เรื่องนี้ผมฟังมาจากลุงของผมเองครับ แกเล่าให้ฟังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บอกว่าเป็นเรื่องจริงหาข่าวดูได้ จำได้ว่ามันหลอน ๆ แปลก ๆ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมามีโอกาสได้เจอกันเลยให้แกเล่าให้ฟังใหม่ และขออนุญาตเรียบเรียงมาเล่าไว้ในกระทู้นี้ครับ
(รายละเอียดและบทสนทนาบางส่วนถูกแต่งเติมเพื่อเพิ่มอรรถรส เน้นอ่านเพื่อความบันเทิง)
—
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อ “ต้น” (ชื่อสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนของลุงผมเอง ตอนนี้แกเสียไปได้ 2 ปีกว่าแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน
ตอนนั้นต้นทำงานเป็นครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเขตปริมณฑล แกอาศัยอยู่คนเดียวในหอพักครู ยังไม่แต่งงานมีครอบครัว แกจะสอนวิชาคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนประถมปลาย ป.4-ป.6 ที่โรงเรียนก็จะมีห้องคอมพิวเตอร์อยู่หนึ่งห้อง ซึ่งแกจะสอนในห้องนี้เป็นหลัก
เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มจากคาบ ๆ หนึ่ง มีนักเรียนเดินมาเรียนที่ห้องคอมตามปกติ เป็นห้อง ป.6/7 แกจำได้ดี แกสอนเสร็จก็ให้ทำงานส่ง พอเดินตรวจงานครบทุกคนแล้ว เวลายังไม่หมด แกเลยปล่อยนักเรียนฟรีสไตล์ อยากทำอะไรก็ทำ
ระหว่างที่นั่งเล่นฆ่าเวลา แกก็เห็นนักเรียนไปยืนมุงกันอยู่หน้าคอมเครื่องหนึ่ง น่าจะพากันเล่นเกม แกไม่ได้คิดอะไรมาก พอใกล้หมดคาบเรียนทุกคนก็ยังยืนมุงกันอยู่ แกเลยเดินไปดูว่าเล่นเกมอะไร
ภาพที่เห็นคือหน้าจอคอมเครื่องนั้นกะพริบไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง แล้วก็จะมีช่วงที่เห็นคล้าย ๆ ใบหน้าคน 3-4 คน ซ้อน ๆ กัน แต่ภาพจะเป็นขาวดำ ซ่า ๆ แตก ๆ ดูไม่ออกว่าเป็นใครชายหรือหญิง มันจะโผล่มาแว้บเดียวแล้วหายไป ก่อนจะกลับไปกะพริบติด ๆ ดับ ๆ เหมือนเดิม
แกยังไม่ทันได้ถามเด็ก ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งหันมาพูดกับแก
“ครูได้ยินมั้ย”
ตอนนั้นเองที่แกได้ยินเสียงออกมาจากคอม เหมือนเสียงคนพูด แกเดินฝ่านักเรียนเข้าไป เด็ก ๆ ส่งเสียงกระซิบเตือนกัน “หลบ ๆ ครูมาดูแล้ว”
พอเข้าไปใกล้ ๆ ปรากฏว่ามีเสียงออกมาจริง ๆ เป็นเสียงคนหลาย ๆ คน ทั้งชายทั้งหญิงพูดประสานกัน พูดตัวเลข 0 กับ 1 สลับไปมาแบบมั่ว ๆ
“แปลก” แกคิดในใจ แล้วลองเอามือกดปุ่มปิดเครื่อง พรึ่บ! หน้าจอดับลงทันที
เด็กที่นั่งอยู่หน้าคอมนั้น สมมติชื่อ ด.ช.ต้อม หันมามองพอดี แกเลยถามว่าคอมเป็นอะไร ด.ช.ต้อมไม่ตอบ แต่เอามือไปกดปุ่มที่ซีพียู แล้วก็มีแผ่นซีดีออกมา
