เกริ่นก่อนว่าที่ต้องมาโพสต์ในพันทิปถามเพราะไม่สามารถคอมเมนต์สอบถามใต้โพสต์ของอาจารย์ได้
ก่อนอื่น อาจารย์เจษฎ์บอกว่า "นมเปรี้ยวมีส่วนทำให้ค่าแอลกอฮอล์ที่วัดได้ลดลงได้จริงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำเพราะผ่านไป 10 นาที แอลกอฮอล์ในช่องปากก็กลับมาเหมือนเดิม อีกทั้งผลตรวจเลือดก็พบอยู่ดี เพราะแอลกอฮอล์ยังไม่หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสังเกตจากสิ่งอื่นๆประกอบได้อยู่แล้ว เช่น สีหน้า หน้าแดง เดินไม่ตรง หรือพูดไม่รู้เรื่อง อีกทั้งสามารถขอตรวจเลือดได้ และกฎหมายใหม่ หากเราปฏิเสธการตรวจ เจ้าหน้าที่สามารถสันนิษฐานได้ทันทีว่าเมา เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือดื่มไม่ขับ"
ที่มา : เฟสจารย์เจษฎ์เอง ข้อความครบถ้วน
ซึ่งประเด็นอื่นๆผมไม่ได้เห็นแย้งเลย
- ดื่มไม่ขับ -> แน่นอนว่าควรเป็นแบบนั้น
- เจ้าหน้าที่สามารถสังเกตจากอาการอื่นได้ -> ดื่มไปก็ไม่มีประโยชน์
- แอลกอฮอล์ในเลือดยังอยู่เหมือนเดิม -> ก็คงงั้น ถ้าดื่มนมแล้วแอกอฮอล์สนเลือดลดได้คงกินแก้เมาเหล้ากันทั่วโลกแล้ว
แต่ปัญหาคือ "นมเปรี้ยวมีส่วนทำให้ค่าแอลกอฮอล์ที่วัดได้ลดลงได้จริงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำเพราะผ่านไป 10 นาที แอลกอฮอล์ในช่องปากก็กลับมาเหมือนเดิม" ซึ่งนี่ไม่เกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายใดๆ ไม่เกี่ยวกับว่า "เขาบอกว่าเมาไม่ขับก็ถูกแล้ว จะเถียงทำไม" แต่คือเป็นทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ เพราะเหตุผลดังนี้
1.ไม่มีการอ้างอิงเอกสารทางวิชาการใดๆในโพสต์ของตน ลิงค์เดียวที่อ้างคือลิงค์ข่าวรถชนแล้วเขาไปสัมภาษณ์จารย์เจษฎ์หรือออกมาพูดเองก็ไม่รู้ แต่คือมีแค่นั้น อย่างน้อยก็ในปัจจุบัน
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3403283483135595&set=a.348119915318649
2.ไม่มีการอธิบายถึงกลไกใดเลยในการลดค่าแอลกอฮอล์ในช่องปาก บอกแค่ว่า "นมเปรี้ยวมีส่วนช่วยลดค่าแอลกอฮอล์ที่วัดได้" ลดได้ยังไง ไม่รู้ ผ่านกลไกใด ปฏิกิริยาทางเคมีหรอ หรือจุลลินทรีย์ในนมเปรี้ยวใช้แอลกอฮอล์ แต่ถ้าแบบนั้นก็ต้องลดในเลือดได้ด้วยหรือเปล่า คือบอกแค่ลด ลดยังไง
3.บอกว่า "ลดลงได้จริงในระดับหนึ่ง" ระดับหนึ่งคือแค่ไหน? มีนัยสำคัญทางสถิติไหม ลดลงประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ ลดลง 0.000005mg% ก็บอกได้ว่าลดครับ คือใช้คำเซฟตัวเองมากจนไม่รู้ว่าลดลงแค่ไหน ผมไม่ได้จะเอาไปใช้เอง แต่มันมีความสำคัญสำหรับวิทยาศาสตร์และความรู้ความเข้าใจของคนครับ ถึงจะไม่สนับสนุน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนมันส่งผลต่อการกระทำในอนาคต และอาชีพที่เหนื่อยที่สุดก็คงเป็นพวกอาชีพที่ต้องมาคอยสอนประชาชนแบบหมอ พยาบาล หรือเภสัชกร
4.มีการระบุว่าผ่านไป 10 นาทีก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะเหตุใด? อันนี้ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีก แอลกอฮอล์ในเลือดถ่ายเทออกมาทางปากหรอ หรือมันขับออกโดยปอดเลยมาทางลมหายใจ? ไม่รู้ เพราะไม่มีเอกสารใดๆอ้างอิง และไปค้นดูแล้ว ไม่พบเอกสารทางวิชาการใดๆ หาไม่เจอเองแหล่ะ แต่ตัวเลขดังกล่าวหาไม่เจอจริงๆ มีแต่สมมติฐานที่พอจะคาดเดาได้ แต่ก็ไม่มั่นใจพอจะไปบอกคนอื่น หรือเป็นการทดลองส่วนตัว?
