[CR] รีวิวทริปเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน เพื่อนน้อยก็จอยได้ (นั่งเครื่องบินไป)

กระทู้รีวิว
รีวิวทริปเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน เพื่อนน้อยก็จอยได้ (นั่งเครื่องบินไป)
____________________________________________________________________________________________________
Day 1
การเดินทางไปเชียงใหม่ (ทริปของเราในครั้งนี้มี 3 คนถ้วนค่ะ)
เริ่มวันแรกเราเดินทางโดยเครื่องบิน จากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินเชียงใหม่ ไฟท์ประมาณ 06.30 น. เดินทาง 1 ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว
ช่วยลดเวลาในการเดินทางและมีเวลาในการเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนการเดินทางภายในเชียงใหม่ของเรา จะมีทั้งเดินทางโดยรถแดง
และเรียก Bolt พอหารกัน 3 คนจะเสียค่ารถไม่กี่บาทค่ะ แนะนำว่าถ้าใครขับรถได้ เช่ารถขับเที่ยวเองตลอดทั้งทริปก็สนุกนะคะ
____________________________________________________________________________________________________
ในแพลนทริปเชียงใหม่ของเราในครั้งนี้ เราเริ่มจากการไปทำกิจกรรม Workshop ที่ "แฮงตึงฟาร์ม" ก่อนเลย
กิจกรรมของที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก มีทั้งกิจกรรมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งการทำ Workshop ในครั้งนี้เราได้ไปร่วมจอยกิจกรรมกับเด็กๆ
มีทั้งกิจกรรมให้หญ้าน้องเรียม(น้องควาย), กิจกรรมดำนา, กิจกรรมเก็บไข่ทำไข่ป่าม, ทำผ้ามัดย้อมคราม และกิจกรรมเพ้นท์ร่ม/กระถางต้นไม้
แต่ละกิจกรรมราคาประมาณ 150-250/กิจกรรม หรือจะเลือกเหมารวมครบทุกกิจกรรมเลยก็ได้
ทางฟาร์มจะมีชุดหม้อฮ่อมให้เช่าใส่ขณะทำกิจกรรมด้วย มีน้ำฟรีสมุนไพรให้ โดยรวมถือว่าเป็นที่ที่น่าสนใจมาก
ถ้าใครอยากสัมผัสกับธรรมชาติ ได้ทำกิจกรรมและได้ความรู้ไปในตัวด้วย แนะนำที่นี่เลย เพราะตลอดการทำกิจกรรมจะมีพี่ๆจากฟาร์ม
คอยสอนวิธีทำและให้ความรู้อยู่ตลอดจนกว่าจะจบกิจกรรมเลยค่ะ แนะนำว่าให้ไปช่วงเช้าเลยอากาศกำลังดี ไม่ร้อน
กิจกรรมเริ่มประมาณ 09.30-11.30 น.

จากสนามบินไปแฮงตึงฟาร์ม เดินทางโดย : Bolt
เพจแฮงตึงฟาร์ม : https://www.facebook.com/hangtueng
____________________________________________________________________________________________________

หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ เป้าหมายของเราคือ ไปถนนคนเดินแม่กำปอง ซึ่งอยู่ห่างจากแฮงตึงฟาร์มมากพอสมควรเลย 
จากแฮงตึงฟาร์มไปถนนคนเดินแม่กำปอง เดินทางโดย : Bolt
ถึงถนนคนเดินช่วงประมาณบ่ายๆ ทั้งที่เป็นหน้าร้อน มีแดด แต่ไม่ค่อยร้อน อาจจะเพราะว่าอยู่แถวบนดอยมีต้นไม้เยอะด้วย
พอมาถึงแม่กำปองเราก็แวะกินข้าวซอยก่อนเลย ร้านที่เราไปกินชื่อว่า “ร้านข้าวซอยกลอยใจ แม่กำปอง” อร่อยมาก เข้มข้น
บรรยากาศร้านดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบกินอาหารพื้นเมือง นั่งชิวๆ
พอกินข้าวกันเสร็จก็มาเดินถนนคนเดินดูร้านของกินเล่นเพิ่ม ระหว่างที่รอรถของที่พักมารับ จนไปเจอร้านขายข้าวปุกงา กับตัวอ่อนรังผึ้ง
“ข้าวปุกงา” มีความกรอบนอกนุ่มใน ข้างนอกกรอบเพราะเอาไปปิ้ง ส่วนข้างในจะหนึบๆเหมือนข้าวหลาม ซึ่งทำมาจากข้าวเหนียวดำ
ราดน้ำตาลอ้อยกับนมข้นหวานเพิ่มเข้าไป จึงทำให้มีความหอมหวานอร่อย ถ้าคนที่ชอบกินหวานมากๆ แนะนำให้ราดนมเยอะๆจะอร่อยมาก
ส่วน "ตัวอ่อนรังผึ้ง" เหมือนกินรถด่วน มีความหอมอร่อย มันๆ ถ้าใครยังไม่เคยกิน 2 อย่างนี้ อยากให้ลองเปิดใจกินดูเพราะมันหอมอร่อยมาก
เดินเล่นกันมาสักพัก ก็ถึงเวลาที่รถของที่พักมารับแล้ว โดยที่พักคืนแรกของเราจะพักกันที่ "Heal jai ฮีลใจ๋ Homestay"
เป็นที่พักโฮมสเตย์บนเนินเขาอยู่ในหมู่บ้านแม่ลาย ขึ้นจากแม่กำปองไปอีก บรรยากาศรอบที่พักจะเห็นเป็นวิวภูเขา บ้านตามเขา
มีเสียงน้ำตกอยู่ใกล้ๆที่พัก ถ้าใครอยากมาเที่ยวเชียงใหม่แล้วต้องการพักผ่อนฮีลใจ อยากได้ที่ที่เงียบสงบ แนะนำที่ฮีลใจ๋ที่นี่เลย เพราะเงียบสงบมาก
ช่วงที่เราไปมีฝนตกด้วย หลังฝนตกจะมีหมอกเย็นๆ พอตกกลางคืนก็นอนหลับสบายเลย เหมือนได้มาพักใจกับธรรมชาติ แต่ถ้าใครมากับครอบครัว
หรือมากันหลายคน อาจจะต้องจองห้องเพิ่ม เพราะว่าภายในห้องจะไม่ได้ใหญ่มาก ขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับ1-3คน ที่พักมีอาหารเช้าให้
ส่วนมื้อเย็นจะสั่งเป็นกับข้าวหรือเป็นเซ็ทหมูกระทะก็ได้ คุณป้าและคุณลุงของที่พักใจดีมาก ดูแลเหมือนเราเป็นหลานคนนึง
พอถึงวันเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก คุณป้าก็มีของเล็กๆน้อยๆให้ น่ารักมาก 
เพจที่พัก Heal jai ฮีลใจ๋ Homestay : https://www.facebook.com/profile.php?id=100092175939253
__________________________________________________________________________________________________
Day 2 
วันแรกเราพักใจบนดอยกันจนเต็มอิ่มแแล้ว วันที่สองเราเลยเดินทางเข้าในตัวเมืองเชียงใหม่กันบ้าง
มีเป้าหมายว่าจะไปดอยสุเทพ และดอยปุย(ชุมชนม้ง)
เดินทางจากแม่กำปองเข้าตัวเมืองโดย : รถตู้

รถตู้ที่พาเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ จะไปส่งแถวตลาดวโรรส เราก็แวะเดินตลาดวโรรสซื้อของฝากติดไม้ติดมือก่อนเข้าที่พักกันสักหน่อย
ที่พักที่ 2 ของเราคือ Sleep Mai? Thapae Chiang Mai จะจองที่พักจากในเพจ หรือในแอป agoda ก็ได้
เป็นโรงแรมที่สวยหรูดูแพงมาก ห้องสะอาด ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวมักจะมาพักที่นี่กันเยอะ มีสระน้ำให้เล่นฟรี มีอาหารเช้าให้ แถมอร่อยด้วย
บริเวณใกล้ๆที่พักก็จะมีร้านอาหารพื้นเมือง มีร้านข้าว มีเซเว่น ที่สามารถเดินไปเองได้เลย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการที่พักที่อยู่ใจกลางเมือง
ใกล้ร้านอาหาร ใกล้สถานที่สำคัญของเชียงใหม่ เข่น ประตูท่าแพ วัดเชียงมั่น วัดโลกโมฬี  ถนนคนเดินวัวลาย อีกทั้งจะมีรถแดงผ่านตลอด 
เพจ Sleep Mai? Thapae Chiang Mai : https://www.facebook.com/sleepmaithapae

หลังจากที่เช็คอินที่พัก เก็บของเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปดอยสุเทพและดอยปุยกัน
โดยนั่งรถแดงจากหน้าซอยที่พัก ไปลงสวนสัตว์เชียงใหม่ 40 บาท/คน และต่อรถแดงที่จะพาเราขึ้นดอย เราเลือกเหมารถแดงไปกัน 3 คน
ราคา 300 บาท/คน ถ้าไปแบบไม่เหมาจะจ่าย 100บาท/คน แต่จะต้องรอคนขึ้นรถแดงครบ 10 คน แล้วแต่ความสะดวกของทุกคนเลย

