ตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ เราก็ยังไม่มีเพื่อนเลยค่ะ เราอยู่เงียบ ๆ คนเดียวตลอดเวลา ไม่ได้เข้าไปคลุกคลีหรือพยายามเข้าหาใครเลย แต่เรากลับรู้สึกมีความสุขกับมันมาก ๆ เวลามีงานกลุ่มหรือกิจกรรมที่ต้องทำเป็นคู่ เราก็มักจะขอครูทำเดี่ยวเองตลอด แล้วครูก็เข้าใจและอนุญาตให้เราทำได้ จำได้เลยว่าช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่เรารู้สึกอิสระมาก ไม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับใคร ไม่ต้องฝืนยิ้ม หรือแกล้งคุยกับใคร เรากินข้าวคนเดียว ไปเรียนคนเดียว เดินกลับห้องคนเดียว มันรู้สึกเงียบ สงบ สบายใจ แล้วก็...ฟินนนนมากเลยค่ะ
แต่ในใจลึก ๆ เราก็ยังแอบรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างอยู่บ้างนะคะ บางทีเราก็อยากมีเพื่อนบ้างสักคน เอาไว้นั่งคุยเวลาเบื่อ ๆ หรือแค่มีใครสักคนที่พอจะนึกถึงเราบ้าง เช่นเวลาเขาประชุมห้องกัน เราก็ไม่รู้ เพราะไม่มีใครบอก พอครูเปลี่ยนตึกสอน เราก็ยังเดินไปที่ตึกเก่า เพราะเราไม่รู้ว่าครูย้ายตึกไปแล้ว เพื่อนบางคนเขาก็มีเพื่อนคอยโทรตาม คอยบอกต่อ แต่เรากลับไม่มีเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกนะคะ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า...การไม่มีเพื่อนเลยมันก็แอบเหงา ๆ เหมือนกันค่ะ จนมีช่วงหนึ่งมันเป็นงานที่จำเป็นต้องมีกลุ่มจริงๆ เราก็ไม่รู้จะทำไงครูเลยหากลุ่มให้เรา 3 คนในกลุ่ม หลังจากนั้นก็มีการสร้างกลุ่มไลน์คุยงานกัน พอคุยไปคุยมาก็เริ่มกลายเป็นพูดหยอกล้อกันเล่น วันพรุ่งนี้ก็ต้องไปกินข้าวด้วยกันเพราะต้องไปทำงานกลุ่มด้วยกัน งานกลุ่มนั้นทำประมาณเดือนนึงถึงได้ส่งค่ะ หลังจากงานกลุ่มเสร็จแล้ว ด้วยความที่เคยไปกินข้าวด้วยกันทำงานด้วยกัน มันกลายเป้นว่าสนิทสงั้น ก็เลยกลายเป็นสนิทกันตั้งแต่นั้นมา คือเราเป้นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับเรื่องมิตรภาพ คือถ้าเขาจริงใจก็จะคบ ถ้าไม่ก็เลิก เราลองเปิดใจให้เพื่อนสองคนนี้ เราก็เริ่มจริงใจกับพวกเขา ช่วยเขาทุกอย่างเวลามีปัญหา คือพวกเราในกลุ่มช่วงนั้จริงใจกันทุกอย่างแต่รู้สึกว่าเรื่องเรียนจะไม่ช่วยกันเท่าไร เพราะว่าเป็นคู่แข่งกันจริงๆ พวกเราทั้งสามคนเป็นตัวท็อปของห้องเลยอะค่ะ ผลการเรียนก็อยู่ระดับเดียวกัน คือเราจำได้ว่าตอนที่เรายังไม่มีเพื่อนเราเป็นท็อปคนเดียว ท็อปห้องท็อปสายชั้น ช่วงนั้นผลการเรียนเราคือปังงงมากแข่งกิจกรรมต่างๆคือได้เหรียญทองตลอด แต่รู้สึกว่าหลังจากมาคบเพื่อนแล้วเพื่อนดูเก่งขึ้นมากเก๋งโครตๆ จากที่เราเคยเป็นท็อปคนเดียวกลายเป็นว่าตอนนี้มีท็อปสามคนแล้วปกติ เราเป็นคนที่พัฒนาตัวเองมากๆ แบบว่าผลการเรียนดีแล้วมีก็จะยิ่งดีขึ้นดีขึ้น แต่พอคบเพื่อนเรารู้สึกว่าเราไม่มีความพัฒนาเลย