เพิ่งกลับจากอุบลค่ะ
อิ่มใจ อิ่มกาย มาก
ใจฟูจนอยากมาแชร์ทริปสั้น ๆ นี้เลยจริง ๆ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณกระทู้ท่านผู้มีอุปการะคุณ เพราะได้ลอกการบ้านเยอะมาก ซึ่งก็คือกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/43119880
ปีนี้ แปลกมาก ในใจมันเต้นตึ้ก ๆ ร่ำร้องว่า อยากไปอุบล อยากไปอุบล โดยไม่มีสาเหตุ

นี่ก็เลยหาเหตุให้ต้องไป คือ อาสาผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งว่าจะไปทำธุระให้ ก็เลยมีเหตุผลดี ๆ ให้ต้องไปเมืองดอกบัว
จริง ๆ ไปคนเดียวได้นะคะ แต่ (คิดไปเองว่า) กลัวคนข้างตัวจะเป็นห่วง ก็เลยมองรอบตัวว่า ชวนใครไปดีหนา ? ลูก ๆ ทุกคนติดเรียนติดสอบ เพื่อนสนิทที่ชอบเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมเหมือนกันปฏิเสธ ค่าที่เธอเคยมีหนุ่มสนิทเป็นคนอุบล ไปเที่ยวมาหลายรอบมาก ๆ แล้ว จนไม่รู้จะไปเที่ยวตรงไหนอีก เพื่อนก็ปฏิเสธไป
เหลือคนข้างตัวที่มีปรกติวิสัยของความบ้างาน นี่ก็ไปหลอกล่อว่าไปเถอะ วันจันทร์หยุดชดเชย เพียงเพื่อมาพบภายหลังว่า ไม่หยุดจ้า ทำงานปกติ แต่จองตั๋วแล้ว ยังไงก็ต้องลากกันไป ก็เลยได้ไปอุบลฯกันสองคน
ส่วนตัว ชอบจังหวัดนี้มาก หลงรักบอกไม่ถูก
ครั้งแรกที่มา มากับทีมนักวิจัยชาวญี่ปุ่น เมื่อสมัยจบใหม่ ๆ สนุกมาก จำได้ว่า ตอนนั้นพักโรงแรมลายทอง
ได้มาอีกครั้งกับคนที่เลิกกันไป (ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจังค่ะ)
หลังจากนั้น ในวัยสาวรุ่น ก็มีเหตุให้ต้องมาทำงานหาข้อมูลที่อุบลอีก มาคนเดียวด้วย ตอนนั้น รถเช่าอะไรก็ไม่แพร่หลายเหมือนสมัยนี้ และเรายังขับรถไม่เป็นด้วย ต่อรถ ต่อรา เหมาสองแถวไปทำงานหาข้อมูลกันสนุกสนานไม่กลัวอะไรเลย แถม... ยังเหมาสองแถวไปวัดหนองป่าพงกราบเจดีย์หลวงปู่ชาด้วย
ไปแบบคนเดียวนี่แหละ
แล้วก็ได้มาอีกเป็นครั้งที่สี่ ครั้งนั้นมากับเพื่อนสนิท และชายหนุ่มที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นสามีอิชั้นได้สัก 24-25 ปีแล้ว ตอนนั้น พวกเราไปเขาพระวิหาร มาอุบล ไปวัดหนองป่าพง ไปวัดป่านานาชาติ ยังจำได้ว่า ครั้งนั้น เจอท่านชยสาโร ท่านจำพรรษาที่วัดป่านานาชาติ เราเข้าไปกราบท่าน ท่านยังเมตตาเทศน์เรื่องการใช้คำพูดให้ถูกต้องเหมาะสมหรือสัมมาวาจา
ท่านเทศน์ว่า
เราไม่ควรพูดเท็จ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย และพูดให้เหมาะสมกับกาละ เทศะ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังด้วย
