เมื่อสิบกว่าขวบปีที่แล้ว ผมเคยเขียนบทความเรื่องการสร้างลำแสงมรณะเพื่อทำลายล้างดาวเคราะห์ต่างๆ เพราะเราเป็นนักวิดกระยาสารทชาวหว้ากอใจบุญสุนทานอยากให้ทุกชีวิตในจักรวาลได้พบกับความสุกอย่างเท่าเทียมแบบทันทีทันใด แต่ เทคโนโลยีที่ใช้ในบทความเก่านั้น ยังโม้ไม่พอ และไม่ตอบถึงศักยภาพที่จักรวรรดิ์ต้องการที่จะถล่มดาวเคราะห์ทุกดวงให้ราบพณาสูญบรู้มเป็นโกโก้ครั้นช์ ไม่ว่าจะเป็นดวงจันทร์ของยาวิน ไปจนถึงถล่มดาวเคราะห์แก๊สอย่างเบสปิน ในวันนี้ เรามาดูกันถึง อาวุธที่ทรงพลังและทำลายล้างได้หมดจดยิ่งกว่าเตาปฏิกรณ์ไมนอฟสกี้ เหนือเสียยิ่งกว่าการใช้ปฏิอนุภาค เรา มาสร้างลำแสงมรณะกันด้วยเตาปฏิกรณ์หลุมดำกัน มา มาดูกันว่าเราจะรั่วกันได้แค่ไหน
สำหรับพลังงานที่ต้องใช้ในการทำลายล้างดาวต่างๆ อ่านกระทู้เดิมได้ ที่นี่
สำหรับสาย วิดกระยาสารทฮาร์ดคอร์ที่แท้ทรู บทความนี้มีแบคอัพการคำนวณทั้งหมดไว้ตรงนี้ ถ้าคุณกล้าพอ ก็ลองกดเข้ามา แต่บอกไว้นะ มันฮาร์ดคอร์มาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลุมดำ เตากำเนิดพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดที่มนุษยชาติรู้จัก
รูปที่ 1 หลุมดำ
หลุมดำนั้น เมื่อกลืนมวลเข้าไป มันก็มีการแผ่รังสีออก เพียงแค่ว่า หลุมดำยิ่งใหญ่การแผ่รังสียิ่งน้อย หลุมดำยิ่งเล็กการแผ่รังสียิ่งมาก ดังนั้นถ้าเราสามารถสร้างหลุมดำที่เล็กพอเหมาะ เราจะสามารถใช้หลุมดำแปลงมวลเป็นพลังงานในระดับ Zeptowatt (1x10
21) หรือ Yoctowatt (1x10
24) ก็สามารถทำได้
การสร้างหลุมดำ
รูปที่ 2 Kugelblitz ถ้าเราควบรวมแสงให้เข้มข้นพอ มันจะเป็นการสร้างหลุมดำจิ๋วที่มีขนาดของการแผ่รังสีฮอว์กิ้งตามที่เราต้องการ
หลุมดำ คือจุดที่มวลรวมกันหนาแน่นเกินรัศมีซวาสชิลด์ แน่นอนการบีบอัดมวลจนหนาแน่นขนาดนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็มีทฤษฏีการสร้างหลุมดำจากพลังงานเข้มข้น เรียกว่าหลุมดำแบบ Kugelblitz ซึ่งเป็นภาษาเยอร์มันว่า หลุมดำแห่งแสง จากสมการของไอน์สไตน์ที่เชื่อมต่อมวลเข้ากับพลังงานให้เป็นสิ่งเดียวกัน พลังงานเช่นแสงก็มีขนาดของแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกับมวล แต่แสงจะไม่มีแรงต้านต่อกันแบบกรณีของการบีบอัดมวล มันจึงเป็นไปได้ที่เราจะควบรวมแสงเลเซอร์พลังงานสูงเข้าไปในพื้นที่ๆเล็กจำกัดด้วยปริมาณพลังงานเทียบเท่ามวลตามสมการ E=MC