ดอยปุย เป็นชุมชนหมู่บ้านชาวม้ง บรรยากาศดี อากาศจะเย็นๆ พอไปถึงก็จะมีมัคคุเทศน์น้อย มารอต้อนรับที่รถเลย
น้องจะพาทัวร์พร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆชองชุมชนม้งให้ฟัง ว่ามีความเป็นอยู่กันยังไงบ้าง การศึกษา วัฒนธรรมของที่นี่เป็นยังไง
ถ้าสงสัยตรงไหนก็ถามน้องได้ตลอดเลย น้องพูดภาษาม้งให้ฟังด้วย ถ้าใครยังไม่เคยมา อยากให้ลองมากัน
ชุมชนม้งถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ทำให้เราได้เห็นมุมมองการใช้ชีวิตของคนบนดอยอีกมุมนึงเลย
ต่อมาที่ดอยสุเทพ เราไปไหว้พระกันที่วัดพระธาติดอยสุเทพราชวรวิหาร ต้องเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นเลย
เพื่อนเรานับได้ 315 ขั้น (นับจากขั้นแรกสุดที่ติดกับพื้นถนนเลย) แต่ตามจริงแล้วมี 306 ขั้น แนะนำว่าให้เตรียมยาดมกันไว้ด้วยนะถ้าใครจะมา
มีหอบกันตลอดทางแต่สนุกดี หรือถ้าใครรู้สึกไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวนี้ที่วัดมีบริการลิฟต์ให้แล้ว แต่จะแอบน่ากลัวนิดนึง
หลังไหว้พระเสร็จก็เดินไปตรงจุดชมวิว จะเห็นทั้งเมืองเลย สวยและบรรยากาศดีมากๆ ต้องมาดูด้วยตาเนื้อตัวเอง
หลังจากลงดอยก็ใกล้ค่ำแล้ว เราก็มาแแวะเดินเล่น ถ่ายรูปที่ประตูท่าแพกันสักหน่อยก่อนเข้าที่พัก ประตูท่าแพเหมือนเป็นจุดแลนด์มาร์ก
ให้คนได้มาถ่ายรูปกำแพงเมืองสวยๆกัน จะมีฝูงนกพิราบรายล้อมอยู่ด้วย พอถ่ายรูปเสร็จก็เข้าที่พัก สั่งอาหารมากิน และก็นอนพักผ่อน
_________________________________________________________________________________________________
Day 3
เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว เราจะเที่ยวกันในเมือง ซึ่งในเมืองส่วนมากจะเป็นวัด วัดแรกที่เราไปคือวัดโลกโมฬี
เป็นวัดขึ้นชื่อของเชียงใหม่เลย ภายในวัดกว้าง ร่มรื่น เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา มีประวัติความเป็นมาของวัดนี้เล่าอยู่
คู่รักที่ต้องการขอพรเรื่องความรักและความสัมพันธ์สามารถมาขอพรได้ที่นี่ เพราะมีความเชื่อมาจากเรื่องเล่าของพระนางจิรประภามหาเทวี
เทพแห่งความรักของล้านนา และเชื่อกันว่า "ถ้าไม่รักจริง อย่าอธิษฐาน"
และวัดสุดท้ายที่เราไปคือวัดราชมณเฑียร อยู่ใกล้ๆกันกับวัดโลกโมฬีเลย ไปไหว้พระมหาจักรพรรดิกันก่อนไปกินข้าว
สำหรับคนที่จะไปวัดโลกโมฬี ถ้าไปในช่วงบ่ายอากาศจะร้อนหน่อยนะคะ พกหมวกติดไปด้วยนะ

หลังจากไปวัดไหว้พระกันเสร็จแล้ว เราไปกินข้าวร้านมหาลาบ ร้านอยู่นิมมานเหมินทร์ ซอย 13
เป็นร้านอาหารพื้นเมือง ที่อร่อยและราคาถูกมาก เริ่มต้นที่ 25 บาท/จาน เมนูที่เราสั่งก็จะมี ลาบหมูคั่ว แกงฮังเล แคบหมู น้ำพริกอ่อง ปูอ่อง ไส้อั่ว 
- ลาบหมูคั่ว มีกลิ่นหอมเครื่องเทศน์  - แคบหมูกินกับน้ำพริกอ่องแล้วอร่อยมาก 
- มันปูอ่อง จะมันๆหอมๆ คล้ายๆมันกุ้ง รสชาติจะไม่ได้จัดมาก ออกไปทางเค็มหน่อยๆ
โดยรวมคืออร่อยทุกอย่างเลย ถ้าใครไปแถวนิมมานแนะนำว่าให้ไปกินอาหารพื้นเมืองร้านนี้ดูนะคะ
พอกินข้าวกันจนอิ่ม เราก็ไปสนามบินเชียงใหม่กลับกรุงเทพนั่นเองค่า 
สรุปโดยรวมของทริปนี้นะคะ
คนเชียงใหม่ใจดีมาก ตอนแรกคิดว่าไปในหน้าร้อนจะต้องร้อนมากแน่ๆ แต่พอไปจริงๆแทบไม่ร้อนเลย บนดอยอากาศเย็นสบาย
ส่วนในเมืองจะมีร้อนบ้างตอนกลางวัน จะร้อนกว่าบนดอยหน่อย แต่ไม่ร้อนเท่ากรุงเทพ ข้อดีอย่างนึงของการมาเที่ยวเชียงใหม่ในหน้าร้อนคือ
คนไม่เยอะ ไม่ต้องต่อแถวรอคิว เพราะคนส่วนมากมักจะชอบไปในหน้าหนาวมากกว่า ทริปนี้เป็นทริปที่เพื่อนน้อยแต่แฮปปี้มากค่ะ
หวังว่าทริปนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่สนใจอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ในหน้าร้อนกับเพื่อนๆนะคะ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   ที่เที่ยวในเชียงใหม่
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่