5.มีคนมาถามว่า "สรุปดื่มปุ๊บเป่าปั๊บ ช่วยได้ใช่ไหมครับ" ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมอธิบายไปในข้อ 3 ว่ามันสามารถทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆได้ ซึ่งสิ่งที่อาจารย์เจษฎ์ตอบกลับมาค่อนข้าง.... ที่ไปตอบกลับเขาว่า "คือก็อย่างที่เขียนให้ละเอียดนะครับ" คือมันไม่ละเอียดครับ อย่าไปหาว่าเขาไม่อ่านหรืออ่านไม่รู้เรื่อง คือมันไม่ละเอียดจริงๆครับ มีจุดให้สงสัย หาคำตอบไม่ได้เต็มไปหมด ซึ่งมีการอธิบายเพิ่มเติม "หลัง" มีคนถามว่า "มันจะช่วยล้างแอลกอฮอล์ในช่องปากออกไปได้นะครับ" ทีนี้รบกวนอาจารย์เจษฎ์เลื่อนไปหาอ่านที่ตัวเองพิมพ์อีกทีนะครับว่าได้มีการอธิบายถึงกลไกการลดแอลกอฮอล์ว่า "ล้าง" ไปตอนไหน และการที่ไม่บอกว่าลดได้มากน้อยแค่ไหน 1-10%? 10-50%? 50-90%? ไม่ทราบ เขาจึงเกิดข้อสงสัยว่ากินปุ๊บตรวจปั๊บมันช่วยจริงหรอ
ผมเข้าใจว่าจารย์เจษฎ์เป็นเหมือนไอดอลของชาวเน็ตไปแล้ว และตอนนี้มันก็แทบจะไม่ต่างจากลัทธิดีๆ การที่ผมมาพิมพ์แบบนี้ก็ทำใจไว้ส่วนนึงว่าคงโดนด่ายับแน่ๆ แต่ในฐานะชาววิทย์เหมือนกัน ผมมีสิทธิที่จะสงสัยและสอบถาม ผมไม่ได้อยากที่จะมาถามแยกในพันทิปแบบนี้เลย แต่คือ.... คุณเป็นอาจารย์ที่ไม่เปิดช่องทางให้คนอื่นสอบถามอ่ะ คือเหมือน "ฉันมาบอก สิ่งที่ฉันพูดคือ Fact เพราะงั้นฟังแล้วจำไปก็พอ" คืออันนี้ไม่น่าใช่วิธีการสอนที่ดีนะครับ... จารย์ก็คงไม่ได้มีวัตถุประสงค์แบบนั้นหรอก แต่ในฐานะคนรับฟังคือพวกผมทำได้แค่ฟังและจำเท่านั้นจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าหาข้อมูลมาจากแหล่งไหน จะสอบถามก็ถามไม่ได้ ถ้าเกิดนักเรียนพรีเซนต์เรื่องนี้แบบนี้แล้วแปะภาพว่า "ไขข้อเท็จจริง" โดยมีข้อมูลแค่นี้ แถมแหล่งข้อมูลอ้างอิงก็ไม่มี คิดว่านักเรียนเขาจะได้คะแนนเต็มและไม่โดนใครสอบถามเลยหรือไม่ให้ถาม เพราะ "คือก็อย่างที่เขียนให้ละเอียดนะครับ" หรอ? ก็คงไม่ ตอนเรียน เราเรียนกันมาภายใต้มาตรฐานที่สูงมาก แต่ตอนพบเห็นอาจารย์ของตนใช้จริงพบว่าเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่รู้จะพิมพ์ยังไงครับ ตอนเรียนเราพูดด้วยความรู้ ใช้เหตุผลในการอธิบาย แต่โตมาหากเห็นว่าเราใช้ตำแหน่งและชื่อเสียงในการพูดมันก็คงน่าเศร้า ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบวิทยาศาสตร์ จารย์เจษฎ์ตอนนี้กลายเป็นเหมือนด่านสุดท้ายสำหรับประชาชนไทยไปแล้วที่เวลามีเรื่องอะไรก็จะมีคนพูดเลยว่า "จารย์เจษฎ์ออกมาบอกแล้วว่า......" ซึ่งมันง่ายมากที่จะเกิดความเข้าใจผิด อาจจะด้วยอาจารย์สอนผิดเองหรือคนอ่านอ่านไม่เข้าใจเอง ซึ่งปัญหาหลักมันคือการสอนแบบหย่อนระเบิด ถามกลับไม่ได้แถมสืบค้นย้อนกลับไม่ได้นี่ล่ะ