“ไวรัส” ด.ช.ต้อมพูด ท่ามกลางเสียงฮือฮาของเพื่อนร่วมห้อง เด็กชายหยิบแผ่นซีดีนั้นแล้วยื่นให้ แกรับเอามาถือไว้ บนแผ่นมีข้อความเขียนด้วยหมึกสีดำ เขียนว่า
“ห้ามเล่น”
แกเอาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง สั่งให้นักเรียนกลับไปนั่งที่ ปิดคอมให้เรียบร้อย แล้วปล่อยไปเรียนคาบต่อไป ยกเว้น ด.ช.ต้อม แกให้อยู่ก่อน
แกเดินไปเปิดคอมเครื่องนั้น แต่เปิดยังไงก็ไม่ติด ด.ช.ต้อม นั่งซึม ๆ ไม่พูดอะไร แกอธิบายให้ฟังว่าเดี๋ยวต้องพาไปพบฝ่ายปกครอง สุดท้ายก็เป็นเรื่องใหญ่โต มีการเรียกผู้ปกครองมาเพื่อตกลงค่าเสียหาย แกปล่อยให้ทางนั้นจัดการไป
คาบต่อ ๆ มา แกเอากระดาษมาแปะหน้าจอ เขียนว่า “ชำรุด งดใช้งาน” นักเรียนห้องอื่น ๆ เข้ามาเรียนก็ปกติดี จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์
เด็ก ๆ ที่มาเรียนเริ่มเข้าไปมุงหน้าคอม ดึงกระดาษที่แกเขียนออก แกไปดูก็เห็นหน้าจอปิดอยู่ นักเรียนบอกว่าเห็นจอกะพริบ เป็นรูปหน้าคนซ้อน ๆ กัน แต่แกไม่เชื่อ เพราะแกเป็นคนถอดปลั๊กออกหมดแล้ว แกเลยตักเตือนว่าอย่าไปยุ่ง แล้วเอากระดาษไปแปะไว้แบบเดิม
ช่วงเดียวกันนี้เริ่มมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับแก ตอนกลางดึก ตี 2 ตี 3 ทุกคืนจะมีสายโทรเข้ามือถือ เบอร์ไม่ซ้ำกันสักคืน แรก ๆ จะเป็นเสียงซ่า ๆ แกก็ไม่คิดอะไร จนแกเริ่มได้ยินเสียงคนพูดที่ปลายสาย เป็นเสียงคนหลาย ๆ คนประสานกัน พูดเลข 0 กับ 1 สลับไปมามั่ว ๆ แบบเดียวกับที่ห้องคอม หลัง ๆ มาแกเลยปิดมือถือนอน
หลายครั้งตอนที่แกโทรหาคนอื่น หรือมีคนรู้จักโทรเข้ามือถือ พอคุยไปเรื่อย ๆ ก็จะมีเสียงแทรก เป็นเสียงคนพูดเลข 0 กับ 1 แบบเดียวกันเป๊ะ แต่ปลายสายจะไม่ได้ยิน แกมานั่งคิด ๆ ดูก็นึกขึ้นได้ว่า วันที่เก็บแผ่นซีดีมาจาก ด.ช.ต้อม แกเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ซึ่งเป็นข้างเดียวกับที่แกชอบพกมือถือ แกเลยเอาแผ่นซีดีไปทิ้งถังขยะ
วันต่อมาแกไปสอนนักเรียน แล้วรู้สึกว่ามีอะไรในกระเป๋ากางเกง พอล้วงมือเข้าไปก็ต้องตกใจ แผ่นซีดีนั้นกลับมาได้ยังไง ทั้งที่แกจำได้ว่าทิ้งไปแล้ว แกเอาไปทิ้งใหม่ วันต่อมาก็กลับมาอีก มาอยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเดิม จนแกยอมแพ้ เอามันเก็บไว้ที่หอพักแทน
วันหนึ่งแกเห็นเด็กไปยืนมุงหน้าคอมอีก แกกำลังจะตะโกนบอกให้ไปนั่งที่ ซึ่งแกก็ทำมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้จังหวะที่กำลังจะอ้าปากพูด แกก็เห็นว่าหน้าจอคอมเครื่องนั้นกะพริบจริง ๆ
