ในช่วงที่ชีวิตเริ่มวุ่นวายและเหนื่อยล้าจากงานและการเรียน พวกเราจึงนัดกันจัดทริปสั้น ๆ เพื่อชาร์จพลังใจให้กลับมาอีกครั้ง
เป้าหมายของทริปนี้ไม่ใช่แค่การไปเที่ยว แต่คือการใช้เวลาร่วมกัน ท่ามกลางธรรมชาติและบรรยากาศที่แตกต่างจากเมืองกรุง
และจุดหมายที่เราตัดสินใจเลือกก็คือ... “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว” และ “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านท่าระแนะ” จังหวัดตราด ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชุมชนที่เรียบง่ายแต่จริงใจ บรรยากาศเงียบสงบและโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ เหมาะมากกับทริปพักผ่อนสั้น ๆ 2 วัน 1 คืนกับเพื่อน ๆ
🌿 ทริปนี้มีทั้งกิจกรรมสนุก ๆ วิวสวย ๆ และโมเมนต์น่ารัก ๆ ที่พวกเราอยากแบ่งปัน
🎥 ถ้าใครอยากเห็นบรรยากาศจริง ๆ แบบเต็ม ๆ สามารถรับชมได้ในคลิปนี้เลยค่าาา:
Day 1
ทริปนี้พวกเราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ ราว ๆ 05:00 น. จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรในแต่ละช่วงค่ะ
หลังจากเดินทางมาอย่างยาวนานร่วม 5 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางแรกของทริปนี้ —
“วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว”
บรรยากาศแรกที่สัมผัสได้คือความเงียบสงบของธรรมชาติ และความอบอุ่นของเจ้าบ้าน พี่ ๆ ที่วิสาหกิจให้การต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเองมาก ๆ
แถมยังมี Welcome Drink เย็น ๆ อย่าง
น้ำเก๊กฮวยหอมหวาน มาต้อนรับทันทีที่มาถึง สดชื่นขึ้นมาทันทีหลังจากนั่งรถยาว ๆ มาเลยค่ะ 🍹
เมื่อนั่งพักและเติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เริ่มต้นกิจกรรม
Workshop แรกของทริป นั่นก็คือการทำ
กระเป๋าผ้าลายดอกไม้จากวัสดุธรรมชาติค่ะ 🌿
วิธีทำก็ง่ายมากค่ะ เริ่มจากการเลือกดอกไม้และใบไม้ที่ชอบมาวางตกแต่งลงบนกระเป๋าผ้าตามสไตล์ของแต่ละคน
(แอบมีเคล็ดลับมาบอกนิดนึงนะคะ — แนะนำให้เว้นระยะระหว่างดอกไม้และใบไม้ให้ห่างกันสักหน่อย เวลาทุบแล้วสีน้อง ๆ จะได้ไม่ไหลมาปนกันจนดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร)
จากนั้นใช้เทปใสแปะทับให้แน่น แล้วก็ได้เวลาปลดปล่อยพลังกันแล้วค่ะ — เริ่มทุบ! 💥
ใช่ค่ะ... ทุบจริง ๆ 😂 เพื่อให้สีจากดอกไม้และใบไม้ค่อย ๆ ซึมติดลงบนเนื้อผ้า
ผลลัพธ์ที่ได้คือกระเป๋าผ้าลายสวย ๆ ที่ไม่เหมือนใครเลย เพราะลวดลายเกิดจากธรรมชาติและฝีมือของเราเองล้วน ๆ เป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุก ผ่อนคลาย และยังได้ของที่ระลึกติดมือกลับบ้านด้วย! และนี่ก็คือผลงานของพวกเราค่า
หลังจากเราทุบกระเป๋ากันจนเมื่อยมือ
กิจกรรม Workshop ถัดมานั่นก็คือ
การทำเจลเทียน DIY