ไม่ใช่การด่า ไม่ใช่การหาเรื่อง ไม่ใช่การประจาน และคนที่โดนด่าเอาจริงๆน่าจะเป็นผมมากกว่าที่โดนแถมปุ่มสยองน่าจะเยอะพอตัว แต่ถ้าใครชอบวิทยาศาสตร์เหมือนกันน่าจะเข้าใจ อาจารย์เจษฎ์คือคนที่น่าเคารพ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่พระเจ้า ดังนั้นการสอนใดๆจึงควรมีข้อมูลที่ชัดเจน อย่างการที่มาบอกที่หลังว่า "ล้างแอลกอฮอล์ในช่องปากไปได้" แบบนั้นมันจะต่างจากน้ำเปล่ายังไง? ก็จะเกิดคำถามอีกว่า "ทำไมต้องนมเปรี้ยว?" เห็นไหมครับ คำถามผุดขึ้นมามากมาย จะบอกว่าละเอียดคงไม่ได้ สำหรับบทสัมภาษณ์ในข่าวไม่ต้องอธิบายประชาชนหรอกครับว่าเอาข้อมูลมาจากไหน แต่ในเฟสส่วนตัว ผมมองว่าการสอนและแปะเอกสารอ้างอิงมันช่วยคนได้มากกว่าการ Copy ข้อความที่นักข่าวเขียนบทสัมภาษณ์ตนไปแล้วนำมาแปะในโพสต์ตัวเองในเฟสบุ๊คอีกทีพร้อมแปะลิงค์ข่าวดังกล่าว ผมไม่อยากให้ประชาชนไทยเป็นแบบ "เขาฉลาดนะ ที่เขาว่ามาก็น่าจะจริงแหล่ะ" แต่เป็น "ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลนะ" หรือ "เออแฮะ มันเป็นแบบนี้นี่เอง" มากกว่า และด้วยอาจารย์เจษฎ์มีศักดิ์ที่สูงกว่าบุคลากรทั่วไปมาก คำพูดของอาจารย์นั้นมีน้ำหนักมากกว่าพวกผมครับ ต่อให้วัตถุประสงค์เดียวกันคือไม่สนับสนุนให้เมาแล้วขับ แต่ในการให้ความรู้ ต่อให้พวกผมจะพูดอะไรเขาก็จะบอกว่า "แต่อาจารย์เจษฎ์เขาบอกแบบนี้นะ"
ใดๆคือทั้งหมดนี้ผมไม่ได้เกลียดหรือดูถูกอาจารย์แต่อย่างใด และที่พิมพ์มาก็ไม่ได้มีตรงไหนที่ดูจะสื่อไปทางนั้นได้เลย ผมแค่มาสอบถามและอธิบายปกป้องตัวเองว่าทำไมผมไม่เข้าใจและมาตั้งกระทู้พันทิปแทนการไปตอบใต้โพสต์ให้เป็นที่เท่านั้น เพราะถ้าผมไม่อธิบายในละเอียด จะเป็นผมที่โดนด่ายับเละเทะ ซึ่ง... ก็น่าจะไม่ต่าง
ถามอาจารย์เจษฎ์เกี่ยวกับประเด็นนมเปรี้ยว
ก่อนอื่น อาจารย์เจษฎ์บอกว่า "นมเปรี้ยวมีส่วนทำให้ค่าแอลกอฮอล์ที่วัดได้ลดลงได้จริงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำเพราะผ่านไป 10 นาที แอลกอฮอล์ในช่องปากก็กลับมาเหมือนเดิม อีกทั้งผลตรวจเลือดก็พบอยู่ดี เพราะแอลกอฮอล์ยังไม่หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสังเกตจากสิ่งอื่นๆประกอบได้อยู่แล้ว เช่น สีหน้า หน้าแดง เดินไม่ตรง หรือพูดไม่รู้เรื่อง อีกทั้งสามารถขอตรวจเลือดได้ และกฎหมายใหม่ หากเราปฏิเสธการตรวจ เจ้าหน้าที่สามารถสันนิษฐานได้ทันทีว่าเมา เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือดื่มไม่ขับ"
