บอกก่อนนะคะว่ายาวมาก
ตอนนี้ทุกข์มากเพราะหลบเลี่ยงไม่ได้ต้องทำงานร่วมกันและอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน คนที่มีอาการโรคสมาธิสั้นคือพี่สาวแฟน เราเป็นภรรยาของน้องชายเค้า คบกันมา 20 ปีและแต่งงานแล้ว จากนั้นแฟนก็ให้ย้ายมาอยู่ที่บ้าน กับพ่อแม่และน้องสาวของเขาไม่มีปัญหาอะไรทุกอย่างราบรื่นดี เราทำงานด้วยกันเพราะเป็นกิจการครอบครัว กินเงินกงสี [จ่ายเงินเดือนจากกองกลาง] ส่วนพี่สาวนั้นทุกคนในบ้านเตือนแล้วว่าคนนี้เป็น ADHD นะ
ก่อนหน้าจะมาที่นี่เราทำหน้าที่ดูแลด้าน IT - การตลาดทั้งหมด เพราะเราทำงานด้านนี้มาตลอด มีเงินเดือนอยู่ที่หลัก 20K ส่วนแฟนจบตรีภาษาอังกฤษและไม่ได้ทำงานบริษัทใด ๆ สรุปคือลูกทุกคนของบ้านนี้ไม่เคยทำงานนอกบ้านเลย และก่อนที่เราแฟนจะย้ายเข้ามา พี่สาวเขาได้รับหน้าที่ให้ดูแลกิจการเป็นเวลา 5 ปีถึงจะได้พวกเราเข้ามาช่วย กิจการเป็นร้านมินิมาร์ทแนว ๆ 7 ค่ะ ให้เงินเดือน 1 หมื่น
เรามาอยู่ได้ 10 ปี ทุกอย่างปกติหมด จนล่าสุดแฟนอยากไปเล่นสงกรานต์ที่พระประแดงจึงต้องตามไปด้วยแต่ลึก ๆ ไม่ค่อยอยากไปเพราะมีโรคประจำตัวอยู่ ใช้เวลาอยู่ที่นั่น 3 คืน 4 วัน
จู่ ๆ วันที่ 3 ก็มีโทรศัพท์เข้ามาตอนเช้า กำลังงัวเงียเลยไม่ทันได้อัดเสียง แต่รับสายแล้วเป็นแม่แฟนเลยส่งให้แฟนคุย แต่แฟนก็ทำหน้างงแล้วส่งกลับมาให้เราคุยต่อ ยังไม่ทันจะตั้งตัวเลย จู่ ๆ ก็โดนด่ารุนแรงมากและกล่าวหาว่าเราเป็นคนลักทรัพย์ไปหลักล้าน แล้วก็ด่า ๆๆๆ จากนั้นก็ตัดสาย
แวบแรกที่ตกใจคือ มิจฉาชีพโอนเงินเข้าบัญชีเราเหรอถึงมีเงินหลักล้าน หลังจากวางสายก็รีบเปิดแอพเช็คด่วน อ้าว เงินก็ปกติ ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแปลก ๆ จึงให้แฟนโทรกลับไปแล้วถามว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น
1. เขาสงสัยว่าเราเอาเงินไหนมาซื้อของโน่นนี่ ทั้ง ๆ ที่ถูกลดเงินเดือนจาก จาก 1 หมื่น เหลือ 7 พัน และล่าสุดลดเหลือแค่ 1 พัน ซึ่ง เราไม่ได้รู้เรื่องเลย เพราะครั้งล่าสุดที่เรารับรู้และยอมให้ลดเงินเดือนคือ 7 พัน เพราะแม่เขาบอกว่ากิจการแย่ขอลดเงินเดือนนะ หลังจากนั้นคือไม่ได้รับรู้อะไรอีก
