นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ เดินทางเข้าไทยชะลอตัวเข้าขั้นวิกฤติ หลังสถิติเกือบ 4 เดือนแรก 1 ม.ค.-27 เม.ย. 68 โตต่ำเฉียดติดลบ

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาประเทศไทย หารือร่วมกับภาคเอกชนท่องเที่ยว อาทิ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สมาคมสายการบินประเทศไทย

นายสรวงศ์ กล่าวว่า “สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในตอนนี้เริ่มเข้าขั้นวิกฤติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และภาคเอกชนกังวล แต่ด้วยสถานการณ์เพิ่มเริ่มต้น ทำให้ยังสามารถป้องกันได้”

“ท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรเดียวที่เหลืออยู่ที่จะพึ่งพาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อะไรที่สามารถทำได้ จะพยายามทำก่อน เพราะตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต่างชาติบางตลาดลดลงจริง อาทิ จีน แต่ในด้านรายได้ปรับเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 แม้จำนวนจะลดลง แต่รายได้ยังเติบโต ถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพใช้จ่ายสูงเข้ามามากขึ้น”

หลังจากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 เม.ย. 2568 มีจำนวนสะสม 11,841,911 คน เติบโตเพียง 0.12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 565,608 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,600,600 คน มาเลเซีย 1,484,588 คน รัสเซีย 865,634 คน อินเดีย 729,414 คน และเกาหลีใต้ 571,409 คน

“สิ่งสำคัญคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลที่ดีออกไป เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงมาจากภาพลักษณ์ความปลอดภัย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว”

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยวและทุกภาคส่วนในการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ แม้ไม่ได้มีภาพเผยแพร่ออกไปในสื่อ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น พร้อมเน้นย้ำว่าทุกกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นการหลอกชาวต่างชาติเข้ามาทำงาน ไม่ได้เป็นนักท่องเที่ยวที่แท้จริง

“การกระจายข่าวสารข้อมูลที่รวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้มีข่าวเชิงลบออกไปมาก ทั้งที่ในความเป็นจริงอาจไม่ได้เป็นเรื่องเชิงลบจนส่งผลกระทบมากอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะข่าวสารที่แปลออกไปเป็นภาษาอื่นๆ ทั้งจีนและอังกฤษ ซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อนในบางคำที่กระจายออกไป”

นายสรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อห่วงใยเกี่ยวกับประเด็นสินค้าท่องเที่ยวราคาแพง เช่น โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว และตั๋วเครื่องบิน ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไม่อยากให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นการท่องเที่ยวราคาถูก แต่อยากให้มองความคุ้มค่า และความเป็นธรรมในด้านราคามากกว่า ส่วนตั๋วเครื่องบินเป็นต้องบอกว่าราคามีการปรับขึ้นทั้งโลก

“จากประเด็นนักท่องเที่ยวต่างชาติคอมเมนต์เกี่ยวกับราคาสินค้าและบริการแพงในประเทศไทย ทางภาคเอกชนยืนยันว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลแล้วกับการให้บริการ แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือความคุ้มค่า และมาตรฐานของราคามากกว่า ซึ่งส่วนนี้จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม กำหนดราคาบริการสาธารณะ ทั้งรถ ราง เรือ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน จะเสนอการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน รวมถึงการเพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาเที่ยวไทย”

“ปัจจุบันการแข่งขันในภาคการท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลายประเทศหันมารุกเรื่องท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนที่แย่งตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติไปมากขึ้นด้วย ขณะที่ไทยมีกระแสข่าวเชิงลบต่อเนื่อง หากลบกระแสข่าวไม่ดีออกไปไม่ได้ จะเป็นผลลบต่อภาพลักษณ์ของไทย ซึ่งกังวลว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศไทยทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะแค่ภาคท่องเที่ยวเท่านั้นแล้ว” นายสรวงศ์กล่าว