นานมาแล้วเคยถูกผีอำหนักมาก

ครั้งหนึ่งผมถูกผีหลอกผีอำ สิ่งที่ทำได้คือการสวดมนต์นั่งสมาธิ วันแล้ว วันเล่า ต้องสวดมนต์ วันไหนไม่สวดผีจะมาหา

จะหลับพักผ่อนก็ยาก สุดท้ายก็นั่งหลับในห้องเรียน

อนินจาผีมาหลอกหลอน ร่างกายแข็งขยับตัวไม่ได้ พอขยับตัวได้ ก็รู้สึกว่า บ้านสั่นไหวพื้นนั้นเหมือนจมไปเรื่อยๆ เป็นแบบนี้หลายปี คือเวลานอนชีวิตเหมือนวัดดวง กังวลทุกวัน หลับกลางวัน และตื่นตอนกลางคืน

คือรู้สึกเบื่อหน่าย ชีวิตของตนเหมือนคนขี้เกรียจไม่เอาไหน

ถ้าผีไม่มาอำ ฉไหนชีวิตต้องเป็นอย่างนี้ กลางคืนแทนที่จะนอนหลับ กลับต้องมาสวดมนต์ แล้วห้องเรียนแทนที่จะเรียน กลับต้องมานอน บางทีครูบาอาจารย์สอน ผมก็หลับไม่เกรงใจอาจารย์เลย

ส่วนชีวิตที่บ้าน พ่อผมมีอาชีพเป็นทหารเป็นคนขยันทำงาน ตอนเช้าต้องลุกขึ้นเข้าสวน แม่ก็ตามพ่อไป ส่วนผมน่ะรึนอนหลับ



พ่อเขามีระเบียบวินัย ผมทำตัวอย่างนี้ ใครละจะอดใจไหว แถม + ผมเป็นคนชอบเถียง + สติไม่อยู่กับร่องกับรอย (มันง่วงนอน) พ่อจึงมักไล่ผมออกจากบ้าน

และใช่ผมก็กลายเป็นคนขี้เกียจขึ้นมาจริงๆ


ตอนนั้นผมไม่เคยบอกพ่อแม่ว่าตนถูกผีอำ รู้สึกว่าโง่มาก บางทีถ้าบอก ชีวิตอาจจะดีกว่านี้

สมัยเด็กผมก็เหมือนลูกที่ลูบคมโทสะพ่อแม่นั้นแหละ บางทีเคยถือมีดอีโต้ขู่พ่อก็มี

บาปกรรมหนาสุดๆ ไม่คิดเลยว่าตั้งแต่เล็กจะเลวได้ถึงเพียงนี้ ช่วงเวลาเลยผ่านไป ผมสำนึกผิด อนิจจาเหตุผ่านไปแล้ว มันแก้ไขไม่ได้

บางทีนิสัยผมเป็นเเบบนี้ ผีมันเลยอำผม ลงโทษผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงไม่คุ้มกันผม

ทุกวันนี้ไม่น่าเรียนจบ ม.6 ได้

ที่จบได้อาศัยลอกคำตอบเพื่อนๆในชั้นเรียน ถึงผ่านมาได้

คิดแล้วเสียดายเวลาเรียน เพราะถ้าผมมีความรู้ซักนิด ทหารน่ะ เส้นสายที่มีเข้าได้แน่นอน

วันหนึ่งผมคิดถึงพระเยซู ตอนนั้นในใจไม่คิดอะไรมาก  ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงทำอย่างนั้น ไปข้างนอกบ้าน บอกพระจันทร์เต็มดวง สาบาน ผมจะนับถือศาสนาคริสต์ ขอให้หลุดพ้นจากการถูกผีอำ

คืนนั้น ในฝันมีพระเยซูมาหา ท่านสวมใส่ชุดสีขาว มีถังน้ำสองถัง มีกระบวยตักน้ำ มีคนมากมายนั่งนมัสการพระองค์อยู่ ผมคือหนึ่งในนั้น มีหญิงและชายเข้าไปหาพระองค์ พระองค์จะราดน้ำรดศรีษะ แล้วพวกเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข

พระองค์ก็ราดน้ำใส่ศีรษะผมเช่นกัน


แล้วพอตื่นมา วันพรุ่ง ล่วงเลยเวลาผ่านไปกลางคืน นอนหลับปรากฏว่า ไร้ผีอำ นอนหลับสบาย แม้วันอื่นอาจจะโดนบ้าง แต่ก็น้อยครั้ง จนในที่สุดผมก็ไม่โดนผีอำ


แต่ผมก็ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ไม่ได้เปลี่ยนศาสนาตามที่พูดไว้


ผมคิดว่า ความรู้ผมน้อย หวาดกลัวผู้คน ปลอดภัยบวชพระดีกว่า ใครๆก็เคารพ ไม่ต้องกลัวว่าตนจะถูกชกต่อย ไม่ต้องอดอยาก สบายตลอดชีวิต ถ้าเปลี่ยนเป็นคริสต์แล้ว ผมจะบวชพระได้รึ?