ขั้นตอนแรกคือการเลือกโหลแก้วขนาดและรูปทรงที่ชอบ จากนั้นสามารถใช้ปากกาวาดลวดลายบนขวดตามจินตนาการของแต่ละคนเลยค่ะ บางคนวาดลายทะเล บางคนวาดลายดอกไม้ สีสันสดใสมาก
พอวาดเสร็จ ก็เริ่มตกแต่งภายในโหลด้วยการใส่
ทรายสีหลากสี,
เปลือกหอย, หรือแม้แต่ของตกแต่งชิ้นเล็ก ๆ ที่ทางชุมชนเตรียมไว้ให้
จากนั้นก็ถึงเวลารินเจลเทียนลงไปค่ะ พอเจลเซตตัวแล้ว เราก็ใส่ก้านเทียนลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย
เทียนแต่ละชิ้นออกมาไม่เหมือนกันเลยค่ะ เพราะทุกคนตกแต่งด้วยสไตล์ของตัวเอง — ทั้งน่ารัก มีสตอรี่ และกลายเป็นของฝากที่มีความหมายเฉพาะตัวไปเลย 🎁✨ และนี่ก็คือผลงานของพวกเราค่า
หลังจากที่พวกเราทำกิจกรรม Workshop ไป 2 อย่างเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาที่รอคอย...
มื้อกลางวันสุดพิเศษ จากชุมชนค่ะ 🍽️
มื้อนี้มีทั้งของคาวและของหวาน ครบเครื่องสุด ๆ โดยเมนูหลักจะเป็น
อาหารทะเลสด ๆ จากท้องถิ่น ทั้งกุ้ง ปลาหมึก และหอย ที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยรสมือของชาวบ้าน ปิดท้ายด้วย
สัปปะรด ที่ทั้งหอม หวาน และสดชื่น เป็นการเติมพลังที่ดีเยี่ยมก่อนจะไปลุยกิจกรรมช่วงบ่ายต่อค่ะ
เมื่ออิ่มท้องจากมื้อกลางวันแสนอร่อยแล้ว พวกเราก็แวะเข้า
ที่พัก เพื่อเก็บสัมภาระและเปลี่ยนชุด เตรียมตัวลุยกิจกรรมช่วงบ่ายกันต่อค่ะ
โดยที่พักของเราคืนนี้ เป็น
บ้านพักของชาวบ้านในชุมชน ที่เปิดให้แขกเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของทริปนี้เลย เพราะทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตจริง ๆ แบบใกล้ชิดมากขึ้น ตัวบ้านพักแบ่งเป็น 2 หลัง — หลังแรกเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ที่ชั้นบนจัดไว้เป็นห้องนอนของเราสองสาว ส่วนเพื่อนผู้ชายอีก 3 คนก็ได้นอนอีกหลังที่เป็นบ้านปูน แม้จะเป็นบ้านชุมชน แต่ทั้งสองหลังมี
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉพาะแอร์ที่เย็นฉ่ำ ทำให้พวกเราได้พักแบบสบาย ๆ หลังจากกิจกรรมเหนื่อย ๆ ตลอดครึ่งวันแรกค่ะ
หลังจากที่พวกเราได้เปลี่ยนชุดและพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลาลุยกิจกรรมช่วงบ่ายกันต่อค่ะ — นั่นก็คือ
การออกเรือไปจับกระจู๋ทะเล
พวกเรานั่งเรือของชาวบ้านในชุมชนออกไปกลางทะเล ระหว่างทางลมทะเลพัดเบา ๆ เย็นสบาย และวิวสองข้างทางก็เต็มไปด้วย
วิถีชีวิตของคนในชุมชน
เราได้เห็นทั้งการเลี้ยงหอยนางรม การวางอวนจับปลา และแพปลาขนาดเล็กที่ยังคงดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายตามจังหวะของธรรมชาติ
ที่พีคก็คือ ระหว่างที่นั่งเรือไปสักพัก พวกเราสามารถ
มองเห็น “เกาะช้าง” อยู่ไกล ๆ สลับกับเส้นขอบฟ้าได้ด้วยค่ะ บรรยากาศคือดีมากกก~
เมื่อเรานั่งเรือมาถึง
บริเวณที่มีกระจู๋ทะเล ก็ได้เวลาลงน้ำกันแล้วค่ะ!