2 พลังงานจะมีสนามแรงโน้มถ่วงที่มากจนแม้แต่แสงก็ไม่สามารถหลุดจากพื้นที่นั้นออกไปได้ และนั่นก็คือ Kugelblitz ของเรา การสร้างหลุมดำนั้นเราอาจต้องใช้พลังงานมหาศาลจากปฏิกิริยานิวเคลียร์เริ่มต้นอย่างนิวเคลียร์ฟิวชั่น ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ไฮโดรเจนเราสามารถบรรทุกลงดาวมรณะได้ในรูปของน้ำ ซึ่งมีความเสถียรสูง และมีความหนาแน่นของไฮโดรเจนต่อปริมาตรสูงมากๆ แค่เวลาเราต้องแยกไฮโดรเจนออกมาต้องใช้พลังงานเยอะสักหน่อย แต่ออกซิเจนที่ใส่เข้ามาเราก็สามารถรีไซเคิลไปใช้เพื่อหายใจหรือใส่ลงไปเป็นเชื้อเพลิงของหลุมดำก็ได้
เชื้อเพลิงของหลุมดำ
รูปที่ 3 คอนเซปท์ การเติมเชื้อเพลิงเข้าไปสู่ใจกลางหลุมดำเพื่อชดเชยให้พอดีกับการแผ่รังสีฮอว์กกิ้ง และทำมาใช้ในการเร่งพลังงานของมวลพลาสม่าจนได้ปริมาณพลังงานเพียงพอกับการเอาชนะแรงโน้มถ่วงทั้งหมดของดาวเคราะห์ที่เราจะทำลาย (กลไกการแปรรังสีฮอว์กิ้งที่ได้ออกมาเป็นความเร่งของพลาสม่ายังต้องการการศึกษาต่อไป)
เพราะหลุมดำนั้นไม่รังเกียจที่จะแปลงมวลชนิดไหนให้เป็นพลังงาน มันไม่เลือกว่าจะเป็นธาตุเลขอะตอมต่ำแบบไฮโดรเจนเท่านั้นที่จะฟิวชั่นได้ หรือธาตุเลขอะตอมสูงเท่านั้นที่จะฟิชชั่นได้ ขอแค่เราบรรทุกมวลที่น้ำหนักต่อปริมาตรสูงๆเข้าไปอย่างตะกั่วก็ใช้เป็นเชื้อเพลิงใส่เข้าไปในหลุมดำ แล้วก็แปลงพลังงานออกมาได้อย่างสะดวกโยธิน แต่ทว่า มันก็จะยังมีปัญหาอยู่ เพราะ พลังงานแสง มันกักเก็บยาก ยิ่งพลังงานสูงมาก อุณหภูมิตอนสัมผัสก็จะสูงและพวกกระจกที่ใช้กักสร้างความเข้มข้นของเลเซอร์มันก็คงได้ละลายกันหมดพะอดี เราควรมีตัวกลางสำหรับหน่วงเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ ซึ่ง นั่นก็จะเป็นคอนเซปท์ การหน่วงพลังงานไว้ในรูปพลาสม่า และปืนใหญ่มรณะของเราก็จะมีสภาพเป็นปืนใหญ่อนุภาค
วงแหวนแม่เหล็กกักพลาสม่า
พลาสม่านั้นมีประจุมันจึงถูกกักไว้ได้ในสนามแม่เหล็กได้ ในระบบปืนใหญ่ดาวมรณะของเรา เราต้องการใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นให้น้อย แล้วใช้การเติมพลังงานด้วยมวลตะกั่วให้มาก เราจึงต้องมีการหน่วงเวลาการยิงที่ค่อนข้างนาน เช่นหลังสร้าง Kugelblitz เราอาจยอมรับเวลาในการชาร์จพลังงานสัก 1 วันเพื่อให้ได้ปริมาณพลังงานในการทำลายดาวเคราะห์ตามที่เราตั้งใจไว้ แต่ทั้งนี้ ความเร็วของพลาสม่านั้นก็มีขัดจำกัดที่ความเร็วแสง และที่ความเร็วแสงความเข้มของสนามแม่เหล็กก็จะต้องเป็นอนันต์ ถ้าเล่นขนาดนั้นเตาปฏิกรณ์ของเราจะใหญ่เท่าไรก็คงไม่พอ ดังนั้น เราจะจำกัดความเร็วของการเร่งอนุภาคไว้ที่ราว 0.9 C ซึ่ง ณ จุดนี้ มวลที่ต้องใช้ในการสร้างความเร่ง กับมวลที่ต้องใช้ในการเป็นอนุภาคนำส่งพลังงาน ก็จะได้ปริมาณค่อนข้างจะพอดีราวครึ่งต่อครึ่ง
รูปที่ 4 ไดอะแกรมหน้าตาของปืนใหญ่ดาวมรณะของเรา เมื่อรวม คอนเซปท์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ขนาด Does matter!!!