แกเดินไปดูก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มันเป็นภาพเดียวกับตอนที่โดนไวรัส มีรูปหน้าคนซ้อน ๆ กันแทรกขึ้นมาเป็นช่วง ๆ พร้อมเสียงคนพูดเลข 0 กับ 1 แกรีบเช็คดูว่ามีใครแอบเสียบปลั๊กไว้ไหม แต่ก็ไม่มี แกมั่นใจว่าไม่มีทางที่ไฟฟ้าจะเข้าเครื่องได้แน่นอน
แล้วอยู่ดี ๆ จอก็ดับไป แกกับนักเรียนมองหน้ากันแบบงง ๆ แกบอกว่าคอมพัง รอช่างเทคนิคมาดู คิวของช่างยังไม่ว่าง แต่แกไม่ได้บอกว่าคอมถอดปลั๊กอยู่ หลังจากปล่อยนักเรียนออกไปแกก็เอากระดาษมาปิดหน้าจอหลาย ๆ ชั้น แล้วเขียนตัวใหญ่ ๆ ว่า “ชำรุด”
ทุกครั้งที่แกสอน แกก็จะเหลือบไปมองที่คอมเครื่องนั้น บางวันก็เห็นมันกะพริบขึ้นมา สักพักก็ดับไปเอง แกจะคอยบอกนักเรียนตลอดว่าอย่าไปยุ่ง อย่าแกะกระดาษออก เด็ก ๆ ก็เชื่อฟังดี
วันไหนที่ ด.ช.ต้อมมาเรียน แกสังเกตว่าเด็กดูซึม ๆ ไม่ค่อยคุยกับเพื่อน แต่แกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าคงเป็นแบบนี้อยู่แล้ว บวกกับเพิ่งถูกลงโทษทางวินัยมา
เหตุการณ์มาพลิกผันช่วงบ่ายวันหนึ่ง แกสอนนักเรียนตามปกติ แล้วจู่ ๆ คอมเจ้ากรรมก็กะพริบขึ้นมาอีก ทีนี้แกชินแล้ว เด็ก ๆ ก็นั่งทำงานไป ทำเป็นไม่สนใจ แต่ทันใดนั้นเอง นักเรียนหญิงที่นั่งข้าง ๆ คอมนั้น สมมติชื่อ “ด.ญ.เอ” ก็ล้มหงายหลังกระแทกพื้น ชักเกร็งทั้งตัว
แกรีบวิ่งไปดู สภาพเด็กคือแขนขาเกร็งกระตุก มือจีบ ตาเหลือก ปัสสาวะราดพื้นไปหมด เรียกไม่ตอบสนอง ที่แปลกคือตรงปากจะขมุบขมิบส่งเสียงพึมพำเลข 0 กับ 1 สลับกันไปมา แกสั่งให้นักเรียนออกมาข้างนอก อย่าเข้าไปมุง แล้วแกก็โทรเรียกรถพยาบาลทันที
—
มีต่อ
เรื่องแปลก ๆ จากอดีตครูสอนคอมพิวเตอร์
(รายละเอียดและบทสนทนาบางส่วนถูกแต่งเติมเพื่อเพิ่มอรรถรส เน้นอ่านเพื่อความบันเทิง)
—
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อ “ต้น” (ชื่อสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนของลุงผมเอง ตอนนี้แกเสียไปได้ 2 ปีกว่าแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน
ตอนนั้นต้นทำงานเป็นครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเขตปริมณฑล แกอาศัยอยู่คนเดียวในหอพักครู ยังไม่แต่งงานมีครอบครัว แกจะสอนวิชาคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนประถมปลาย ป.4-ป.6 ที่โรงเรียนก็จะมีห้องคอมพิวเตอร์อยู่หนึ่งห้อง ซึ่งแกจะสอนในห้องนี้เป็นหลัก
เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มจากคาบ ๆ หนึ่ง มีนักเรียนเดินมาเรียนที่ห้องคอมตามปกติ เป็นห้อง ป.6/7 แกจำได้ดี แกสอนเสร็จก็ให้ทำงานส่ง พอเดินตรวจงานครบทุกคนแล้ว เวลายังไม่หมด แกเลยปล่อยนักเรียนฟรีสไตล์ อยากทำอะไรก็ทำ