พื้นที่บริเวณนี้เป็นโคลนล้วน ๆ เลยนะคะ เพราะเจ้าน้องกระจู๋ทะเลจะอาศัยอยู่
ใต้พื้นโคลนที่มีความชื้นสูง ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนง่าย... แต่พอลงไปจริง ๆ บอกเลยว่าทั้งลื่น ทั้งลุย สนุกมาก! โดยคุณลุงคนขับเรือก็ใจดีมากค่ะ แกสอนวิธีจับกระจู๋ทะเลแบบฉบับชาวบ้านแท้ ๆ เลย:
- ให้เราใช้
เท้าค่อย ๆ เตะหรือสัมผัสกับพื้นโคลน เบา ๆ
- ถ้าเจออะไรที่รู้สึกลื่น ๆ หนืด ๆ แบบแปลก ๆ นั่นแหละค่ะ... ใช่เลย!
- จากนั้นก็ดำลงไป
หยิบน้องขึ้นมาอย่างเบามือ (แต่ต้องเร็วด้วยนะคะ เพราะน้องลื่นมาก มีหลุดมือได้ง่าย ๆ เลย!)
พวกเราทั้งกลุ่มช่วยกันงมกระจู๋ทะเลอยู่นานเลยค่ะ หัวเราะกันสนุกสนาน มีคนจับแล้วหลุดมือหลายรอบ 😂
สุดท้ายก็จับมาได้
หลายตัวมาก เลยค่ะ ถือเป็นกิจกรรมที่ทั้งแปลกใหม่ แถมยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบท้องถิ่นแท้ ๆ ไปในตัวเลยค่ะ
หลังจากสนุกกับการจับกระจู๋ทะเลแล้ว พวกเราก็ได้มา ปลูกป่าชายเลน กันค่ะ 🌱
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญมาก เพราะจะช่วย อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศของชายฝั่ง โดยพวกเราจะได้เรียนรู้วิธีการปลูกต้นโกงกางที่เติบโตในแหล่งน้ำเค็ม/กร่อย วิธีการปลูกก็ง่ายมากค่ะ เพียงแค่เราใช้ ฝักโกงกาง ที่เพิ่งหลุดจากต้นแม่มาปักลงใน ดินโคลนชายฝั่ง การปลูกแบบนี้จะทำให้ฝักพัฒนาเป็น ต้นกล้า (ตัวอ่อนของต้นโกงกาง) ต่อไป
หลังจากที่ปลูกป่าชายเลนเสร็จ พวกเราก็กลับไปที่พักเพื่อ อาบน้ำ และเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมที่สนุกอีกอย่าง — นั่นก็คือ การทำทองม้วนดอกไม้สด 🌸
ทองม้วนดอกไม้สดเป็นหนึ่งใน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ชาวบ้านคิดค้นขึ้นมาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าท้องถิ่น โดยวิธีการทำก็ง่ายและสนุกมากเลยค่ะ
ขั้นตอนแรกคือการ เทแป้งลงในเตา และปิดฝาเตาไว้ประมาณหนึ่ง เพื่อให้แป้งสุกดี หลังจากนั้นก็เปิดฝาเตาออก และเริ่มทำการ ม้วนทองม้วน โดยเริ่มจากการพับด้านซ้ายและขวาให้เข้าไปหากันจนกลายเป็นสี่เหลี่ยม พอได้สี่เหลี่ยมแล้วก็สามารถเริ่ม ม้วน ได้เลยค่ะ ทองม้วนที่ได้จะมีความกรอบนอกนุ่มใน แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้สดเพิ่มความพิเศษอีกด้วย
หลังจากที่เราทำทองม้วนดอกไม้สดเสร็จ พักกันสักพัก ก็มาถึงเวลา