จึงถามแฟนว่าตกลงยังไงเหรอ แฟนเลยบอกมาว่าเค้าเป็นคนปิดเรื่องนี้จากเราเพราะสงสารเรา เราเคยได้เงินเดือนหลัก 20K อยู่ ๆ โดนลดเงินเหลือ 1 พันคงไม่พอใจแน่ ซึ่งก็จริงเพราะตอนลดเหลือ 7 พันเรายังบอกเลยว่าให้เราออกไปหางานทำเถอะ จะได้ไม่ต้องมาจ่ายเงินตรงนี้ให้เรา และแฟนเป็นคนหยิบเงินเดือนจ่ายให้เราเองทุกเดือน เราไม่เคยแตะต้องเลย และที่เรามีเงินเพราะเราเอาของใช้ส่วนตัวทั้งหมดไปขายได้เงินมา 2 หมื่น
2. เขาเข้าห้องที่เรากับแฟนใช้เป็นที่พักอาศัยแล้วไปค้นห้องเพื่อเอาสมุดบัญชีของเราทั้งคู่ไปอัพเอง บอกตรง ๆ ว่าเราไม่ได้อัพสมุดบัญชีมานานแล้ว หาไม่เจอด้วยซ้ำ ไม่ได้อัพมาเกิน 10 ปี และเป็นบัญชีที่เคยใช้รับเงินเดือนก่อนจะมาอยู่ที่บ้านนี้ด้วย
เราเลยบอกว่าเอางี้ เดี๋ยวกลับไปแล้วจะไปขอ statement ให้ คือเรามั่นใจว่าไม่ได้เอาเงินใครไปอยู่แล้ว ที่ร้านมีกล้องวงจรปิดร่วม 10 ตัว เราเลยบอกว่างั้นให้คุณไปแจ้งความได้เลย ทางเราก็จะแจ้งความเช่นกันเพราะคุณบุกรุกห้องและลักทรัพย์ของเราซึ่งเป็นสมุดบัญชีธนาคารเอาไปอัพเอง ส่วนคดีอื่น ๆ PDPA
ที่เราโกรธคือ ก่อนหน้าที่เราจะมาอยู่ มีลูกจ้าง 2 คนเคยลักทรัพย์ที่ร้านไป ที่ร้านก็ดูกล้อง เก็บหลักฐานจนครบ แล้วทำไมไม่ทำแบบนั้นก่อน มาถึงก็โทรมาด่ารุนแรงเลย ถ้ามาคุยมาถามดี ๆ ก็จบแล้ว เราเลยบอกแฟนว่ากลับไปก็ไปแจ้งความเลย เราไม่กลัวเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ให้เค้าไปหาหลักฐานมาให้หมด เราจะได้แจ้งความกลับด้วย
พอกลับมา เรากับแฟนถูกแม่แฟนเรียกคุยว่า ให้ทุกอย่างมันจบไป ไม่มีใครเอาเรื่องใครทั้งนั้น แต่พี่สาวแฟนที่ไม่ได้มาคุยด้วยก็ยังเข้าใจว่าเราเอาเงินไป และคอยพูดจากระทบกระแทกแดกดันตลอดใส่ทั้งเราและแฟน
คือแม่แฟนจะคอยปกป้องพี่สาวคนนี้ที่เป็น ADHD ตลอด จะพูดย้ำว่า ก็เค้าเป็นแบบนี้ อย่าไปถือสา คือไม่ถือสาได้ไง อยู่ ๆ มายัดคดีลักทรัพย์ให้เราเนี่ย พอเราเถียง แม่แฟนก็ถลึงตาใส่แล้วตะคอกใส่เราว่า ตกลงอยากเอาเรื่องใช่ไหม เราบอกว่าไม่ได้อยากเอาเรื่อง แต่เราพร้อมพิสูจน์ไงว่าเราไม่ผิด และมันต้องแจ้งความแน่นอนถ้าจะพิสูจน์ แม่แฟนก็บอกว่าไม่ต้อง ให้มันแล้วกันไป
