Thunderbolts*: ธันเดอร์โบลต์ส
กำกับโดย Jake Schreier
หากพิจารณากระแสความพีคของมาร์เวล หลังจาก Avengers: Endgame (2019) เป็นต้นมา กระแสหนังก็ไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ที่มาร์เวลคลอดหนังเรื่อง Thunderbolts* ออกมา จากที่ได้รับชมต้องถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี แถมได้รับเสียงชื่นชมมากทีเดียว
Marvel Studios’ Thunderbolts* | ธันเดอร์โบลต์ส*
ความรู้สึกหลังชม
- Thunderbolts* ยังคงมีกลิ่นอายความสนุกสนานของหนังมาร์เวลเช่นเคย ทั้งมุกตลกและแนวทางในการดำเนินเรื่องแบบมาร์เวล ทว่าสิ่งที่เราเห็นชัดเจนในเรื่องนี้ คือ เนื้อเรื่องและธีมหนังที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
Thunderbolts* ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มนักฆ่าที่โดนหักหลังและได้จับพลัดจับผลูช่วยจัดการเหล่าร้าย ซึ่งฮีโร่กลุ่ม Thunderbolts* พอจะถูกจัดเกรดได้เป็นกลุ่มฮีโร่เทา ๆ นอกสายตาที่ไม่มีใครสนใจ
ส่วนที่ชอบที่สุด คือ การที่หนังพลิกมุมมองโดยนำเอาความปลายแถว / loser (แบบผู้ใหญ่) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ นั่นคือ คาแรคเตอร์ฮีโร่ที่มีโทนต่างออกไปจากเรื่องก่อน ๆ ภาพของฮีโร่ที่มีมิติสมจริงอย่างมนุษย์ทั่วไป มีความปุถุชน เป็นฮีโร่ที่เจ็บได้ ท้อได้ พลาดได้ จุดนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้ผู้ชมหลงรักฮีโร่กลุ่มนี้

- ประเด็นดราม่าในเรื่องค่อนข้างซีเรียส อย่างเรื่องความเจ็บปวดที่ซ่อนลึกไว้ในใจของตัวละคร
โดยรวมคิดว่าประเด็นน่าจะเชื่อมโยงกับทุกคนได้ไม่ยาก เราทุกคนต้องเคยทำผิดพลาดมาทั้งนั้น ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดสำหรับวิธีจัดการกับความรู้สึก
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า ล้มแล้วต้องลุกให้ไว และต้องไม่ลืมที่จะมองด้านบวกในชีวิตบ้าง
บางทีอาจเป็นใจเราเองที่สร้างถ้ำอันมืดมิดปิดบังทางออก การปล่อยให้แสงสว่างเข้ามาในใจจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย เราจะได้เห็นว่าเราควรเดินออกจากปัญหาด้วยความมั่นคงชัดเจนได้อย่างไร
- คิวบู๊ฉากแอ็คชั่นเรื่องทำได้สนุก มันส์ ตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากพื้นฐานของกลุ่ม Thunderbolts* เป็นฮีโร่สายกายภาพ / นักฆ่า บางมุมพาให้นึกถึง Captain America: Winter Soldier (2014) (ที่ออกแนวหนังสายลับจารกรรม) ในเรื่องนี้จึงไม่ได้เน้นเอฟเฟค CG 100% เรียกว่า มีความเพียวแอ็คชั่นขึ้นมาพอสมควร
ขณะที่งานภาพ งานเสียง ก็ทำได้ดี ส่วนตัวรู้สึกได้ดูใน IMAX ภาพและเสียงกระหึ่ม
Marvel Studios' Thunderbolts* | "Now What?"
- ประทับใจซีนที่จำลองการเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดของตัวละคร หนังมีไอเดียสร้างสรรค์และตัดต่อดีมาก
- ในพาร์ทนักแสดง ส่วนตัวประทับใจการแสดงของ Florence Pugh (เยเลน่า) จริงๆ เธอเป็นนักแสดงสายรางวัลอยู่แล้ว พอมาโผล่ใน Thunderbolts* ต้องชมว่าเอาคนดูอยู่หมัด
ส่วนอีกสองคนที่ชอบ ก็ Sebastian Stan (บักกี้) และ Wyatt Russell (U.S. Agent) มาทีไรฮาทุกที
- ข้อเสีย หนังมีความพล็อตหลวม มุกฝืดฝืน ๆ และความไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่ถือว่ายังดีกว่าหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา
สรุป
เป็นหนังมาร์เวลที่ถือว่า "ชอบ" สนุก ดราม่าเข้มข้น และมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม
ชอบที่หนังดูมีความตั้งใจในการสื่อสารกับผู้ชม โดยที่ไม่ได้ทำมาเพื่อเป็นแค่ทางผ่านสู่หนังเรื่องถัดไปในจักรวาลมาร์เวล หนังมีคาแรคเตอร์และตัวตนที่แข็งแรงทีเดียว
ทั้งยังทำให้อยากรู้ต่อว่า กลุ่ม Thunderbolts* จะมีบทบาทอย่างไรต่อไปในจักรวาลมาร์เวล
แถมยิ่งถ้า Thunderbolts* มีกระแสเป็นบวก เราคงได้เห็นบทบาทสำคัญใน Avengers: Doomsday ที่จะเข้าฉายในปี 2026 ดังนั้นรอดูกันยาว ๆ
ใครสนใจ แนะนำเลยครับ !