มื้อเย็น ที่รอคอยกันแล้วค่ะ 🍽️
ก่อนที่เราจะเริ่มรับประทานอาหารมื้อเย็นกัน พวกเราก็จะได้ลิ้มรส
กระจู๋ทะเล ที่พวกเราจับมาจากกิจกรรมเมื่อเช้านี้ค่ะ
กระจู๋ทะเลจะถูก
ล้างทำความสะอาดอย่างดี แล้วเสิร์ฟในถ้วยที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ วิธีการรับประทานก็ง่ายมากเลยค่ะ เพียงแค่
ตักกระจู๋ทะเล มาราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด
ตามใจชอบ โดยสัมผัสหรือเทกซ์เจอร์ ของกระจู๋ทะเลจะคล้าย ๆ กับ
ปลาหมึก แต่จะมีความ
ลื่น ๆ และกรุบ ๆ มากกว่า เวลากัดเข้าไปก็จะลื่น ๆ หลบฟันไปมา ถือเป็นสัมผัสที่แปลกใหม่แต่ก็อร่อยไม่น้อยเลยค่ะ
โดยมื้ออาหารเย็นวันนี้ก็มีอาหารเยอะเหมือนเดิมเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น แกงส้ม น้ำพริกกะปิ ปลาทอด กุ้งเผา และผัดวุ้นเส้นทะเลค่ะ
และหลังจากที่เรากินกระจู๋ทะเลอร่อย ๆ กันจนหมดแล้ว พวกเราก็ได้เวลา
ปล่อยน้องกระจู๋ทะเลที่เหลือ กลับคืนสู่ธรรมชาติค่ะ 🌿
เนื่องจากพวกเราจับมาค่อนข้างเยอะ และอยากให้ กระจู๋ทะเล ได้กลับไปใช้ชีวิตในที่ของมันตามธรรมชาติ พวกเราจึงปล่อยมันกลับไปในทะเลตามเดิม
จากนั้นก็ได้เวลาที่จะกลับที่พักกันค่ะ พวกเราใช้เวลาที่เหลือเพื่อ
พักผ่อนและผ่อนคลาย หลังจากทำกิจกรรมมาอย่างเต็มที่ทั้งวัน
วันที่ผ่านมานี้ถือเป็นวันที่สนุกและคุ้มค่าไม่น้อย ทั้งได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ได้ทำกิจกรรมที่แปลกใหม่ และได้กลับมาเชื่อมโยงกับธรรมชาติอีกครั้งวันนี้ถึงแม้ว่าจะเหนื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขที่ได้สร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันในทริปนี้ และพรุ่งนี้เราก็จะได้ไปลุยกันต่อกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นมากมาย!(1)
[CR] ตาก 2 วัน 1 คืน – นอนริมน้ำ จับกระจู๋ทะเล เที่ยวชุมชน กับเพื่อน ๆ | Backpack Trip | GEN441
🎥 ถ้าใครอยากเห็นบรรยากาศจริง ๆ แบบเต็ม ๆ สามารถรับชมได้ในคลิปนี้เลยค่าาา:
ทริปนี้พวกเราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ ราว ๆ 05:00 น. จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรในแต่ละช่วงค่ะ
หลังจากเดินทางมาอย่างยาวนานร่วม 5 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางแรกของทริปนี้ — “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว”
