คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ในมุมมองคนนอก ก็จะบอกให้คุณเด็ดขาด ฟันธงฉับๆโชะๆครับ ถ้าคุณจะไป ก็ไปได้เลยไม่ต้องขอครับ เพราะอายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว
แต่ถ้าเป็นแนวให้คำปรึกษา
ต้องขอให้คุณทบทวนก่อนครับ นอกจากเรื่องที่อธิบายมาข้างต้น มีเรื่องอื่นอะไรอีกไหมที่ทำให้แม่คุณยังไม่ปล่อยคุณ
(เช่น ความกลัวว่าจะอยู่คนเดียวเพราะมีกันแค่สองคน, ดูทรงคุณแล้วมีลักษณะยังเด็ก อาจเกี่ยวกับวุฒิภาวะและการแสดงออก ดูหัวอ่อน ไม่ทันคน ดูยังไม่เป็นผู้ใหญ่, การแสดงออกให้เห็นถึงความรับผิดรับชอบได้ ทั้งบริหาร-วางแผน ใช้ชีวิตเป็น ใช้เงินเป็น, ความหวาดหวั่นที่ยึดติดกับขนบธรรมเนียมประเพณี หากพลาดพลั้งจะเสียหน้าทางสังคม ฯลฯ)
เมื่อรวบรวมสาเหตุได้แล้ว ก็มาคลายทีละปมครับ เพราะแม่คุณก็ให้คุณค่าในประเด็นเรื่องนี้ และกังวลใจหากทำอะไรไปแล้วมันดูไม่ดีงาม (ความห่วงของผู้ใหญ่ครับ แต่...ในหลายๆเรื่องกับตัวผู้ใหญ่เอง ความปรารถนาดีของเรา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกหลานต้องการครับ)
และขณะเดียวกัน คุณต้องชั่งใจครับ เพราะมันก็มีโอกาสจะต้องถึงจุดที่คุณต้องเลือกระหว่างบ้านของคุณและแฟน รวมถึงยอมรับสิ่งที่จะตามมาด้วย (ความไม่พอใจของทางบ้าน การแยกทางกับแฟน ฯลฯ)
ผมไม่แนะนำให้โกหก แต่เสนอตัวเลือกแบบนี้ให้ปรับตามบริทบททางบ้านคุณครับ
1. พูดถึงแฟนบ่อยๆ พูดถึงเรื่องดีๆ ซื้อของฝั่งเราไปฝากบ้านแฟน แฟนอาจซื้อของมาฝากบ้านเรา ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
2. พาแฟนเข้าบ้าน บอกว่าคบกันอยู่ พามาแนะนำตัวให้ผู้ใหญ่รับรู้ บ่อยครั้งเข้าก็มีโอกาสให้ไฟเขียว หรืออาจจะเรียกว่ามาเดตที่บ้านก็ได้ (แต่ก็ต้องหามุมที่จะกุ๊กกิ๊กๆน่ารักๆกันสองคน ถ้าแม่ไม่นั่งเฝ้าทั้งวันนะครับ) ไม่ก็แวะไปคาเฟ่ใกล้บ้าน ให้แม่รู้ว่าไม่ได้ไปไหนกันไกล ฯลฯ
3. พาผู้ใหญ่สองบ้านมารู้จักกัน แนะนำตัวกัน ซื้อกระเช้ามาสวัสดีกัน (วิธีนี้แม่ผมให้ผมทำตอนจะพาแฟนไปเที่ยว ซึ่งเป็นจุดที่ผมมองข้าม หลังจากนั้นทั้งผมและแฟนก็เข้าออกทั้งสองบ้านได้ตลอด)
คนเราไม่สามารถคว้าได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ขอให้เลือกและทำในสิ่งที่เราตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อจะได้ยอมรับในสิ่งที่เราได้ตัดสินใจลงไปและไม่เสียใจในภายหลัง จะดีกว่าครับ
แต่ถ้าเป็นแนวให้คำปรึกษา
ต้องขอให้คุณทบทวนก่อนครับ นอกจากเรื่องที่อธิบายมาข้างต้น มีเรื่องอื่นอะไรอีกไหมที่ทำให้แม่คุณยังไม่ปล่อยคุณ
(เช่น ความกลัวว่าจะอยู่คนเดียวเพราะมีกันแค่สองคน, ดูทรงคุณแล้วมีลักษณะยังเด็ก อาจเกี่ยวกับวุฒิภาวะและการแสดงออก ดูหัวอ่อน ไม่ทันคน ดูยังไม่เป็นผู้ใหญ่, การแสดงออกให้เห็นถึงความรับผิดรับชอบได้ ทั้งบริหาร-วางแผน ใช้ชีวิตเป็น ใช้เงินเป็น, ความหวาดหวั่นที่ยึดติดกับขนบธรรมเนียมประเพณี หากพลาดพลั้งจะเสียหน้าทางสังคม ฯลฯ)
เมื่อรวบรวมสาเหตุได้แล้ว ก็มาคลายทีละปมครับ เพราะแม่คุณก็ให้คุณค่าในประเด็นเรื่องนี้ และกังวลใจหากทำอะไรไปแล้วมันดูไม่ดีงาม (ความห่วงของผู้ใหญ่ครับ แต่...ในหลายๆเรื่องกับตัวผู้ใหญ่เอง ความปรารถนาดีของเรา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกหลานต้องการครับ)
และขณะเดียวกัน คุณต้องชั่งใจครับ เพราะมันก็มีโอกาสจะต้องถึงจุดที่คุณต้องเลือกระหว่างบ้านของคุณและแฟน รวมถึงยอมรับสิ่งที่จะตามมาด้วย (ความไม่พอใจของทางบ้าน การแยกทางกับแฟน ฯลฯ)
ผมไม่แนะนำให้โกหก แต่เสนอตัวเลือกแบบนี้ให้ปรับตามบริทบททางบ้านคุณครับ
1. พูดถึงแฟนบ่อยๆ พูดถึงเรื่องดีๆ ซื้อของฝั่งเราไปฝากบ้านแฟน แฟนอาจซื้อของมาฝากบ้านเรา ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
2. พาแฟนเข้าบ้าน บอกว่าคบกันอยู่ พามาแนะนำตัวให้ผู้ใหญ่รับรู้ บ่อยครั้งเข้าก็มีโอกาสให้ไฟเขียว หรืออาจจะเรียกว่ามาเดตที่บ้านก็ได้ (แต่ก็ต้องหามุมที่จะกุ๊กกิ๊กๆน่ารักๆกันสองคน ถ้าแม่ไม่นั่งเฝ้าทั้งวันนะครับ) ไม่ก็แวะไปคาเฟ่ใกล้บ้าน ให้แม่รู้ว่าไม่ได้ไปไหนกันไกล ฯลฯ
3. พาผู้ใหญ่สองบ้านมารู้จักกัน แนะนำตัวกัน ซื้อกระเช้ามาสวัสดีกัน (วิธีนี้แม่ผมให้ผมทำตอนจะพาแฟนไปเที่ยว ซึ่งเป็นจุดที่ผมมองข้าม หลังจากนั้นทั้งผมและแฟนก็เข้าออกทั้งสองบ้านได้ตลอด)
คนเราไม่สามารถคว้าได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ขอให้เลือกและทำในสิ่งที่เราตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อจะได้ยอมรับในสิ่งที่เราได้ตัดสินใจลงไปและไม่เสียใจในภายหลัง จะดีกว่าครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอคำแนะนำวิธีการพูดกับแม่ จขกท อายุย่าง 28 แต่แม่ไม่เคยปล่อย