จำได้ว่า วันนั้น อากาศร้อนจัด แต่ท่านก็เมตตาเทศนาพวกเราสามคนตั้งครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ยังระลึกถึงพระคุณท่านและประทับใจจนทุกวันนี้
หนังสือ “อุปลมณี” ของหลวงปู่ชา และคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลาย ๆ รูปในสายหลวงปู่ชา ก็ได้เป็นที่พึ่งพิงทางใจของเราในวันที่รู้สึกว่าชีวิตมืดมนหม่นเศร้าที่สุด ทำให้เราค่อย ๆ ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเรียนรู้ เติบโตผ่านคำสอนที่เรียบง่าย ลึกซึ้งนั้นจนเริ่มมีหลักของใจมาได้จนถึงวันนี้
แต่มาเที่ยวนี้ หลังจากธุระเสร็จแล้ว หมายใจว่า จะต้องไปในที่ที่ไม่เคยไป และต้องไปล่องแม่น้ำมูลให้ได้ ที่ฝังใจกับแม่น้ำมูลเพราะว่า สมัยรุ่น ๆ เห็นโปสเตอร์ที่เขียนชื่อภาษาอังกฤษของแม่น้ำมูลว่า Moon River (สายธารพระจันทร์) แล้วรู้สึกว่า ชื่อมันละมุนใจมาก เราต้องถือโอกาสมาได้ข้ามแม่น้ำ ชมแม่น้ำ ล่องแม่น้ำสักครั้งหนึ่ง
แล้วก็ได้สมใจค่ะ
ข้ามฟากแม่น้ำมูลไปเที่ยววัดป่าปากโดม ค่าข้ามคนละ 40 บาท บรรยากาศเขียว ขจี ร่มรื่นมาก
เราวิ่งตามลายแทง ไปลงเรือตรงท่าเรือ อ.ตาลสุม ท่าเรือวังเวงดี คนไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ใช้ข้ามฟาก เรานั่งเรือจากท่าเรืออำเภอตาลสุมไปวัดป่าปากโดมฝั่งอ.พิบูลมังสาหาร
รัก...อุบล (เอ... หรือรักคนที่พาไปอุบลด้วย ?) งุ้ย งุ้ย
อิ่มใจ อิ่มกาย มาก
ใจฟูจนอยากมาแชร์ทริปสั้น ๆ นี้เลยจริง ๆ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณกระทู้ท่านผู้มีอุปการะคุณ เพราะได้ลอกการบ้านเยอะมาก ซึ่งก็คือกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/43119880
ปีนี้ แปลกมาก ในใจมันเต้นตึ้ก ๆ ร่ำร้องว่า อยากไปอุบล อยากไปอุบล โดยไม่มีสาเหตุ
นี่ก็เลยหาเหตุให้ต้องไป คือ อาสาผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งว่าจะไปทำธุระให้ ก็เลยมีเหตุผลดี ๆ ให้ต้องไปเมืองดอกบัว
จริง ๆ ไปคนเดียวได้นะคะ แต่ (คิดไปเองว่า) กลัวคนข้างตัวจะเป็นห่วง ก็เลยมองรอบตัวว่า ชวนใครไปดีหนา ? ลูก ๆ ทุกคนติดเรียนติดสอบ เพื่อนสนิทที่ชอบเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมเหมือนกันปฏิเสธ ค่าที่เธอเคยมีหนุ่มสนิทเป็นคนอุบล ไปเที่ยวมาหลายรอบมาก ๆ แล้ว จนไม่รู้จะไปเที่ยวตรงไหนอีก เพื่อนก็ปฏิเสธไป
เหลือคนข้างตัวที่มีปรกติวิสัยของความบ้างาน นี่ก็ไปหลอกล่อว่าไปเถอะ วันจันทร์หยุดชดเชย เพียงเพื่อมาพบภายหลังว่า ไม่หยุดจ้า ทำงานปกติ แต่จองตั๋วแล้ว ยังไงก็ต้องลากกันไป ก็เลยได้ไปอุบลฯกันสองคน
ส่วนตัว ชอบจังหวัดนี้มาก หลงรักบอกไม่ถูก