บรรยากาศแรกที่สัมผัสได้คือความเงียบสงบของธรรมชาติ และความอบอุ่นของเจ้าบ้าน พี่ ๆ ที่วิสาหกิจให้การต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเองมาก ๆ
แถมยังมี Welcome Drink เย็น ๆ อย่าง น้ำเก๊กฮวยหอมหวาน มาต้อนรับทันทีที่มาถึง สดชื่นขึ้นมาทันทีหลังจากนั่งรถยาว ๆ มาเลยค่ะ 🍹
เมื่อนั่งพักและเติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เริ่มต้นกิจกรรม Workshop แรกของทริป นั่นก็คือการทำกระเป๋าผ้าลายดอกไม้จากวัสดุธรรมชาติค่ะ 🌿
วิธีทำก็ง่ายมากค่ะ เริ่มจากการเลือกดอกไม้และใบไม้ที่ชอบมาวางตกแต่งลงบนกระเป๋าผ้าตามสไตล์ของแต่ละคน
(แอบมีเคล็ดลับมาบอกนิดนึงนะคะ — แนะนำให้เว้นระยะระหว่างดอกไม้และใบไม้ให้ห่างกันสักหน่อย เวลาทุบแล้วสีน้อง ๆ จะได้ไม่ไหลมาปนกันจนดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร)
จากนั้นใช้เทปใสแปะทับให้แน่น แล้วก็ได้เวลาปลดปล่อยพลังกันแล้วค่ะ — เริ่มทุบ! 💥
ใช่ค่ะ... ทุบจริง ๆ 😂 เพื่อให้สีจากดอกไม้และใบไม้ค่อย ๆ ซึมติดลงบนเนื้อผ้า
ผลลัพธ์ที่ได้คือกระเป๋าผ้าลายสวย ๆ ที่ไม่เหมือนใครเลย เพราะลวดลายเกิดจากธรรมชาติและฝีมือของเราเองล้วน ๆ เป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุก ผ่อนคลาย และยังได้ของที่ระลึกติดมือกลับบ้านด้วย! และนี่ก็คือผลงานของพวกเราค่า
หลังจากเราทุบกระเป๋ากันจนเมื่อยมือ กิจกรรม Workshop ถัดมานั่นก็คือ การทำเจลเทียน DIY
ขั้นตอนแรกคือการเลือกโหลแก้วขนาดและรูปทรงที่ชอบ จากนั้นสามารถใช้ปากกาวาดลวดลายบนขวดตามจินตนาการของแต่ละคนเลยค่ะ บางคนวาดลายทะเล บางคนวาดลายดอกไม้ สีสันสดใสมาก
พอวาดเสร็จ ก็เริ่มตกแต่งภายในโหลด้วยการใส่ ทรายสีหลากสี, เปลือกหอย, หรือแม้แต่ของตกแต่งชิ้นเล็ก ๆ ที่ทางชุมชนเตรียมไว้ให้
จากนั้นก็ถึงเวลารินเจลเทียนลงไปค่ะ พอเจลเซตตัวแล้ว เราก็ใส่ก้านเทียนลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย
เทียนแต่ละชิ้นออกมาไม่เหมือนกันเลยค่ะ เพราะทุกคนตกแต่งด้วยสไตล์ของตัวเอง — ทั้งน่ารัก มีสตอรี่ และกลายเป็นของฝากที่มีความหมายเฉพาะตัวไปเลย 🎁✨ และนี่ก็คือผลงานของพวกเราค่า
หลังจากที่พวกเราทำกิจกรรม Workshop ไป 2 อย่างเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาที่รอคอย... มื้อกลางวันสุดพิเศษ จากชุมชนค่ะ 🍽️
