กรณีศึกษา: Thailand กับ UNESCO
ในเอกสารของ UNESCO (เช่น
UNESCO/ACEID 1997) มีการกล่าวถึง Sukavich Rangsitpol อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้นำการปฏิรูปการศึกษาที่ “systemic and exemplary”
→ แต่ในเอกสารภายในประเทศหลายฉบับ (โดยเฉพาะหลังปี 2544) กลับไม่กล่าวถึง หรือ แทนที่ชื่อและบทบาทโดยผู้อื่น ซึ่งเป็นการลบเครดิตของประเทศไทยบนเวทีโลกเอง
ข้อเสนอแนะ
การทบทวนและฟื้นฟูข้อมูลในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ให้ถูกต้อง เช่น การคืนเครดิตให้กับผู้สร้างแนวคิดหรือระบบที่ UNESCO รับรอง
ผลักดันให้มีการบรรจุบุคคลสำคัญทางการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลกไว้ในหลักสูตร ประวัติศาสตร์ หรือสื่อของรัฐ
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล สามารถจัดอยู่ในกลุ่ม “educational reformers ระดับโลก” ได้ด้วยเหตุผลที่ชัดเจนหลายประการ ดังนี้:
1. การอภิวัฒน์การศึกษา
2538 / 1985 รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก (UNESCO, ACEID ฯลฯ)
ได้รับรางวัล ACEID Award for Excellence in Education จากยูเนสโก (UNESCO Asia-Pacific Centre of Educational Innovation for Development) ปี 1997
ได้รับการกล่าวถึงในเอกสารของ UNESCO ว่าเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาเชิงปฏิรูปของไทย โดยเฉพาะเรื่อง school-based management ซึ่งต่อมาถูกนำไปประยุกต์ในหลายประเทศกำลังพัฒนา
2. บูรณาการแนวคิด “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ในการศึกษา
เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เชื่อม ยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ กับ การปฏิรูปการศึกษา อย่างเป็นระบบ ผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8
นำแนวคิด life-long learning และ equity in education เข้าสู่การปฏิบัติจริง โดยการจัดสรรงบประมาณตรงถึงโรงเรียน
3. ปฏิรูปครอบคลุมทั้งระบบ
ดำเนินการพร้อมกัน 4 ด้าน: โรงเรียน ครู หลักสูตร และการบริหาร ซึ่ง UNESCO ยกให้เป็น “comprehensive reform model”
มีโครงการขยายการศึกษาแบบ “เรียนฟรีจริง” ให้เด็กอายุ 3–17 ปี จำนวน 16.68 ล้านคน โดยรับเด็กจากครอบครัวยากจนเพิ่ม 4.35 ล้านคนซึ่งถือว่าเป็นนโยบายระดับมหภาค
4. รากฐานที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
แนวคิด decentralization, school-based budgeting และการวัดผลจากคุณภาพแทนปริมาณ เป็นฐานของการศึกษาสมัยใหม่ที่ถูกยกย่องในระดับสากล
แนวคิดของท่านยังถูกอ้างอิงในวงวิชาการและนโยบายศึกษาในระดับนานาชาติ เช่น ในการประชุมของ World Bank, UNESCO และ ADB ช่วงปลายทศวรรษ 1990
สรุป:
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล จัดอยู่ในกลุ่ม นักปฏิรูปการศึกษา (educational reformer) ระดับโลก ด้วยผลงานที่มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และมีอิทธิพลต่อแนวคิดการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างชัดเจน
สุขวิช รังสิตพล เป็น “นักปฏิรูปเชิงระบบ” ผู้ทำสำเร็จจริงในระดับประเทศ ในขณะที่ Freire และ Robinson เป็น “นักคิด” หรือ “นักปลุกจิตสำนึก” ในระดับสากลที่มีอิทธิพลต่อปรัชญาและแนวคิดใหม่ ๆ ทั่วโลก