จขกท มีแม่ซึ่งค่อนข้างหวง จขกท มากๆ เช่น ในอดีตตอน ม.ปลาย เคยมีรุ่นพี่ไลน์มาจีบ แล้วตอนนั้นจขกทมาเห็นแชทตอนกลางดึก (จขกท นอนกับแม่) เลยตอบสติ๊กเกอร์ไปตามปกติ แม่ตื่นมาเห็นก็ด่า จขกท ด้วยถ้อยคำรุนแรง เช่นคำว่า อี11รด (แต่ตอนนั้นเข้าใจแม่นะคะว่าอยากให้เราตั้งใจเรียนก่อน แต่แค่อาจจะใช้วิธีการไม่ถูกต้อง ก็เลยไม่กล้าคุยกับใครอีกเลยตอน ม.ปลายเพราะกลัวแม่ไม่สบายใจ) ตอนอยู่มหาลับ เคยมีกรณีที่ จขกท คุยโทรศัพท์กับแฟนแม่จะให้ จขกท คุยโทรศัพท์กับแฟนต่อหน้า คืออยากฟังด้วยว่า จขกท คุยอะไรกัน ซึ่ง จขกท ก็เข้าใจอีกว่าแม่คงเป็นห่วงเรามากๆ ถึงแม้จะละเมิดความ privacy ของ จขกท ก็ตาม
…เข้าเรื่อง…
จขกท ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัด และไม่คิดจะเข้าไปทำงานในกรุงเทพ เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับคุณตากับคุณยายที่สุขภาพไม่แข็งแรง ตอนนี้แฟนทำงานที่กรุงเทพ และเนื่องจาก จขกท ต้องขึ้นกรุงเทพไปเอาเอกสารบางอย่างเพื่อใช้ในการสมัครงาน เลยมีความจำเป็นต้องขึ้นกรุงเทพ เลยตั้งใจว่าจะไปนอนค้างที่ กทม สัก คืนสองคืน เพื่อที่จะได้ไปเที่ยว ใช้เวลากับแฟนด้วย (ไม่ได้ค้างคืนกับแฟน) เพราะกว่าจะได้เจอกันอีกทีก็คงอีก 2-3 เดือน แม่ จขกท บอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ประหยัดเงิน เลยให้ไปเข้าเย็นกลับก็พอ ไม่ต้องเสียเงินค่าที่พัก แต่แฟนจขกท อยากให้ จขกท อยู่กรุงเทพต่อสักหน่อย เพราะนานๆจะได้เจอกัน เลยเสนอออกค่าที่พักให้ แต่สุดท้ายแล้วก็นั่นแหละค่ะ แม่ไม่ยอม แม่บอกว่าจะให้ไปไหนมาไหนด้วยกัน แบบนี้ให้รอหลังแต่งงานก่อน จขกท คิดว่าแม่ล้ำเส้นมากจนเกินไป แต่เข้าใจเจตนาดีของแม่นะคะ เพื่อนๆมีวิธีการพูด หรืออธิบายให้แม่ จขกท เข้าใจ และเปิดใจบ้างมั้ยคะ รู้สึกอึดอัดมากๆ ขนาดขอไปเที่ยวกับครอบครัวของแฟนซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่มาก จัดทริปแต่ละที คือญาติเป็นสิบคน ขอไปนอนพักกับพี่สาวเค้า คุณแม่ยังไม่ยอมเลยค่ะ แม่บอกว่าน่าเกลียด ไม่เหมาะสม ไปเที่ยวแบบนี้ได้ต้องหลังแต่งงานเท่านั้น ไม่งั้นจะดูเสียคุณค่า (จขกท ไม่เข้าใจหรอกนะคะว่าคุณค่าของผู้หญิงสักคนมันวัดกันด้วยอะไรแบบนี้จริงๆเหรอ แต่ก็ยอมเงียบมาตลอด เพราะ จขกท เป็นห่วงความรู้สึกแม่)