มื้อนี้มีทั้งของคาวและของหวาน ครบเครื่องสุด ๆ โดยเมนูหลักจะเป็น อาหารทะเลสด ๆ จากท้องถิ่น ทั้งกุ้ง ปลาหมึก และหอย ที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยรสมือของชาวบ้าน ปิดท้ายด้วย สัปปะรด ที่ทั้งหอม หวาน และสดชื่น เป็นการเติมพลังที่ดีเยี่ยมก่อนจะไปลุยกิจกรรมช่วงบ่ายต่อค่ะ
เมื่ออิ่มท้องจากมื้อกลางวันแสนอร่อยแล้ว พวกเราก็แวะเข้า ที่พัก เพื่อเก็บสัมภาระและเปลี่ยนชุด เตรียมตัวลุยกิจกรรมช่วงบ่ายกันต่อค่ะ
โดยที่พักของเราคืนนี้ เป็น บ้านพักของชาวบ้านในชุมชน ที่เปิดให้แขกเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของทริปนี้เลย เพราะทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตจริง ๆ แบบใกล้ชิดมากขึ้น ตัวบ้านพักแบ่งเป็น 2 หลัง — หลังแรกเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ที่ชั้นบนจัดไว้เป็นห้องนอนของเราสองสาว ส่วนเพื่อนผู้ชายอีก 3 คนก็ได้นอนอีกหลังที่เป็นบ้านปูน แม้จะเป็นบ้านชุมชน แต่ทั้งสองหลังมี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉพาะแอร์ที่เย็นฉ่ำ ทำให้พวกเราได้พักแบบสบาย ๆ หลังจากกิจกรรมเหนื่อย ๆ ตลอดครึ่งวันแรกค่ะ
หลังจากที่พวกเราได้เปลี่ยนชุดและพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลาลุยกิจกรรมช่วงบ่ายกันต่อค่ะ — นั่นก็คือ การออกเรือไปจับกระจู๋ทะเล
พวกเรานั่งเรือของชาวบ้านในชุมชนออกไปกลางทะเล ระหว่างทางลมทะเลพัดเบา ๆ เย็นสบาย และวิวสองข้างทางก็เต็มไปด้วย วิถีชีวิตของคนในชุมชน
เราได้เห็นทั้งการเลี้ยงหอยนางรม การวางอวนจับปลา และแพปลาขนาดเล็กที่ยังคงดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายตามจังหวะของธรรมชาติ
ที่พีคก็คือ ระหว่างที่นั่งเรือไปสักพัก พวกเราสามารถ มองเห็น “เกาะช้าง” อยู่ไกล ๆ สลับกับเส้นขอบฟ้าได้ด้วยค่ะ บรรยากาศคือดีมากกก~
พื้นที่บริเวณนี้เป็นโคลนล้วน ๆ เลยนะคะ เพราะเจ้าน้องกระจู๋ทะเลจะอาศัยอยู่ ใต้พื้นโคลนที่มีความชื้นสูง ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนง่าย... แต่พอลงไปจริง ๆ บอกเลยว่าทั้งลื่น ทั้งลุย สนุกมาก! โดยคุณลุงคนขับเรือก็ใจดีมากค่ะ แกสอนวิธีจับกระจู๋ทะเลแบบฉบับชาวบ้านแท้ ๆ เลย:
- ให้เราใช้ เท้าค่อย ๆ เตะหรือสัมผัสกับพื้นโคลน เบา ๆ
- ถ้าเจออะไรที่รู้สึกลื่น ๆ หนืด ๆ แบบแปลก ๆ นั่นแหละค่ะ... ใช่เลย!
- จากนั้นก็ดำลงไป หยิบน้องขึ้นมาอย่างเบามือ (แต่ต้องเร็วด้วยนะคะ เพราะน้องลื่นมาก มีหลุดมือได้ง่าย ๆ เลย!)