สรุปว่าตอนนี้เราก็อดทนไม่พูดคุยด้วย แฟนก็บอกว่าจะแยกธุรกิจและงานที่ทำทั้งหมดแล้ว ที่ผ่านมาแฟนคอยดูแลแทบทุกอย่างในร้านเพราะแม่เค้าคอยทวงบุญคุณตลอดว่าพี่สาวเค้ามาอยู่ก่อนหน้า 5 ปีนะ
เพิ่มเติม คือเรารู้ว่ากิจการเริ่มซบ มี 7 มาเปิดใกล้ ๆ และที่ร้านก็ไม่ได้ปรับปรุงพัฒนาอะไรเลย เราพยายามเต็มที่ด้วยการเสนอแผนการตลาดทุกอย่าง แต่โดนคว่ำหมดเพราะพี่สาวเค้าไม่เอา เค้าบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น ที่ขายไม่ดีเพราะเศรษฐกิจน่ะแหละ เราเลยบอกแฟนว่าคอยดูแล้วกันว่าจะหนักกว่าเดิมอีก เพราะถ้าเราไม่ปรับปรุงพัฒนาร้าน มัวแต่ย่ำอยู่กับที่ก็รอวันเจ๊งได้เลย
ถ้าเป็นคุณ ๆ ทั้งหลายจะรับมือเหตุการณ์นี้ยังไงกันคะ คือเราไม่ได้อยากมีเรื่องราวอะไรหรอก แต่ไม่อยากให้เอาโรค ADHD มาอ้างตลอดเวลา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่สาวแฟนคนนี้อาละวาด ชอบโมโหโวยวายด่าทอตลอด และชอบดื่มสุราเป็นประจำ ที่บ้านรู้แต่ไม่เคยพาไปรักษา ไม่เคยกินยา และบอกให้ทุกคนต้องยอมเค้า เรารู้สึกเหมือนจะประสาทกินค่ะ
มีวิธีรับมือคนที่เป็นโรคสมาธิสั้นไหมคะ
ตอนนี้ทุกข์มากเพราะหลบเลี่ยงไม่ได้ต้องทำงานร่วมกันและอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน คนที่มีอาการโรคสมาธิสั้นคือพี่สาวแฟน เราเป็นภรรยาของน้องชายเค้า คบกันมา 20 ปีและแต่งงานแล้ว จากนั้นแฟนก็ให้ย้ายมาอยู่ที่บ้าน กับพ่อแม่และน้องสาวของเขาไม่มีปัญหาอะไรทุกอย่างราบรื่นดี เราทำงานด้วยกันเพราะเป็นกิจการครอบครัว กินเงินกงสี [จ่ายเงินเดือนจากกองกลาง] ส่วนพี่สาวนั้นทุกคนในบ้านเตือนแล้วว่าคนนี้เป็น ADHD นะ
ก่อนหน้าจะมาที่นี่เราทำหน้าที่ดูแลด้าน IT - การตลาดทั้งหมด เพราะเราทำงานด้านนี้มาตลอด มีเงินเดือนอยู่ที่หลัก 20K ส่วนแฟนจบตรีภาษาอังกฤษและไม่ได้ทำงานบริษัทใด ๆ สรุปคือลูกทุกคนของบ้านนี้ไม่เคยทำงานนอกบ้านเลย และก่อนที่เราแฟนจะย้ายเข้ามา พี่สาวเขาได้รับหน้าที่ให้ดูแลกิจการเป็นเวลา 5 ปีถึงจะได้พวกเราเข้ามาช่วย กิจการเป็นร้านมินิมาร์ทแนว ๆ 7 ค่ะ ให้เงินเดือน 1 หมื่น