รูปที่ 5 เทียบขนาดของดาวมรณะ ขนาด 160 กม ขนาด 900 กม และขนาดของดวงจันทร์
ขนาดของดาวมรณะ สำคัญเสมอ ตามกติกาเดิม จากการ Review ระบบการจัดเก็บและนำใช้เชื้อเพลิงโดยทั่วไป น้ำหนักเชื้อเพลิงต่อระบบจะอยู่ที่ประมาณ 3% เพียงแค่นั้น และแม้ว่าดาวมรณะจะเป็นซุเปอร์โอเวอร์เทคโนโลยีอย่างไรก็แล้วแต่ มันก็คงจะมีพื้นที่เก็บเชื้อเพลิงแถวๆ 10-20% โดยจะต้องมีพื้นที่สำหรับระบบอื่นๆเช่น ไฮเปอร์ไดรฟ์ ระบบกางสนามพลังป้องกัน ระบบแรงโน้มถ่วงรวมถึง Hangar สำหรับจอด Star Destroyer พร้อมฝูงบิน พื้นที่สำหรับกองทัพโคลน ห้องเก็บขยะ และอีกสารพัดห้อง ช่อง ที่ว่างไว้ให้เจไดเล่นซ่อนหากับกองทัพโคลน ดังนั้นแล้ว จึงได้ถือว่า ถ้าหากปริมาตรเชื้อเพลิงต่อการยิง 1 ครั้ง ต้องใช้ที่ว่างมากกว่า 3% มันจะค่อนข้างเฟลที่จะเอาสถานีอวกาศนี้มายิงข่มขู่ใครที่ไหน
แล้วเราก็ บรู้มมมมมม์ ฮวะฮ่าๆๆๆๆ หึยๆๆๆๆๆ
ด้วยสมมุติฐานการใช้หลุมดำเป็นปฏิกรณ์แปลงพลังงาน ดาวมรณะดวงแรก ดวงเล็กๆแค่ 160 กิโลเมตรก็มีขนาดเพียงพอที่จะบรรทุกกระสุนนัดละไม่เกิน 3% ของมวลดาวที่จะยิงดาวเคราะห์หินให้กระจุยส์ไปได้หมด แต่ยังไม่อาจจะถล่มดาวเคราะห์ก๊าซได้ ทั้งนี้ เมื่อเทียบสเปคกับบทความเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เตาปฏิกรณ์หลุมดำ Kugelblitz มีประสิทธิภาพการทำลายล้างในระดับเดียวกับเชื้อเพลิงปฏิอนุภาคทีเดียว แล้วถ้าขยายขนาดดาวมรณะขึ้นมาที่ 900 กิโลเมตรล่ะ
ตารางที่ 1 พลังทำลายของดาวมรณะที่ 1 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 160 กม
ดาวมรณะที่ 2 มีความสามารถในการทำลายล้างที่มหาศาลยิ่งกว่าดาวมรณะในบทความเดิมอย่างชัดแจ้ง ที่อย่างดีก็สามารถทำลายได้แค่ยูเรนัส หรือเนปจูน แต่ไม่มีปัญญาสะกิดดาวเสาร์และดาวพฤหัส พอเรามาใช้ปฏิกรณ์หลุมดำ เราไม่จำกัดที่จะต้องใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและปฏิไฮโดรเจน ซึ่งการเก็บปฏิอนุภาคไว้ในสนามแม่เหล็กนั้นกินพื้นที่มาก แต่ดาวมรณะของเรา ส่วนที่ต้องกินพื้นที่มากหน่อยคือเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (ดิวทีเรียมและทริเทียม) แต่พอจุดปฏิกรณ์ Kugelblitz แล้วเราสามารถเทสารพัดขยะอย่างโลหะหนัก ตะกั่ว ฯลฯ ที่มวลหนาแน่นมากๆใส่ลงไปแปลงเป็นพลังงานได้ ขีดความสามารถของเตาปฏิกรณ์หลุมดำนั้น สูงกว่าปฏิกรณ์ปฏิอนุภาคมากมายนัก เพราะการที่ไม่จำกัดเชื้อเพลิงที่จะใช้นี่แหละ