พวกเราทั้งกลุ่มช่วยกันงมกระจู๋ทะเลอยู่นานเลยค่ะ หัวเราะกันสนุกสนาน มีคนจับแล้วหลุดมือหลายรอบ 😂
สุดท้ายก็จับมาได้ หลายตัวมาก เลยค่ะ ถือเป็นกิจกรรมที่ทั้งแปลกใหม่ แถมยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบท้องถิ่นแท้ ๆ ไปในตัวเลยค่ะ
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญมาก เพราะจะช่วย อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศของชายฝั่ง โดยพวกเราจะได้เรียนรู้วิธีการปลูกต้นโกงกางที่เติบโตในแหล่งน้ำเค็ม/กร่อย วิธีการปลูกก็ง่ายมากค่ะ เพียงแค่เราใช้ ฝักโกงกาง ที่เพิ่งหลุดจากต้นแม่มาปักลงใน ดินโคลนชายฝั่ง การปลูกแบบนี้จะทำให้ฝักพัฒนาเป็น ต้นกล้า (ตัวอ่อนของต้นโกงกาง) ต่อไป
ทองม้วนดอกไม้สดเป็นหนึ่งใน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ชาวบ้านคิดค้นขึ้นมาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าท้องถิ่น โดยวิธีการทำก็ง่ายและสนุกมากเลยค่ะ
ขั้นตอนแรกคือการ เทแป้งลงในเตา และปิดฝาเตาไว้ประมาณหนึ่ง เพื่อให้แป้งสุกดี หลังจากนั้นก็เปิดฝาเตาออก และเริ่มทำการ ม้วนทองม้วน โดยเริ่มจากการพับด้านซ้ายและขวาให้เข้าไปหากันจนกลายเป็นสี่เหลี่ยม พอได้สี่เหลี่ยมแล้วก็สามารถเริ่ม ม้วน ได้เลยค่ะ ทองม้วนที่ได้จะมีความกรอบนอกนุ่มใน แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้สดเพิ่มความพิเศษอีกด้วย
หลังจากที่เราทำทองม้วนดอกไม้สดเสร็จ พักกันสักพัก ก็มาถึงเวลา มื้อเย็น ที่รอคอยกันแล้วค่ะ 🍽️
ก่อนที่เราจะเริ่มรับประทานอาหารมื้อเย็นกัน พวกเราก็จะได้ลิ้มรส กระจู๋ทะเล ที่พวกเราจับมาจากกิจกรรมเมื่อเช้านี้ค่ะ
กระจู๋ทะเลจะถูก ล้างทำความสะอาดอย่างดี แล้วเสิร์ฟในถ้วยที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ วิธีการรับประทานก็ง่ายมากเลยค่ะ เพียงแค่ ตักกระจู๋ทะเล มาราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด ตามใจชอบ โดยสัมผัสหรือเทกซ์เจอร์ ของกระจู๋ทะเลจะคล้าย ๆ กับ ปลาหมึก แต่จะมีความ ลื่น ๆ และกรุบ ๆ มากกว่า เวลากัดเข้าไปก็จะลื่น ๆ หลบฟันไปมา ถือเป็นสัมผัสที่แปลกใหม่แต่ก็อร่อยไม่น้อยเลยค่ะ
โดยมื้ออาหารเย็นวันนี้ก็มีอาหารเยอะเหมือนเดิมเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น แกงส้ม น้ำพริกกะปิ ปลาทอด กุ้งเผา และผัดวุ้นเส้นทะเลค่ะ
และหลังจากที่เรากินกระจู๋ทะเลอร่อย ๆ กันจนหมดแล้ว พวกเราก็ได้เวลา ปล่อยน้องกระจู๋ทะเลที่เหลือ กลับคืนสู่ธรรมชาติค่ะ 🌿
เนื่องจากพวกเราจับมาค่อนข้างเยอะ และอยากให้ กระจู๋ทะเล ได้กลับไปใช้ชีวิตในที่ของมันตามธรรมชาติ พวกเราจึงปล่อยมันกลับไปในทะเลตามเดิม
จากนั้นก็ได้เวลาที่จะกลับที่พักกันค่ะ พวกเราใช้เวลาที่เหลือเพื่อ พักผ่อนและผ่อนคลาย หลังจากทำกิจกรรมมาอย่างเต็มที่ทั้งวัน
วันที่ผ่านมานี้ถือเป็นวันที่สนุกและคุ้มค่าไม่น้อย ทั้งได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ได้ทำกิจกรรมที่แปลกใหม่ และได้กลับมาเชื่อมโยงกับธรรมชาติอีกครั้งวันนี้ถึงแม้ว่าจะเหนื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขที่ได้สร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันในทริปนี้ และพรุ่งนี้เราก็จะได้ไปลุยกันต่อกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นมากมาย!(1)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้