ณัฐชา ซัด กรมประมง มัวแต่สอนแปรรูป จนลืมแก้ต้นตอ หาตัวการนำเข้า ‘ปลาหมอคางดำ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_5162747
.
.
ณัฐชา ซัด กรมประมง ทำตัวเป็นหน่วยงานซีเอสอาร์เอกชน ชี้หน้าที่คือหาตัวการรับผิดชอบนำเข้า ‘ปลาหมอคางดำ’ ไม่ใช่ช่วยสอนแปรรูปทำน้ำปลา
.
เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า กรณีกรมประมงจับมือเอกชน สอนแม่บ้านตำรวจสมุทรสงคราม แปรรูปปลาหมอคางดำเป็นน้ำปลา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำและสร้างงานสร้างรายได้นั้น เป็นเรื่องผิดฝาผิดตัวไม่รู้หน้าที่ ทำตัวเหมือนเป็น CSR ที่พร้อมขยับสร้างภาพลักษณ์เมื่อเอกชนต้องการ แต่ไม่เคยคิดจะแก้ปัญหาที่ต้นตอให้ประชาชน
.
นายณัฐชา กล่าวว่า การหาวิธีแก้ปัญหาปลาหมอคางดำและช่วยเพิ่มรายได้ให้ประชาชนเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ใช่การช่วยปกปิดความผิดและทำงานผักชีโรยหน้า เพราะขณะนี้ปัญหาปลาหมอคางดำระบาดอย่างหนัก สร้างความเดือดร้อนไปทั่วหัวระแหง ทั้งบ่อปลาชาวบ้านและในสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เรื่องที่ชวนประชาชนมาหมักน้ำปลาไม่กี่ขวดแล้วจะแก้ปัญหาได้
.
“เรื่องนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องใช้งบประมาณแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และที่สำคัญซึ่งควรเป็นหน้าที่หลักของกรมประมงคือไปตามล่าหาตัวเอกชนที่เอาปลาหมอคางดำเข้ามาระบาดมารับผิดชอบความเสียหายทุกบาททุกสตางค์ เพราะปลามันคงไม่ว่ายมาเองจากกานา และหลักฐานก็อยู่ในมือกรมประมง รู้ดีว่าเอกชนนั้นคือบริษัทใด ใช่ที่ไปปักป้ายถ่ายรูปยืนยิ้มแป้นด้วยกันหรือไม่ หากหน่วยงานรัฐทำตัวแบบนี้จะกล้าหาต้นตอแก้ปัญหาได้อย่างไร อย่าวางตัวเป็นผู้ขอส่วนบุญเอกชน โดยเอาศักดิ์ศรีของประชาชนทั้งประเทศไปแลก มันไม่คุ้มภาษีประชาชน” นายณัฐชากล่าว
.
.
ป.ป.ช.สุราษฎร์ ชี้มูลความผิด รองผอ.กอ.รมน. และลูกน้อง ทำเอกสารเท็จ ยักยอกเงินเบี้ยเลี้ยงแหล่งข่าว
https://www.matichon.co.th/region/news_5162633
.
ป.ป.ช.สุราษฎร์ ชี้มูลความผิด รองผอ.กอ.รมน. และลูกน้อง ทำเอกสารเท็จ ยักยอกเงินเบี้ยเลี้ยงแหล่งข่าว
.
เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายเนติพล ชุมยวง ผู้อำนวยการ ป.ป.ช.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหา พันเอกสมบัติ (สงวนนามสกุล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ฝ่ายทหาร) ปี 2558 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ร้อยตรีสนธยา (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พันตำรวจโทโกสินทร์ (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และสิบเอกณรงค์เดช (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ว่า ยักยอกเงินสนับสนุนชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าวสารจังหวัดสุราษฎร์ธานี และทำเอกสารใบสำคัญรับเงินเท็จและปลอมเอกสาร
.
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบ กำกับดูแลกำลังพลงานป้องกันและรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ระบุรายชื่อแหล่งข่าวและรายละเอียดต่าง ๆ ในใบสำคัญรับเงิน และปลอมลายมือชื่อของแหล่งข่าว (ภาคประชาชน) ลงในใบสำคัญรับเงินในฐานะผู้รับเงินรวมจำนวน 121 ฉบับ เพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับบุคคลที่ปรากฏชื่อเป็นแหล่งข่าวตามรายชื่อที่ปรากฏในใบสำคัญรับเงินทั้งๆที่มิได้มีการจ่ายเงินให้กับแหล่งข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด แล้วนำใบสำคัญรับเงินที่จัดทำเท็จและปลอมขึ้นมาไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการขออนุมัติเบิกเงินค่าตอบแทนแหล่งข่าวจากเงินงบประมาณของ กอ.รมน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี
.