ครั้งแรกที่มา มากับทีมนักวิจัยชาวญี่ปุ่น เมื่อสมัยจบใหม่ ๆ สนุกมาก จำได้ว่า ตอนนั้นพักโรงแรมลายทอง
ได้มาอีกครั้งกับคนที่เลิกกันไป (ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจังค่ะ)
หลังจากนั้น ในวัยสาวรุ่น ก็มีเหตุให้ต้องมาทำงานหาข้อมูลที่อุบลอีก มาคนเดียวด้วย ตอนนั้น รถเช่าอะไรก็ไม่แพร่หลายเหมือนสมัยนี้ และเรายังขับรถไม่เป็นด้วย ต่อรถ ต่อรา เหมาสองแถวไปทำงานหาข้อมูลกันสนุกสนานไม่กลัวอะไรเลย แถม... ยังเหมาสองแถวไปวัดหนองป่าพงกราบเจดีย์หลวงปู่ชาด้วย
ไปแบบคนเดียวนี่แหละ
แล้วก็ได้มาอีกเป็นครั้งที่สี่ ครั้งนั้นมากับเพื่อนสนิท และชายหนุ่มที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นสามีอิชั้นได้สัก 24-25 ปีแล้ว ตอนนั้น พวกเราไปเขาพระวิหาร มาอุบล ไปวัดหนองป่าพง ไปวัดป่านานาชาติ ยังจำได้ว่า ครั้งนั้น เจอท่านชยสาโร ท่านจำพรรษาที่วัดป่านานาชาติ เราเข้าไปกราบท่าน ท่านยังเมตตาเทศน์เรื่องการใช้คำพูดให้ถูกต้องเหมาะสมหรือสัมมาวาจา
ท่านเทศน์ว่า
เราไม่ควรพูดเท็จ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย และพูดให้เหมาะสมกับกาละ เทศะ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังด้วย
จำได้ว่า วันนั้น อากาศร้อนจัด แต่ท่านก็เมตตาเทศนาพวกเราสามคนตั้งครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ยังระลึกถึงพระคุณท่านและประทับใจจนทุกวันนี้
หนังสือ “อุปลมณี” ของหลวงปู่ชา และคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลาย ๆ รูปในสายหลวงปู่ชา ก็ได้เป็นที่พึ่งพิงทางใจของเราในวันที่รู้สึกว่าชีวิตมืดมนหม่นเศร้าที่สุด ทำให้เราค่อย ๆ ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเรียนรู้ เติบโตผ่านคำสอนที่เรียบง่าย ลึกซึ้งนั้นจนเริ่มมีหลักของใจมาได้จนถึงวันนี้
แต่มาเที่ยวนี้ หลังจากธุระเสร็จแล้ว หมายใจว่า จะต้องไปในที่ที่ไม่เคยไป และต้องไปล่องแม่น้ำมูลให้ได้ ที่ฝังใจกับแม่น้ำมูลเพราะว่า สมัยรุ่น ๆ เห็นโปสเตอร์ที่เขียนชื่อภาษาอังกฤษของแม่น้ำมูลว่า Moon River (สายธารพระจันทร์) แล้วรู้สึกว่า ชื่อมันละมุนใจมาก เราต้องถือโอกาสมาได้ข้ามแม่น้ำ ชมแม่น้ำ ล่องแม่น้ำสักครั้งหนึ่ง
แล้วก็ได้สมใจค่ะ
ข้ามฟากแม่น้ำมูลไปเที่ยววัดป่าปากโดม ค่าข้ามคนละ 40 บาท บรรยากาศเขียว ขจี ร่มรื่นมาก
เราวิ่งตามลายแทง ไปลงเรือตรงท่าเรือ อ.ตาลสุม ท่าเรือวังเวงดี คนไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ใช้ข้ามฟาก เรานั่งเรือจากท่าเรืออำเภอตาลสุมไปวัดป่าปากโดมฝั่งอ.พิบูลมังสาหาร