เรามาอยู่ได้ 10 ปี ทุกอย่างปกติหมด จนล่าสุดแฟนอยากไปเล่นสงกรานต์ที่พระประแดงจึงต้องตามไปด้วยแต่ลึก ๆ ไม่ค่อยอยากไปเพราะมีโรคประจำตัวอยู่ ใช้เวลาอยู่ที่นั่น 3 คืน 4 วัน
จู่ ๆ วันที่ 3 ก็มีโทรศัพท์เข้ามาตอนเช้า กำลังงัวเงียเลยไม่ทันได้อัดเสียง แต่รับสายแล้วเป็นแม่แฟนเลยส่งให้แฟนคุย แต่แฟนก็ทำหน้างงแล้วส่งกลับมาให้เราคุยต่อ ยังไม่ทันจะตั้งตัวเลย จู่ ๆ ก็โดนด่ารุนแรงมากและกล่าวหาว่าเราเป็นคนลักทรัพย์ไปหลักล้าน แล้วก็ด่า ๆๆๆ จากนั้นก็ตัดสาย
แวบแรกที่ตกใจคือ มิจฉาชีพโอนเงินเข้าบัญชีเราเหรอถึงมีเงินหลักล้าน หลังจากวางสายก็รีบเปิดแอพเช็คด่วน อ้าว เงินก็ปกติ ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแปลก ๆ จึงให้แฟนโทรกลับไปแล้วถามว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น
1. เขาสงสัยว่าเราเอาเงินไหนมาซื้อของโน่นนี่ ทั้ง ๆ ที่ถูกลดเงินเดือนจาก จาก 1 หมื่น เหลือ 7 พัน และล่าสุดลดเหลือแค่ 1 พัน ซึ่ง เราไม่ได้รู้เรื่องเลย เพราะครั้งล่าสุดที่เรารับรู้และยอมให้ลดเงินเดือนคือ 7 พัน เพราะแม่เขาบอกว่ากิจการแย่ขอลดเงินเดือนนะ หลังจากนั้นคือไม่ได้รับรู้อะไรอีก
จึงถามแฟนว่าตกลงยังไงเหรอ แฟนเลยบอกมาว่าเค้าเป็นคนปิดเรื่องนี้จากเราเพราะสงสารเรา เราเคยได้เงินเดือนหลัก 20K อยู่ ๆ โดนลดเงินเหลือ 1 พันคงไม่พอใจแน่ ซึ่งก็จริงเพราะตอนลดเหลือ 7 พันเรายังบอกเลยว่าให้เราออกไปหางานทำเถอะ จะได้ไม่ต้องมาจ่ายเงินตรงนี้ให้เรา และแฟนเป็นคนหยิบเงินเดือนจ่ายให้เราเองทุกเดือน เราไม่เคยแตะต้องเลย และที่เรามีเงินเพราะเราเอาของใช้ส่วนตัวทั้งหมดไปขายได้เงินมา 2 หมื่น
2. เขาเข้าห้องที่เรากับแฟนใช้เป็นที่พักอาศัยแล้วไปค้นห้องเพื่อเอาสมุดบัญชีของเราทั้งคู่ไปอัพเอง บอกตรง ๆ ว่าเราไม่ได้อัพสมุดบัญชีมานานแล้ว หาไม่เจอด้วยซ้ำ ไม่ได้อัพมาเกิน 10 ปี และเป็นบัญชีที่เคยใช้รับเงินเดือนก่อนจะมาอยู่ที่บ้านนี้ด้วย
เราเลยบอกว่าเอางี้ เดี๋ยวกลับไปแล้วจะไปขอ statement ให้ คือเรามั่นใจว่าไม่ได้เอาเงินใครไปอยู่แล้ว ที่ร้านมีกล้องวงจรปิดร่วม 10 ตัว เราเลยบอกว่างั้นให้คุณไปแจ้งความได้เลย ทางเราก็จะแจ้งความเช่นกันเพราะคุณบุกรุกห้องและลักทรัพย์ของเราซึ่งเป็นสมุดบัญชีธนาคารเอาไปอัพเอง ส่วนคดีอื่น ๆ PDPA