ตารางที่ 2 พลังทำลายของดาวมรณะที่ 2 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 900 กม
สำหรับคนที่ขี้เกียจย้อนกลับไปดูกระทู้เก่า สามารถกดดูตารางของเดิมได้ในสปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เทียบชัดๆ สเปคดาวมรณะ 1 และ ดาวมรณะ 2 ที่ใช้เชื้อเพลิงไมนอฟสกี้ เชื้อเพลิงฟิชชั่น เชื้อเพลิงปฏิอนุภาค จะทำอะไรได้แค่ไหน


ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า
ด้วยความรู้ทางวิดกระยาสารทแม้ระดับของดาวโลกเรา ก็เพียงพอจะสร้างปืนใหญ่ดาวมรณะที่มีอานุภาพทัดเทียม ไม่สิ เหนือกว่าดาวมรณะในหนังสตาร์วอร์ เพราะดาวมรณะ จะ 1 หรือ 2 ก็ยังไม่เคยลองบวกกับดาวเคราะห์ก๊าซ แต่กับระบบดาวมรณะพลังหลุมดำ Kugelblitz ของเรา ต่อให้เป็นดาวพฤหัสก็ถล่มได้ชิลๆ ดังนั้นแล้ว มนุษย์เอ๋ย จงเร่งออกอวกาศแล้วสร้างดาวมรณะเพื่อไปเอาชนะฝ่ายจักรวรรดิ์ครองกาแลคซี่ แล้วสร้างจักรวรรดิ์ของดาวโลกของเราไปกดขี่มนุษย์ต่างดาวให้ทั่วจักรวาลกันเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
Death Star again: วิดกระยาสารทของลำแสงมรณะ Vol 2
สำหรับพลังงานที่ต้องใช้ในการทำลายล้างดาวต่างๆ อ่านกระทู้เดิมได้ ที่นี่
สำหรับสาย วิดกระยาสารทฮาร์ดคอร์ที่แท้ทรู บทความนี้มีแบคอัพการคำนวณทั้งหมดไว้ตรงนี้ ถ้าคุณกล้าพอ ก็ลองกดเข้ามา แต่บอกไว้นะ มันฮาร์ดคอร์มาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลุมดำ เตากำเนิดพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดที่มนุษยชาติรู้จัก
หลุมดำนั้น เมื่อกลืนมวลเข้าไป มันก็มีการแผ่รังสีออก เพียงแค่ว่า หลุมดำยิ่งใหญ่การแผ่รังสียิ่งน้อย หลุมดำยิ่งเล็กการแผ่รังสียิ่งมาก ดังนั้นถ้าเราสามารถสร้างหลุมดำที่เล็กพอเหมาะ เราจะสามารถใช้หลุมดำแปลงมวลเป็นพลังงานในระดับ Zeptowatt (1x1021) หรือ Yoctowatt (1x1024) ก็สามารถทำได้
การสร้างหลุมดำ
หลุมดำ คือจุดที่มวลรวมกันหนาแน่นเกินรัศมีซวาสชิลด์ แน่นอนการบีบอัดมวลจนหนาแน่นขนาดนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็มีทฤษฏีการสร้างหลุมดำจากพลังงานเข้มข้น เรียกว่าหลุมดำแบบ Kugelblitz ซึ่งเป็นภาษาเยอร์มันว่า หลุมดำแห่งแสง จากสมการของไอน์สไตน์ที่เชื่อมต่อมวลเข้ากับพลังงานให้เป็นสิ่งเดียวกัน พลังงานเช่นแสงก็มีขนาดของแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกับมวล แต่แสงจะไม่มีแรงต้านต่อกันแบบกรณีของการบีบอัดมวล มันจึงเป็นไปได้ที่เราจะควบรวมแสงเลเซอร์พลังงานสูงเข้าไปในพื้นที่ๆเล็กจำกัดด้วยปริมาณพลังงานเทียบเท่ามวลตามสมการ E=MC2 พลังงานจะมีสนามแรงโน้มถ่วงที่มากจนแม้แต่แสงก็ไม่สามารถหลุดจากพื้นที่นั้นออกไปได้ และนั่นก็คือ Kugelblitz ของเรา การสร้างหลุมดำนั้นเราอาจต้องใช้พลังงานมหาศาลจากปฏิกิริยานิวเคลียร์เริ่มต้นอย่างนิวเคลียร์ฟิวชั่น ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ไฮโดรเจนเราสามารถบรรทุกลงดาวมรณะได้ในรูปของน้ำ ซึ่งมีความเสถียรสูง และมีความหนาแน่นของไฮโดรเจนต่อปริมาตรสูงมากๆ แค่เวลาเราต้องแยกไฮโดรเจนออกมาต้องใช้พลังงานเยอะสักหน่อย แต่ออกซิเจนที่ใส่เข้ามาเราก็สามารถรีไซเคิลไปใช้เพื่อหายใจหรือใส่ลงไปเป็นเชื้อเพลิงของหลุมดำก็ได้
เชื้อเพลิงของหลุมดำ
เพราะหลุมดำนั้นไม่รังเกียจที่จะแปลงมวลชนิดไหนให้เป็นพลังงาน มันไม่เลือกว่าจะเป็นธาตุเลขอะตอมต่ำแบบไฮโดรเจนเท่านั้นที่จะฟิวชั่นได้ หรือธาตุเลขอะตอมสูงเท่านั้นที่จะฟิชชั่นได้ ขอแค่เราบรรทุกมวลที่น้ำหนักต่อปริมาตรสูงๆเข้าไปอย่างตะกั่วก็ใช้เป็นเชื้อเพลิงใส่เข้าไปในหลุมดำ แล้วก็แปลงพลังงานออกมาได้อย่างสะดวกโยธิน แต่ทว่า มันก็จะยังมีปัญหาอยู่ เพราะ พลังงานแสง มันกักเก็บยาก ยิ่งพลังงานสูงมาก อุณหภูมิตอนสัมผัสก็จะสูงและพวกกระจกที่ใช้กักสร้างความเข้มข้นของเลเซอร์มันก็คงได้ละลายกันหมดพะอดี เราควรมีตัวกลางสำหรับหน่วงเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ ซึ่ง นั่นก็จะเป็นคอนเซปท์ การหน่วงพลังงานไว้ในรูปพลาสม่า และปืนใหญ่มรณะของเราก็จะมีสภาพเป็นปืนใหญ่อนุภาค
วงแหวนแม่เหล็กกักพลาสม่า
พลาสม่านั้นมีประจุมันจึงถูกกักไว้ได้ในสนามแม่เหล็กได้ ในระบบปืนใหญ่ดาวมรณะของเรา เราต้องการใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นให้น้อย แล้วใช้การเติมพลังงานด้วยมวลตะกั่วให้มาก เราจึงต้องมีการหน่วงเวลาการยิงที่ค่อนข้างนาน เช่นหลังสร้าง Kugelblitz เราอาจยอมรับเวลาในการชาร์จพลังงานสัก 1 วันเพื่อให้ได้ปริมาณพลังงานในการทำลายดาวเคราะห์ตามที่เราตั้งใจไว้ แต่ทั้งนี้ ความเร็วของพลาสม่านั้นก็มีขัดจำกัดที่ความเร็วแสง และที่ความเร็วแสงความเข้มของสนามแม่เหล็กก็จะต้องเป็นอนันต์ ถ้าเล่นขนาดนั้นเตาปฏิกรณ์ของเราจะใหญ่เท่าไรก็คงไม่พอ ดังนั้น เราจะจำกัดความเร็วของการเร่งอนุภาคไว้ที่ราว 0.9 C ซึ่ง ณ จุดนี้ มวลที่ต้องใช้ในการสร้างความเร่ง กับมวลที่ต้องใช้ในการเป็นอนุภาคนำส่งพลังงาน ก็จะได้ปริมาณค่อนข้างจะพอดีราวครึ่งต่อครึ่ง
ขนาด Does matter!!!