ระหว่างที่นั่งเล่นฆ่าเวลา แกก็เห็นนักเรียนไปยืนมุงกันอยู่หน้าคอมเครื่องหนึ่ง น่าจะพากันเล่นเกม แกไม่ได้คิดอะไรมาก พอใกล้หมดคาบเรียนทุกคนก็ยังยืนมุงกันอยู่ แกเลยเดินไปดูว่าเล่นเกมอะไร
ภาพที่เห็นคือหน้าจอคอมเครื่องนั้นกะพริบไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง แล้วก็จะมีช่วงที่เห็นคล้าย ๆ ใบหน้าคน 3-4 คน ซ้อน ๆ กัน แต่ภาพจะเป็นขาวดำ ซ่า ๆ แตก ๆ ดูไม่ออกว่าเป็นใครชายหรือหญิง มันจะโผล่มาแว้บเดียวแล้วหายไป ก่อนจะกลับไปกะพริบติด ๆ ดับ ๆ เหมือนเดิม
แกยังไม่ทันได้ถามเด็ก ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งหันมาพูดกับแก
“ครูได้ยินมั้ย”
ตอนนั้นเองที่แกได้ยินเสียงออกมาจากคอม เหมือนเสียงคนพูด แกเดินฝ่านักเรียนเข้าไป เด็ก ๆ ส่งเสียงกระซิบเตือนกัน “หลบ ๆ ครูมาดูแล้ว”
พอเข้าไปใกล้ ๆ ปรากฏว่ามีเสียงออกมาจริง ๆ เป็นเสียงคนหลาย ๆ คน ทั้งชายทั้งหญิงพูดประสานกัน พูดตัวเลข 0 กับ 1 สลับไปมาแบบมั่ว ๆ
“แปลก” แกคิดในใจ แล้วลองเอามือกดปุ่มปิดเครื่อง พรึ่บ! หน้าจอดับลงทันที
เด็กที่นั่งอยู่หน้าคอมนั้น สมมติชื่อ ด.ช.ต้อม หันมามองพอดี แกเลยถามว่าคอมเป็นอะไร ด.ช.ต้อมไม่ตอบ แต่เอามือไปกดปุ่มที่ซีพียู แล้วก็มีแผ่นซีดีออกมา
“ไวรัส” ด.ช.ต้อมพูด ท่ามกลางเสียงฮือฮาของเพื่อนร่วมห้อง เด็กชายหยิบแผ่นซีดีนั้นแล้วยื่นให้ แกรับเอามาถือไว้ บนแผ่นมีข้อความเขียนด้วยหมึกสีดำ เขียนว่า
“ห้ามเล่น”
แกเอาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง สั่งให้นักเรียนกลับไปนั่งที่ ปิดคอมให้เรียบร้อย แล้วปล่อยไปเรียนคาบต่อไป ยกเว้น ด.ช.ต้อม แกให้อยู่ก่อน
แกเดินไปเปิดคอมเครื่องนั้น แต่เปิดยังไงก็ไม่ติด ด.ช.ต้อม นั่งซึม ๆ ไม่พูดอะไร แกอธิบายให้ฟังว่าเดี๋ยวต้องพาไปพบฝ่ายปกครอง สุดท้ายก็เป็นเรื่องใหญ่โต มีการเรียกผู้ปกครองมาเพื่อตกลงค่าเสียหาย แกปล่อยให้ทางนั้นจัดการไป
คาบต่อ ๆ มา แกเอากระดาษมาแปะหน้าจอ เขียนว่า “ชำรุด งดใช้งาน” นักเรียนห้องอื่น ๆ เข้ามาเรียนก็ปกติดี จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์
เด็ก ๆ ที่มาเรียนเริ่มเข้าไปมุงหน้าคอม ดึงกระดาษที่แกเขียนออก แกไปดูก็เห็นหน้าจอปิดอยู่ นักเรียนบอกว่าเห็นจอกะพริบ เป็นรูปหน้าคนซ้อน ๆ กัน แต่แกไม่เชื่อ เพราะแกเป็นคนถอดปลั๊กออกหมดแล้ว แกเลยตักเตือนว่าอย่าไปยุ่ง แล้วเอากระดาษไปแปะไว้แบบเดิม
ช่วงเดียวกันนี้เริ่มมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับแก ตอนกลางดึก ตี 2 ตี 3 ทุกคืนจะมีสายโทรเข้ามือถือ เบอร์ไม่ซ้ำกันสักคืน แรก ๆ จะเป็นเสียงซ่า ๆ แกก็ไม่คิดอะไร จนแกเริ่มได้ยินเสียงคนพูดที่ปลายสาย เป็นเสียงคนหลาย ๆ คนประสานกัน พูดเลข 0 กับ 1 สลับไปมามั่ว ๆ แบบเดียวกับที่ห้องคอม หลัง ๆ มาแกเลยปิดมือถือนอน