ที่มา : เฟสจารย์เจษฎ์เอง ข้อความครบถ้วน
ซึ่งประเด็นอื่นๆผมไม่ได้เห็นแย้งเลย
- ดื่มไม่ขับ -> แน่นอนว่าควรเป็นแบบนั้น
- เจ้าหน้าที่สามารถสังเกตจากอาการอื่นได้ -> ดื่มไปก็ไม่มีประโยชน์
- แอลกอฮอล์ในเลือดยังอยู่เหมือนเดิม -> ก็คงงั้น ถ้าดื่มนมแล้วแอกอฮอล์สนเลือดลดได้คงกินแก้เมาเหล้ากันทั่วโลกแล้ว
แต่ปัญหาคือ "นมเปรี้ยวมีส่วนทำให้ค่าแอลกอฮอล์ที่วัดได้ลดลงได้จริงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำเพราะผ่านไป 10 นาที แอลกอฮอล์ในช่องปากก็กลับมาเหมือนเดิม" ซึ่งนี่ไม่เกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายใดๆ ไม่เกี่ยวกับว่า "เขาบอกว่าเมาไม่ขับก็ถูกแล้ว จะเถียงทำไม" แต่คือเป็นทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ เพราะเหตุผลดังนี้
1.ไม่มีการอ้างอิงเอกสารทางวิชาการใดๆในโพสต์ของตน ลิงค์เดียวที่อ้างคือลิงค์ข่าวรถชนแล้วเขาไปสัมภาษณ์จารย์เจษฎ์หรือออกมาพูดเองก็ไม่รู้ แต่คือมีแค่นั้น อย่างน้อยก็ในปัจจุบัน
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3403283483135595&set=a.348119915318649
2.ไม่มีการอธิบายถึงกลไกใดเลยในการลดค่าแอลกอฮอล์ในช่องปาก บอกแค่ว่า "นมเปรี้ยวมีส่วนช่วยลดค่าแอลกอฮอล์ที่วัดได้" ลดได้ยังไง ไม่รู้ ผ่านกลไกใด ปฏิกิริยาทางเคมีหรอ หรือจุลลินทรีย์ในนมเปรี้ยวใช้แอลกอฮอล์ แต่ถ้าแบบนั้นก็ต้องลดในเลือดได้ด้วยหรือเปล่า คือบอกแค่ลด ลดยังไง
3.บอกว่า "ลดลงได้จริงในระดับหนึ่ง" ระดับหนึ่งคือแค่ไหน? มีนัยสำคัญทางสถิติไหม ลดลงประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ ลดลง 0.000005mg% ก็บอกได้ว่าลดครับ คือใช้คำเซฟตัวเองมากจนไม่รู้ว่าลดลงแค่ไหน ผมไม่ได้จะเอาไปใช้เอง แต่มันมีความสำคัญสำหรับวิทยาศาสตร์และความรู้ความเข้าใจของคนครับ ถึงจะไม่สนับสนุน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนมันส่งผลต่อการกระทำในอนาคต และอาชีพที่เหนื่อยที่สุดก็คงเป็นพวกอาชีพที่ต้องมาคอยสอนประชาชนแบบหมอ พยาบาล หรือเภสัชกร
4.มีการระบุว่าผ่านไป 10 นาทีก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะเหตุใด? อันนี้ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีก แอลกอฮอล์ในเลือดถ่ายเทออกมาทางปากหรอ หรือมันขับออกโดยปอดเลยมาทางลมหายใจ? ไม่รู้ เพราะไม่มีเอกสารใดๆอ้างอิง และไปค้นดูแล้ว ไม่พบเอกสารทางวิชาการใดๆ หาไม่เจอเองแหล่ะ แต่ตัวเลขดังกล่าวหาไม่เจอจริงๆ มีแต่สมมติฐานที่พอจะคาดเดาได้ แต่ก็ไม่มั่นใจพอจะไปบอกคนอื่น หรือเป็นการทดลองส่วนตัว?