ขนาดของดาวมรณะ สำคัญเสมอ ตามกติกาเดิม จากการ Review ระบบการจัดเก็บและนำใช้เชื้อเพลิงโดยทั่วไป น้ำหนักเชื้อเพลิงต่อระบบจะอยู่ที่ประมาณ 3% เพียงแค่นั้น และแม้ว่าดาวมรณะจะเป็นซุเปอร์โอเวอร์เทคโนโลยีอย่างไรก็แล้วแต่ มันก็คงจะมีพื้นที่เก็บเชื้อเพลิงแถวๆ 10-20% โดยจะต้องมีพื้นที่สำหรับระบบอื่นๆเช่น ไฮเปอร์ไดรฟ์ ระบบกางสนามพลังป้องกัน ระบบแรงโน้มถ่วงรวมถึง Hangar สำหรับจอด Star Destroyer พร้อมฝูงบิน พื้นที่สำหรับกองทัพโคลน ห้องเก็บขยะ และอีกสารพัดห้อง ช่อง ที่ว่างไว้ให้เจไดเล่นซ่อนหากับกองทัพโคลน ดังนั้นแล้ว จึงได้ถือว่า ถ้าหากปริมาตรเชื้อเพลิงต่อการยิง 1 ครั้ง ต้องใช้ที่ว่างมากกว่า 3% มันจะค่อนข้างเฟลที่จะเอาสถานีอวกาศนี้มายิงข่มขู่ใครที่ไหน
แล้วเราก็ บรู้มมมมมม์ ฮวะฮ่าๆๆๆๆ หึยๆๆๆๆๆ
ด้วยสมมุติฐานการใช้หลุมดำเป็นปฏิกรณ์แปลงพลังงาน ดาวมรณะดวงแรก ดวงเล็กๆแค่ 160 กิโลเมตรก็มีขนาดเพียงพอที่จะบรรทุกกระสุนนัดละไม่เกิน 3% ของมวลดาวที่จะยิงดาวเคราะห์หินให้กระจุยส์ไปได้หมด แต่ยังไม่อาจจะถล่มดาวเคราะห์ก๊าซได้ ทั้งนี้ เมื่อเทียบสเปคกับบทความเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เตาปฏิกรณ์หลุมดำ Kugelblitz มีประสิทธิภาพการทำลายล้างในระดับเดียวกับเชื้อเพลิงปฏิอนุภาคทีเดียว แล้วถ้าขยายขนาดดาวมรณะขึ้นมาที่ 900 กิโลเมตรล่ะ
ตารางที่ 1 พลังทำลายของดาวมรณะที่ 1 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 160 กม
ดาวมรณะที่ 2 มีความสามารถในการทำลายล้างที่มหาศาลยิ่งกว่าดาวมรณะในบทความเดิมอย่างชัดแจ้ง ที่อย่างดีก็สามารถทำลายได้แค่ยูเรนัส หรือเนปจูน แต่ไม่มีปัญญาสะกิดดาวเสาร์และดาวพฤหัส พอเรามาใช้ปฏิกรณ์หลุมดำ เราไม่จำกัดที่จะต้องใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและปฏิไฮโดรเจน ซึ่งการเก็บปฏิอนุภาคไว้ในสนามแม่เหล็กนั้นกินพื้นที่มาก แต่ดาวมรณะของเรา ส่วนที่ต้องกินพื้นที่มากหน่อยคือเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (ดิวทีเรียมและทริเทียม) แต่พอจุดปฏิกรณ์ Kugelblitz แล้วเราสามารถเทสารพัดขยะอย่างโลหะหนัก ตะกั่ว ฯลฯ ที่มวลหนาแน่นมากๆใส่ลงไปแปลงเป็นพลังงานได้ ขีดความสามารถของเตาปฏิกรณ์หลุมดำนั้น สูงกว่าปฏิกรณ์ปฏิอนุภาคมากมายนัก เพราะการที่ไม่จำกัดเชื้อเพลิงที่จะใช้นี่แหละ
ตารางที่ 2 พลังทำลายของดาวมรณะที่ 2 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 900 กม
สำหรับคนที่ขี้เกียจย้อนกลับไปดูกระทู้เก่า สามารถกดดูตารางของเดิมได้ในสปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า
ด้วยความรู้ทางวิดกระยาสารทแม้ระดับของดาวโลกเรา ก็เพียงพอจะสร้างปืนใหญ่ดาวมรณะที่มีอานุภาพทัดเทียม ไม่สิ เหนือกว่าดาวมรณะในหนังสตาร์วอร์ เพราะดาวมรณะ จะ 1 หรือ 2 ก็ยังไม่เคยลองบวกกับดาวเคราะห์ก๊าซ แต่กับระบบดาวมรณะพลังหลุมดำ Kugelblitz ของเรา ต่อให้เป็นดาวพฤหัสก็ถล่มได้ชิลๆ ดังนั้นแล้ว มนุษย์เอ๋ย จงเร่งออกอวกาศแล้วสร้างดาวมรณะเพื่อไปเอาชนะฝ่ายจักรวรรดิ์ครองกาแลคซี่ แล้วสร้างจักรวรรดิ์ของดาวโลกของเราไปกดขี่มนุษย์ต่างดาวให้ทั่วจักรวาลกันเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