ที่เราโกรธคือ ก่อนหน้าที่เราจะมาอยู่ มีลูกจ้าง 2 คนเคยลักทรัพย์ที่ร้านไป ที่ร้านก็ดูกล้อง เก็บหลักฐานจนครบ แล้วทำไมไม่ทำแบบนั้นก่อน มาถึงก็โทรมาด่ารุนแรงเลย ถ้ามาคุยมาถามดี ๆ ก็จบแล้ว เราเลยบอกแฟนว่ากลับไปก็ไปแจ้งความเลย เราไม่กลัวเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ให้เค้าไปหาหลักฐานมาให้หมด เราจะได้แจ้งความกลับด้วย
พอกลับมา เรากับแฟนถูกแม่แฟนเรียกคุยว่า ให้ทุกอย่างมันจบไป ไม่มีใครเอาเรื่องใครทั้งนั้น แต่พี่สาวแฟนที่ไม่ได้มาคุยด้วยก็ยังเข้าใจว่าเราเอาเงินไป และคอยพูดจากระทบกระแทกแดกดันตลอดใส่ทั้งเราและแฟน
คือแม่แฟนจะคอยปกป้องพี่สาวคนนี้ที่เป็น ADHD ตลอด จะพูดย้ำว่า ก็เค้าเป็นแบบนี้ อย่าไปถือสา คือไม่ถือสาได้ไง อยู่ ๆ มายัดคดีลักทรัพย์ให้เราเนี่ย พอเราเถียง แม่แฟนก็ถลึงตาใส่แล้วตะคอกใส่เราว่า ตกลงอยากเอาเรื่องใช่ไหม เราบอกว่าไม่ได้อยากเอาเรื่อง แต่เราพร้อมพิสูจน์ไงว่าเราไม่ผิด และมันต้องแจ้งความแน่นอนถ้าจะพิสูจน์ แม่แฟนก็บอกว่าไม่ต้อง ให้มันแล้วกันไป
สรุปว่าตอนนี้เราก็อดทนไม่พูดคุยด้วย แฟนก็บอกว่าจะแยกธุรกิจและงานที่ทำทั้งหมดแล้ว ที่ผ่านมาแฟนคอยดูแลแทบทุกอย่างในร้านเพราะแม่เค้าคอยทวงบุญคุณตลอดว่าพี่สาวเค้ามาอยู่ก่อนหน้า 5 ปีนะ
เพิ่มเติม คือเรารู้ว่ากิจการเริ่มซบ มี 7 มาเปิดใกล้ ๆ และที่ร้านก็ไม่ได้ปรับปรุงพัฒนาอะไรเลย เราพยายามเต็มที่ด้วยการเสนอแผนการตลาดทุกอย่าง แต่โดนคว่ำหมดเพราะพี่สาวเค้าไม่เอา เค้าบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น ที่ขายไม่ดีเพราะเศรษฐกิจน่ะแหละ เราเลยบอกแฟนว่าคอยดูแล้วกันว่าจะหนักกว่าเดิมอีก เพราะถ้าเราไม่ปรับปรุงพัฒนาร้าน มัวแต่ย่ำอยู่กับที่ก็รอวันเจ๊งได้เลย
ถ้าเป็นคุณ ๆ ทั้งหลายจะรับมือเหตุการณ์นี้ยังไงกันคะ คือเราไม่ได้อยากมีเรื่องราวอะไรหรอก แต่ไม่อยากให้เอาโรค ADHD มาอ้างตลอดเวลา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่สาวแฟนคนนี้อาละวาด ชอบโมโหโวยวายด่าทอตลอด และชอบดื่มสุราเป็นประจำ ที่บ้านรู้แต่ไม่เคยพาไปรักษา ไม่เคยกินยา และบอกให้ทุกคนต้องยอมเค้า เรารู้สึกเหมือนจะประสาทกินค่ะ