024-25 เลย คือรถรามบ้านช่องดูยังไงๆก็ยุคปัจจุบันชัดๆ แต่พอย้อนกลับไปสมัยที่นางเอกยังวัยรุ่นอยู่ก็เอ๊ะว่าทำไมยัอนไปไกลถึงยุค 90 เลยเหรอ พอดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ อ๋อ นี่มันอยู่ในปี 2553  เอง ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกนะคะว่ามันเป็นยุค 2010 คือแฟชั่นอะไรต่างๆไม่มีความต่างจากปัจจุบันเลย จนกระทั่งมีฉากที่อัญชิตาหรือปลายฟ้าถือโทรศัพท์ขึ้นมาถึงได้รู้ว่าเป็น bb ที่สมัยนี้เค้าไม่ได้ใช้กันแล้ว เราก็เลยย้อนกลับไปดูตอนแรกใหม่ก็ถึงบางอ้อทันทีว่าทำไมฉากที่อัญชิตากับอินทุอรขับรถตามหานางเอก อัญชิตาถึงใช้หูฟังแบบมีสาย ต่างจากปัจจุบันที่นิยมใช้แบบwireless กันมากกว่า รวมถึงฉากที่ปีเตอร์แพนที่รับบทเป็นบอสขับรถตามหานางเอกอีกคน ก็ใช้ไอโฟน 4 ที่เพิ่งออกมาในปี 2010 แต่ก็ทำให้เรารู้สึกแก่ขึ้นมาทันที ยุคนั้นเป็นยุคที่ช่อง 3 กำลังปังจากกระแสคู่จิ้นของบอยมาร์กี้ หมากคิม ณเดชน์ญาญ่า จาก 4 หัวใจแห่งขุนเขา แล้วในปีเดียวกันก็เป็นจุดพีคสูงสุดของพลอย เฌอมาลย์ที่กำลังปังจากบทนางร้ายตัวชูโรง 2 เรื่องติด อย่างกุหลาบไร้หนามที่เป็นที่สุดของฝีมือการแสดงกับบทที่มีมิติมากๆ แล้วก็ระบำดวงดาวที่แซ่บจนติดเรท 18+ ไม่คิดเหมือนกันว่าในปัจจุบันจะมีละครพีเรียดที่มี timeline อยู่ในยุค 2010 ต้นๆแบบนี้ ทั้งแฟชั่นเสื้อผ้าหน้าผมแล้วก็สื่อต่างๆในยุคนั้นมาดูในยุคนี้ก็ไม่เก่าไม่เชยเลย ถ้าเทียบกับสุดแค้นแสนรักที่ฉายเมื่อ 10 ปีก่อน พาร์ทที่รุ่นลูกโตแล้วซึ่งอยู่ในยุค 2544 เสื้อผ้าหน้าผม ตึกรามบ้านช่องต่างๆ ยังดูมีความต่างจากปี 2558 พอสมควร แต่พอมาเหนือพรหมลิขิต ที่มีไทม์ไลน์อยู่ในปี 2553 นอกจากโทรศัพท์แล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรที่ต่างจากปัจจุบันเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่