แต่ที่ยังไม่บวช เพราะผมกลัวว่า หากบวชพระแล้ว ต้องอยู่ในศิลในธรรม หากตายไปช่วงเป็นพระ จุติเป็นเทพเจ้า ผมจะละอายใจไม่กล้ามีเซ็กซ์กับนางฟ้า


เป็นคนธรรมดาดีกว่า ทำมาหากิน ถึงอดอยากบ้าง ทำดีได้เหมือนกัน ถ้าเป็นเทพคงได้นางฟ้า คงได้เสพเซ็กส์บนสวรรค์



วันหนึ่ง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ชาวพุทธอย่างผมนั้น โลภในบุญกุศลเกินไปรึเปล่า? โลภบุญไม่พอ ยังอยากเสพกามกับนางฟ้าอีก


ได้ยินมาว่าคนโลภในราคะอย่างผมนั้น ไม่ดี ทั้งโลภบุญ โลภราคะ  นี้บุญน้อย


ผมนั้นโลภราคะขนาดไหน ทำบุญทำความดี ยังขอพรบ่อยๆ ว่าขอให้ตนได้มีเซ็กซ์กับเทพธิดา


นั้นแหละ ทำความดี ไม่ละทิ้งกามตัณหา

ที่ผมคิดแบบนี้เพราะผมไม่อยากโกหก ตัญหาราคะมันอาจน่ารังเกียจสำหรับท่าน แต่สำหรับผมนั้น ตัญหามีอยู่ ก็เพื่อความสุขทางเพศ

เวลาหลับ(ผมไม่ทราบว่าช่วงเวลาไหน) ผมมักได้ยินเสียงดนตรีเสมอ ดนตรีแนวสากลบ้าง แนวอื่นที่ไม่รู้จักบ้าง  ทำนองที่ไม่รู้จัก ดนตรีที่ไม่รู้จัก ภาษาที่ไม่รู้จัก แต่รู้สึกว่าเป็นแนวทันสมัย  ผมชอบที่จะร้องเพลงตามเสียงนั้นเสมอ

ที่แปลกประหลาดคือ ผมเปลี่ยนเนื้อหาของเพลงนั้น ดนตรีก็เปลี่ยนทำนอง

มันไม่ใช่ฝัน แค่หลับตาซักพักก็ได้ยินเสียงดนตรี

ดื่มด่ำบทเพลงนั้นแล้วหลับไป


บางครั้ง นอนอยู่ดีๆก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่าง มานอนกอด

บางครั้ง นอนอยู่ดีๆ ก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างมาหอมแก้ม

บางครั้งอยู่ดีๆ มีมือเล็กๆ ยาวๆ มือนั้น เล็กเหมือนมือแมว แต่เป็นมือมนุษย์แล้วแขนยาวมาก ผมไม่เห็นครับแต่หลับตามันเห็นภาพ ผมจับมือนั้นแหละ ไปทางอวัยวะเพศของผม แล้วเสร็จสมอารมณ์หมายไปในที่สุด

ทุกวันนี้ยังสงสัย มือนั้นคืออะไรหว่า?


ผมนั้นทำดี ผีสางยังรู้เลยว่าผมชอบอะไร ไหนจะเหล่าเทพเจ้าอีก


ผมไม่อยากมองว่าราคะเป็นสิ่งผิด ถ้ามันผิด แล้วเซ็กส์ในครอบครัว การแต่งงานคืออะไรละ


ผมได้ทำความดีเสมอมา มีทานเป็นต้น ทำดีแบบลับหลัง คือไม่ออกหน้า บางทีก็ออกหน้าเหมือนกัน


แล้วผมก็โดนชาวพุทธ ด่าบ่อยๆ จนผมอดสงสัยว่า นี้ผมผิดรึ

ก็เลยคิด ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามีจริง ท่านสร้างเซ็กซ์ เพื่อให้มนุษย์ตกต่ำงั้นรึ


เมื่อผมคิดถึงพระผู้เป็นเจ้า ผมก็เลยคิดถึงท่านบ่อยๆ ฟังพระคัมภีร์ไบเบิ้ลบ้าง ฟังธรรมบ้าง อนินจาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี


หลายวันก็เหมือนกันดูข่าว เห็นคนฆ่ากันตายทุกวัน ผมยังถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า นรกนั้น มนุษย์หลายคนนับถือท่าน เพียงเพราะกลัวตกนรก แต่เขาไม่คิดเลยว่า ถ้าไม่ทำบาป องค์พระผู้เป็นเจ้าก็คงไม่ให้พวกเขาเหล่านั้นลงนรก


เคยถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ผมนั้นรักราคะอย่างยิ่ง เพราะตราบใดโลกมีราคะ ครอบครัวก็เกิดขึ้น เพราะมนุษย์นั้นสกปรก มีความแก่ชราเป็นต้น พวกเขาคบกัน อยู่ด้วยกัน จึงไม่ต้องโดดเดี่ยว แต่มนุษย์นั้น ก็ทรงบอกว่า ราคะเป็นสิ่งไม่ดี ถึงอย่างนั้นก็เหมือนปากว่า ตาขยิบก็มีผัวมีเมียกันอยู่ดี


เคยถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า แม้แต่ผู้หญิงขายตัวก็ดี เพียงมีอาชีพแบบนี้ ผู้คนก็ว่าเขา บางคนก็ไม่เกรงใจ ฆ่าเขา ดูหมิ่นเขา นั้นคือความผิด แต่มนุษย์มักมองว่าผู้หญิงเหล่านี้ต่ำ บุญบารมีน้อย ดูถูกความเป็นมนุษย์ ข้าแต่องค์พระผู้เจ้า ผู้ชายตัญหาราคะเยอะ บางคนไม่พร้อมสร้างครอบครัว ก็ราคะตัญหานั้น ถ้าพลาดแล้ว เด็กที่เกิดมา เขาจะมีแต่ทุกข์ทรมาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ให้มาตฐานกับครอบครัวไว้สูง แต่ ครอบครัวคืองานหนักเกินไป

ถ้าเงินน้อย ด้วยสังคมที่ดีแต่การเสียดสี แบ่งชนชั้นชอบเปรียบเทียบ คนจนจะรู้สึกต้อยต่ำ แล้วเขาจะทำชั่ว เด็กที่เกิดมา ก็มองว่าเป็นปัญหาสังคม  ทั้งที่เด็กคนนั้นไม่มีความผิดใดๆเลย



ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์มักรังเกียจหนังโป๊ แต่เขาไม่ตระหนักถึงหนังแอ็คชั่น ที่มีแต่คนฆ่ากัน  พวกเขาเลียนแบบละคร แล้วฆ่ากันเอง   พวกเขามักอ้างสิ่งบันเทิงเป็นความผิด ทั้งที่สื่อบันเทิงก็ทำให้เขามีความสุข


ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผมนั้นรักราคะ ชอบผู้หญิงที่เป็นเทพธิดา แต่ผู้คนมักบอกว่า ราคะต่ำ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาบอกว่าไม่มีเซ็กซ์บนสวรรค์


ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านมีอยู่จริงรึ ?




ผมนั้น ได้มองสายรุ้ง ได้ฟังข่าวพระสันตะปาปาตาย ใจของผมก็คิดว่า  สวรรค์งั้นเหรอ?


ตกกลางคืน จึงเขียนกระทู้ขึ้นมา บอกความรู้สึกของตนเอง ว่าผมจะเปลี่ยนศาสนา เขียนเสร็จไม่เท่าไหร่

ก็ง่วงนอน พอหัวถึงหมอน ก็มีเสียงหลายเสียงทั้งชายหญิง เข้ามาในหัว

หนึ่งในเสียงนั้น บอกกับผมว่า ถึงเวลาแล้ว

ผมรู้สึกว่า ผมโดนหน้าอกของผู้หญิงทับใบหน้า แล้วผมก็รู้สึกเหมือนจะหลั่ง


ผมเองก็กลัวว่า น้ำอสุจิจะรดกางเกง ก็เลยบอกว่าพอก่อน


ผมทำใจซักแป็บหนึ่ง คิดในใจว่านั้นหน้าอกผู้หญิงชัดๆ

แล้วคิดถึงว่า ตนเองเคยถูกเขากอดบ้าง หอมแก้มบ้าง บางที อาจเป็นคนเดียวกัน


ยังคิดอยู่ว่า จิตดวงนั้นแสดงความรักแก่ผมเต็มที่ อยู่กับผมตั้งแต่เมื่อไหร่  ทำไมถึงทำตัวเหมือนคนรัก


ผมไม่เข้าใจเลย หน้าตาก็มองไม่เห็น สวยรึเปล่าก็ไม่รู้ มันก็มีความกลัว แต่ก็คาดหวังเรื่องอย่างว่า


ส่วนเสียงนั้น ที่บอกว่า ถึงเวลาแล้ว หมายความว่ายังไง ?


นั้นคือ คำสัญญาที่ผมเคยไว้หลายปีก่อนงั้นเหรอ? พอบอกว่า จะเปลี่ยนศาสนาจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น


แม้แต่ตอนนี้ ผมยังไม่เข้าใจ ผมมองว่าผมไม่ใช่คนดี ผมยอมรับว่า ผมไม่กล้าทำบาปหนัก และทำความดีในปัจจุบันก็จริง แต่อดีตก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ผมในอดีตคือคนเลวคนหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่