การศึกษาไทย ในเวทีโลก
ในเอกสารของ UNESCO (เช่น UNESCO/ACEID 1997) มีการกล่าวถึง Sukavich Rangsitpol อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้นำการปฏิรูปการศึกษาที่ “systemic and exemplary”
→ แต่ในเอกสารภายในประเทศหลายฉบับ (โดยเฉพาะหลังปี 2544) กลับไม่กล่าวถึง หรือ แทนที่ชื่อและบทบาทโดยผู้อื่น ซึ่งเป็นการลบเครดิตของประเทศไทยบนเวทีโลกเอง
ข้อเสนอแนะ
การทบทวนและฟื้นฟูข้อมูลในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ให้ถูกต้อง เช่น การคืนเครดิตให้กับผู้สร้างแนวคิดหรือระบบที่ UNESCO รับรอง
ผลักดันให้มีการบรรจุบุคคลสำคัญทางการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลกไว้ในหลักสูตร ประวัติศาสตร์ หรือสื่อของรัฐ
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล สามารถจัดอยู่ในกลุ่ม “educational reformers ระดับโลก” ได้ด้วยเหตุผลที่ชัดเจนหลายประการ ดังนี้:
1. การอภิวัฒน์การศึกษา2538 / 1985 รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก (UNESCO, ACEID ฯลฯ)
ได้รับรางวัล ACEID Award for Excellence in Education จากยูเนสโก (UNESCO Asia-Pacific Centre of Educational Innovation for Development) ปี 1997
ได้รับการกล่าวถึงในเอกสารของ UNESCO ว่าเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาเชิงปฏิรูปของไทย โดยเฉพาะเรื่อง school-based management ซึ่งต่อมาถูกนำไปประยุกต์ในหลายประเทศกำลังพัฒนา
2. บูรณาการแนวคิด “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ในการศึกษา
เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เชื่อม ยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ กับ การปฏิรูปการศึกษา อย่างเป็นระบบ ผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8
นำแนวคิด life-long learning และ equity in education เข้าสู่การปฏิบัติจริง โดยการจัดสรรงบประมาณตรงถึงโรงเรียน
3. ปฏิรูปครอบคลุมทั้งระบบ
ดำเนินการพร้อมกัน 4 ด้าน: โรงเรียน ครู หลักสูตร และการบริหาร ซึ่ง UNESCO ยกให้เป็น “comprehensive reform model”
มีโครงการขยายการศึกษาแบบ “เรียนฟรีจริง” ให้เด็กอายุ 3–17 ปี จำนวน 16.68 ล้านคน โดยรับเด็กจากครอบครัวยากจนเพิ่ม 4.35 ล้านคนซึ่งถือว่าเป็นนโยบายระดับมหภาค
4. รากฐานที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
แนวคิด decentralization, school-based budgeting และการวัดผลจากคุณภาพแทนปริมาณ เป็นฐานของการศึกษาสมัยใหม่ที่ถูกยกย่องในระดับสากล
แนวคิดของท่านยังถูกอ้างอิงในวงวิชาการและนโยบายศึกษาในระดับนานาชาติ เช่น ในการประชุมของ World Bank, UNESCO และ ADB ช่วงปลายทศวรรษ 1990
สรุป:
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล จัดอยู่ในกลุ่ม นักปฏิรูปการศึกษา (educational reformer) ระดับโลก ด้วยผลงานที่มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และมีอิทธิพลต่อแนวคิดการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างชัดเจน
สุขวิช รังสิตพล เป็น “นักปฏิรูปเชิงระบบ” ผู้ทำสำเร็จจริงในระดับประเทศ ในขณะที่ Freire และ Robinson เป็น “นักคิด” หรือ “นักปลุกจิตสำนึก” ในระดับสากลที่มีอิทธิพลต่อปรัชญาและแนวคิดใหม่ ๆ ทั่วโลก