นายเนติพล กล่าวว่า เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จัดทำบันทึกขออนุมัติเบิกเงินค่าตอบแทนพร้อมเอกสารเสร็จแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ตรวจสอบและลงชื่อท้ายบันทึกขออนุมัติในฐานะรอง ผอ. กอ.รมน.ปฏิบัติราชการแทน หรือรักษาราชการแทนผู้อำนวยการ กอ.รมน. จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วแต่กรณี เพื่อขออนุมัติเบิกเงิน และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ได้รับเงินจากคลังจังหวัดมาแล้วผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นำเงินสดมามอบให้กับตนเองทั้งจำนวน เช่นเดียวกันกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เคยได้รับมอบหมายให้ไปรับเช็คค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าตอบแทนแหล่งข่าวและได้นำเงินไปมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 โดยเข้าใจว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จะนำเงินดังกล่าวไปให้กับแหล่งข่าว แต่กลับปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ไม่ได้นำเงินดังกล่าวไปจ่ายให้กับแหล่งข่าวแต่กลับเอาเงินดังกล่าวไว้เป็นประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต
.
“ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร กอ.รมน. จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์และรวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกขออนุมัติเบิกเงินค่าตอบแทนแหล่งข่าว รวมทั้งเอกสารประกอบในฐานะหัวหน้าชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าวสาร และลงลายมือชื่อในใบสำคัญรับเงินในฐานะผู้จ่ายเงิน จำนวน 66 ฉบับ เพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าได้จ่ายเงินให้กับแหล่งข่าวทั้งๆ ที่มิได้มีการจ่ายเงินให้กับแหล่งข่าวตามรายชื่อที่ปรากฏในใบสำคัญรับเงินแต่ละฉบับแต่อย่างใด ” นายเนติพล กล่าว
.
นายเนติพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวทั้ง 2 ราย(พันเอกสมบัติ และ ร้อยตรีสนธยา) เป็นการร่วมกันจัดทำเอกสารเบิกจ่ายเท็จ และปลอมเอกสาร เพื่อยักยอกเงินค่าตอบแทนแหล่งข่าวไปเป็นประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 151 161 162(1)(4) 157 264 266 258 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และวินัยร้ายแรง
.
นายเนติพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วน พ.ต.ท.โกสินทร์ และ ส.อ. ณรงค์เดช คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติกันไว้เป็นพยาน โดยไม่ดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 แล้ว แต่อย่างไรก็ตามผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิด
.
ข่าวแจ้งว่า สำหรับ พ.อ.สมบัติ ได้เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2561 ยศ พลโท ตำแหน่ง ประจำสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วน ร.ต.สนธยา ปัจจุบันเป็นรองนายก อบต.แห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี
.
.
"ไพศาล" โพสต์แจงยิบ! ปมศาลตั้งองค์คณะไต่สวนเอง คดีชั้น 14
.
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า
.
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งองค์คณะ 5คนเป็นองค์คณะผู้พิพากษาทำการไต่สวน คดีชั้น 14 ซึ่งเป็นการตั้งองค์คณะใหม่ แทนองค์คณะเดิม ซึ่งเคยมีคำสั่งยกคำร้อง ของนายชาญชัย อิศระเสนารักษ์เมื่อ 2 ครั้งก่อน และคาดหมายว่า การตั้งองค์คณะใหม่ 5 ท่านนี้ เป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ตามที่มีข่าวว่ามีการประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาเรื่องนี้ในเดือนมีนาคม ตามที่นายชาญชัยได้ยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกา
.
เหตุผลที่ศาลฎีกาชี้ว่า จำเป็นจะต้องทำการไต่สวนด้วยอำนาจของศาลเองก็คือ ปรากฏความว่า อาจมีการไม่ปฏิบัติตามคำบังคับตามหมายจำคุก ที่ศาลออกตามคำพิพากษา อันถึงที่สุดของศาลนี้
.
ซึ่งหมายความว่า มีกรณีที่อาจไม่มีการจำคุกจำเลย ตามหมายจำคุกที่ศาลได้ออกในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามคำพิพากษา อันถึงที่สุดของศาลนั่นเอง
.
ดังนั้นในการไต่สวน จึงมีปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องทำการไต่สวนคือ มีการไม่ปฏิบัติตามหมายจำคุกของศาลที่ให้จำคุกจำเลยไว้ตามคำพิพากษาหรือไม่
.
และถ้าหากไม่มีการปฏิบัติ ตามหมายจำคุกของศาล ศาลก็มีอำนาจที่จะออกหมายจำคุกจำเลย ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลในจำนวนโทษ 1 ปีที่เหลืออยู่ได้
.
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไรประชาชนรู้เห็นกันทั้งประเทศอยู่แล้ว
.
ดังนั้นในการไต่สวนจึงไม่ยุ่งยากมากความ เพราะเมื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงความจริงต่อศาลแล้ว ศาลก็สามารถวินิจฉัยคดีได้ทันทีว่าได้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกของศาลแล้วหรือไม่
.
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid02Ktpd1Pvoxh6DqGsQAia7SnBZRyH8yeqwCsYS1XQZuQT6GRAn1WQnr7vuDbb2QwmVl
JJNY : ณัฐชาซัดกรมประมง│ชี้มูลความผิดรองผอ.กอ.รมน.│"ไพศาล"โพสต์แจงยิบ! ปมศาลตั้งคณะไต่สวนเอง │เตือนชาวกรุงตั้งรับฝนตก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5162747
.
.
ป.ป.ช.สุราษฎร์ ชี้มูลความผิด รองผอ.กอ.รมน. และลูกน้อง ทำเอกสารเท็จ ยักยอกเงินเบี้ยเลี้ยงแหล่งข่าว
https://www.matichon.co.th/region/news_5162633
.
.
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า