5.มีคนมาถามว่า "สรุปดื่มปุ๊บเป่าปั๊บ ช่วยได้ใช่ไหมครับ" ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมอธิบายไปในข้อ 3 ว่ามันสามารถทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆได้ ซึ่งสิ่งที่อาจารย์เจษฎ์ตอบกลับมาค่อนข้าง.... ที่ไปตอบกลับเขาว่า "คือก็อย่างที่เขียนให้ละเอียดนะครับ" คือมันไม่ละเอียดครับ อย่าไปหาว่าเขาไม่อ่านหรืออ่านไม่รู้เรื่อง คือมันไม่ละเอียดจริงๆครับ มีจุดให้สงสัย หาคำตอบไม่ได้เต็มไปหมด ซึ่งมีการอธิบายเพิ่มเติม "หลัง" มีคนถามว่า "มันจะช่วยล้างแอลกอฮอล์ในช่องปากออกไปได้นะครับ" ทีนี้รบกวนอาจารย์เจษฎ์เลื่อนไปหาอ่านที่ตัวเองพิมพ์อีกทีนะครับว่าได้มีการอธิบายถึงกลไกการลดแอลกอฮอล์ว่า "ล้าง" ไปตอนไหน และการที่ไม่บอกว่าลดได้มากน้อยแค่ไหน 1-10%? 10-50%? 50-90%? ไม่ทราบ เขาจึงเกิดข้อสงสัยว่ากินปุ๊บตรวจปั๊บมันช่วยจริงหรอ
ผมเข้าใจว่าจารย์เจษฎ์เป็นเหมือนไอดอลของชาวเน็ตไปแล้ว และตอนนี้มันก็แทบจะไม่ต่างจากลัทธิดีๆ การที่ผมมาพิมพ์แบบนี้ก็ทำใจไว้ส่วนนึงว่าคงโดนด่ายับแน่ๆ แต่ในฐานะชาววิทย์เหมือนกัน ผมมีสิทธิที่จะสงสัยและสอบถาม ผมไม่ได้อยากที่จะมาถามแยกในพันทิปแบบนี้เลย แต่คือ.... คุณเป็นอาจารย์ที่ไม่เปิดช่องทางให้คนอื่นสอบถามอ่ะ คือเหมือน "ฉันมาบอก สิ่งที่ฉันพูดคือ Fact เพราะงั้นฟังแล้วจำไปก็พอ" คืออันนี้ไม่น่าใช่วิธีการสอนที่ดีนะครับ... จารย์ก็คงไม่ได้มีวัตถุประสงค์แบบนั้นหรอก แต่ในฐานะคนรับฟังคือพวกผมทำได้แค่ฟังและจำเท่านั้นจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าหาข้อมูลมาจากแหล่งไหน จะสอบถามก็ถามไม่ได้ ถ้าเกิดนักเรียนพรีเซนต์เรื่องนี้แบบนี้แล้วแปะภาพว่า "ไขข้อเท็จจริง" โดยมีข้อมูลแค่นี้ แถมแหล่งข้อมูลอ้างอิงก็ไม่มี คิดว่านักเรียนเขาจะได้คะแนนเต็มและไม่โดนใครสอบถามเลยหรือไม่ให้ถาม เพราะ "คือก็อย่างที่เขียนให้ละเอียดนะครับ" หรอ? ก็คงไม่ ตอนเรียน เราเรียนกันมาภายใต้มาตรฐานที่สูงมาก แต่ตอนพบเห็นอาจารย์ของตนใช้จริงพบว่าเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่รู้จะพิมพ์ยังไงครับ ตอนเรียนเราพูดด้วยความรู้ ใช้เหตุผลในการอธิบาย แต่โตมาหากเห็นว่าเราใช้ตำแหน่งและชื่อเสียงในการพูดมันก็คงน่าเศร้า ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบวิทยาศาสตร์ จารย์เจษฎ์ตอนนี้กลายเป็นเหมือนด่านสุดท้ายสำหรับประชาชนไทยไปแล้วที่เวลามีเรื่องอะไรก็จะมีคนพูดเลยว่า "จารย์เจษฎ์ออกมาบอกแล้วว่า......" ซึ่งมันง่ายมากที่จะเกิดความเข้าใจผิด อาจจะด้วยอาจารย์สอนผิดเองหรือคนอ่านอ่านไม่เข้าใจเอง ซึ่งปัญหาหลักมันคือการสอนแบบหย่อนระเบิด ถามกลับไม่ได้แถมสืบค้นย้อนกลับไม่ได้นี่ล่ะ
ไม่ใช่การด่า ไม่ใช่การหาเรื่อง ไม่ใช่การประจาน และคนที่โดนด่าเอาจริงๆน่าจะเป็นผมมากกว่าที่โดนแถมปุ่มสยองน่าจะเยอะพอตัว แต่ถ้าใครชอบวิทยาศาสตร์เหมือนกันน่าจะเข้าใจ อาจารย์เจษฎ์คือคนที่น่าเคารพ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่พระเจ้า ดังนั้นการสอนใดๆจึงควรมีข้อมูลที่ชัดเจน อย่างการที่มาบอกที่หลังว่า "ล้างแอลกอฮอล์ในช่องปากไปได้" แบบนั้นมันจะต่างจากน้ำเปล่ายังไง? ก็จะเกิดคำถามอีกว่า "ทำไมต้องนมเปรี้ยว?" เห็นไหมครับ คำถามผุดขึ้นมามากมาย จะบอกว่าละเอียดคงไม่ได้ สำหรับบทสัมภาษณ์ในข่าวไม่ต้องอธิบายประชาชนหรอกครับว่าเอาข้อมูลมาจากไหน แต่ในเฟสส่วนตัว ผมมองว่าการสอนและแปะเอกสารอ้างอิงมันช่วยคนได้มากกว่าการ Copy ข้อความที่นักข่าวเขียนบทสัมภาษณ์ตนไปแล้วนำมาแปะในโพสต์ตัวเองในเฟสบุ๊คอีกทีพร้อมแปะลิงค์ข่าวดังกล่าว ผมไม่อยากให้ประชาชนไทยเป็นแบบ "เขาฉลาดนะ ที่เขาว่ามาก็น่าจะจริงแหล่ะ" แต่เป็น "ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลนะ" หรือ "เออแฮะ มันเป็นแบบนี้นี่เอง" มากกว่า และด้วยอาจารย์เจษฎ์มีศักดิ์ที่สูงกว่าบุคลากรทั่วไปมาก คำพูดของอาจารย์นั้นมีน้ำหนักมากกว่าพวกผมครับ ต่อให้วัตถุประสงค์เดียวกันคือไม่สนับสนุนให้เมาแล้วขับ แต่ในการให้ความรู้ ต่อให้พวกผมจะพูดอะไรเขาก็จะบอกว่า "แต่อาจารย์เจษฎ์เขาบอกแบบนี้นะ"
ใดๆคือทั้งหมดนี้ผมไม่ได้เกลียดหรือดูถูกอาจารย์แต่อย่างใด และที่พิมพ์มาก็ไม่ได้มีตรงไหนที่ดูจะสื่อไปทางนั้นได้เลย ผมแค่มาสอบถามและอธิบายปกป้องตัวเองว่าทำไมผมไม่เข้าใจและมาตั้งกระทู้พันทิปแทนการไปตอบใต้โพสต์ให้เป็นที่เท่านั้น เพราะถ้าผมไม่อธิบายในละเอียด จะเป็นผมที่โดนด่ายับเละเทะ ซึ่ง... ก็น่าจะไม่ต่าง