____________________________________
ป.ล. มี End-credit 2 ฉาก
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
Thunderbolts* (2025) - ชีวิตและสีสันจากฮีโร่ปลายแถว
หากพิจารณากระแสความพีคของมาร์เวล หลังจาก Avengers: Endgame (2019) เป็นต้นมา กระแสหนังก็ไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ที่มาร์เวลคลอดหนังเรื่อง Thunderbolts* ออกมา จากที่ได้รับชมต้องถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี แถมได้รับเสียงชื่นชมมากทีเดียว
- Thunderbolts* ยังคงมีกลิ่นอายความสนุกสนานของหนังมาร์เวลเช่นเคย ทั้งมุกตลกและแนวทางในการดำเนินเรื่องแบบมาร์เวล ทว่าสิ่งที่เราเห็นชัดเจนในเรื่องนี้ คือ เนื้อเรื่องและธีมหนังที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
Thunderbolts* ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มนักฆ่าที่โดนหักหลังและได้จับพลัดจับผลูช่วยจัดการเหล่าร้าย ซึ่งฮีโร่กลุ่ม Thunderbolts* พอจะถูกจัดเกรดได้เป็นกลุ่มฮีโร่เทา ๆ นอกสายตาที่ไม่มีใครสนใจ
ส่วนที่ชอบที่สุด คือ การที่หนังพลิกมุมมองโดยนำเอาความปลายแถว / loser (แบบผู้ใหญ่) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ นั่นคือ คาแรคเตอร์ฮีโร่ที่มีโทนต่างออกไปจากเรื่องก่อน ๆ ภาพของฮีโร่ที่มีมิติสมจริงอย่างมนุษย์ทั่วไป มีความปุถุชน เป็นฮีโร่ที่เจ็บได้ ท้อได้ พลาดได้ จุดนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้ผู้ชมหลงรักฮีโร่กลุ่มนี้
โดยรวมคิดว่าประเด็นน่าจะเชื่อมโยงกับทุกคนได้ไม่ยาก เราทุกคนต้องเคยทำผิดพลาดมาทั้งนั้น ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดสำหรับวิธีจัดการกับความรู้สึก
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า ล้มแล้วต้องลุกให้ไว และต้องไม่ลืมที่จะมองด้านบวกในชีวิตบ้าง
- คิวบู๊ฉากแอ็คชั่นเรื่องทำได้สนุก มันส์ ตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากพื้นฐานของกลุ่ม Thunderbolts* เป็นฮีโร่สายกายภาพ / นักฆ่า บางมุมพาให้นึกถึง Captain America: Winter Soldier (2014) (ที่ออกแนวหนังสายลับจารกรรม) ในเรื่องนี้จึงไม่ได้เน้นเอฟเฟค CG 100% เรียกว่า มีความเพียวแอ็คชั่นขึ้นมาพอสมควร
ขณะที่งานภาพ งานเสียง ก็ทำได้ดี ส่วนตัวรู้สึกได้ดูใน IMAX ภาพและเสียงกระหึ่ม
ส่วนอีกสองคนที่ชอบ ก็ Sebastian Stan (บักกี้) และ Wyatt Russell (U.S. Agent) มาทีไรฮาทุกที
- ข้อเสีย หนังมีความพล็อตหลวม มุกฝืดฝืน ๆ และความไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่ถือว่ายังดีกว่าหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา
สรุป
แถมยิ่งถ้า Thunderbolts* มีกระแสเป็นบวก เราคงได้เห็นบทบาทสำคัญใน Avengers: Doomsday ที่จะเข้าฉายในปี 2026 ดังนั้นรอดูกันยาว ๆ
ใครสนใจ แนะนำเลยครับ !
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