หลายครั้งตอนที่แกโทรหาคนอื่น หรือมีคนรู้จักโทรเข้ามือถือ พอคุยไปเรื่อย ๆ ก็จะมีเสียงแทรก เป็นเสียงคนพูดเลข 0 กับ 1 แบบเดียวกันเป๊ะ แต่ปลายสายจะไม่ได้ยิน แกมานั่งคิด ๆ ดูก็นึกขึ้นได้ว่า วันที่เก็บแผ่นซีดีมาจาก ด.ช.ต้อม แกเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ซึ่งเป็นข้างเดียวกับที่แกชอบพกมือถือ แกเลยเอาแผ่นซีดีไปทิ้งถังขยะ
วันต่อมาแกไปสอนนักเรียน แล้วรู้สึกว่ามีอะไรในกระเป๋ากางเกง พอล้วงมือเข้าไปก็ต้องตกใจ แผ่นซีดีนั้นกลับมาได้ยังไง ทั้งที่แกจำได้ว่าทิ้งไปแล้ว แกเอาไปทิ้งใหม่ วันต่อมาก็กลับมาอีก มาอยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเดิม จนแกยอมแพ้ เอามันเก็บไว้ที่หอพักแทน
วันหนึ่งแกเห็นเด็กไปยืนมุงหน้าคอมอีก แกกำลังจะตะโกนบอกให้ไปนั่งที่ ซึ่งแกก็ทำมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้จังหวะที่กำลังจะอ้าปากพูด แกก็เห็นว่าหน้าจอคอมเครื่องนั้นกะพริบจริง ๆ
แกเดินไปดูก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มันเป็นภาพเดียวกับตอนที่โดนไวรัส มีรูปหน้าคนซ้อน ๆ กันแทรกขึ้นมาเป็นช่วง ๆ พร้อมเสียงคนพูดเลข 0 กับ 1 แกรีบเช็คดูว่ามีใครแอบเสียบปลั๊กไว้ไหม แต่ก็ไม่มี แกมั่นใจว่าไม่มีทางที่ไฟฟ้าจะเข้าเครื่องได้แน่นอน
แล้วอยู่ดี ๆ จอก็ดับไป แกกับนักเรียนมองหน้ากันแบบงง ๆ แกบอกว่าคอมพัง รอช่างเทคนิคมาดู คิวของช่างยังไม่ว่าง แต่แกไม่ได้บอกว่าคอมถอดปลั๊กอยู่ หลังจากปล่อยนักเรียนออกไปแกก็เอากระดาษมาปิดหน้าจอหลาย ๆ ชั้น แล้วเขียนตัวใหญ่ ๆ ว่า “ชำรุด”
ทุกครั้งที่แกสอน แกก็จะเหลือบไปมองที่คอมเครื่องนั้น บางวันก็เห็นมันกะพริบขึ้นมา สักพักก็ดับไปเอง แกจะคอยบอกนักเรียนตลอดว่าอย่าไปยุ่ง อย่าแกะกระดาษออก เด็ก ๆ ก็เชื่อฟังดี
วันไหนที่ ด.ช.ต้อมมาเรียน แกสังเกตว่าเด็กดูซึม ๆ ไม่ค่อยคุยกับเพื่อน แต่แกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าคงเป็นแบบนี้อยู่แล้ว บวกกับเพิ่งถูกลงโทษทางวินัยมา
เหตุการณ์มาพลิกผันช่วงบ่ายวันหนึ่ง แกสอนนักเรียนตามปกติ แล้วจู่ ๆ คอมเจ้ากรรมก็กะพริบขึ้นมาอีก ทีนี้แกชินแล้ว เด็ก ๆ ก็นั่งทำงานไป ทำเป็นไม่สนใจ แต่ทันใดนั้นเอง นักเรียนหญิงที่นั่งข้าง ๆ คอมนั้น สมมติชื่อ “ด.ญ.เอ” ก็ล้มหงายหลังกระแทกพื้น ชักเกร็งทั้งตัว
แกรีบวิ่งไปดู สภาพเด็กคือแขนขาเกร็งกระตุก มือจีบ ตาเหลือก ปัสสาวะราดพื้นไปหมด เรียกไม่ตอบสนอง ที่แปลกคือตรงปากจะขมุบขมิบส่งเสียงพึมพำเลข 0 กับ 1 สลับกันไปมา แกสั่งให้นักเรียนออกมาข้างนอก อย่าเข้าไปมุง แล้วแกก็โทรเรียกรถพยาบาลทันที
—
มีต่อ