เรียนรู้ได้ยาก แล้วเราลองมาสังเกตว่าเพื่อนเราเนี่ยเขาจริงจใจกับเราเหมือนที่เราจริงใจกับเขารึปล่าว ครั้งหนึ่งเรามีสอบไปสอบที่เดียวกันเเล้วคือทางสนามสอบให้ลงทะเบียนออนไลน์ เราดันเน็ตหมดพอดีคือถ้าไม่ลงทะเบียนเราจะไม่ได้เข้าสอบเลย แล้วมันเป็นการสอบครั้งสำคัญมาก เราเลยขอให้เพื่อนเราแชร์เน็ตให้ เพื่อน B เน็ตหมดเหมือนกัน แต่เขาลงทะบียนก่อนหน้านี้แล้วเขาเลยไม่มีปัญหา ส่วนเพื่อน A เขามีเน็ต เราขอให้เขาแชร์เน็ตให้แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ทำเป็นไม่ได้ยิน คือตอนนั้นเรากังวลมากเราแบบจะร้องไห้แล้วกวัไม่ได้สอบ เพื่อน A เขาก็ทำเป็นชวนคุยเรื่องอื่นทำว่าคิดว่าจะสอบได้ไหมนี่นั่นนู่น คือเขาไม่ได้แชร์เน็ตให้เราเลยคือเขาต้องการอะไร ไม่อยากให้เราได้สอบหรอ เพราะปกติเรื่องการเรียนก็แข่งกันอยุ่เเล้ว ตอนนั้นเราเลยวิ่งออกมาจากสนามสอบคือหมดหวังมาก แล้วก็มีเพื่อนคนนึงวิ่งตามเรามาคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ค่อยสนิท ไม่ค่อยได้คุยกินเท่าไหร่ เขามาเข้า่ห้องน้ำแถวนั้น แล้วบังเอิญเห็นเรา เราบอกเพื่อนว่าจะออกไปเติมเน็ตที่เซเว่น เพื่อนคนนี้เขาก็ช่วยแชรืเน็ตให้เรา ทำให้เราลงทะเบียนสอบทัน ตอนนั้นรุ้สึกขอบคุณเพื่อนคนนี้มาก คือเขาช่วยเราเลย เราก็เลยเดินไปที่ตึกสอบด้วยกัน เราไปเจอ A เขาถามว่าเราไปไหนมา เราก็บอกไปแหละ เขาก็ทำแบบเอ้าทำไมไม่บอกหล่ะจะได้แชรืเน็ตให้ทำเป็นอยากช่วย เป็นห่วง บราๆ คือตอนที่เราขอเน็ตเราร้องให้ขนาดนั้นกลับทำเป็นเฉย หลังจากนั้นผลสอบออก เราก็เป็นท็อปจังหวัด และคะแนนห่องจากเพื่อนทั้งสองคนมาก ครูที่ปรึกษาและเพื่อนๆในห้องพอรู้ผลสอบเรา เขาก็ชื่นชมเราใหญ่เลย แต่เพื่อนA เราเห็นเขาเบะปาก มองบนใส่เรา พอเราหันมาเขาก็ทำเป้นยิ้ม คือตอนนั้นเราเห็นเลยว่าแบบนี้คบไม่ได้เเล้ว ส่วนเพื่อน B เขาก็ปกติ ด้วยความสนิทเขาไม่ได้ชื่นชมเรามากเขาพูดประมาณว่าเราคงจะฟลุก แต่เราดูออกว่าเขาก็ยังมีความภูมิใจในตัวเรา หลังจากนั้นจนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกับอยู่ แข่งกันทุกอย่างทุกเรื่อง อ้อและมีหลายครั้งเลย ที่เวลาครูสั่งงาน ในขณะที่เราไม่รู้ เพื่อน A ก็จะทำงานจนเสร็จและเอาไปส่งก่อน เราก็เกือบจะไม่มีงานส่งแต่ยังดีที่เพื่อน B เขาบอกเราว่ามีงานวันนั้นก็เลยส่งสาย โดนหักคะแนน คือเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งมากเพื่อน A เขาไม่เคยยินดีอะไรกับเราเลย เวลาเขาเห็นเราได้ดี รับรางวัลนี่นั่นนุ่นเขาก็ทำเป็นชมแหละ แต่คือสีหน้าและความเสแสร้ง แววตาของเขามันดูออกเลยว่าแบบ อิจฉาาาาา เขาก็รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบทำอะไร เขาก็มักชวนเราทำในสิ่งที่ไม่ดีแต่เขาก็ไม่ทำด้วย เวลาเขาเห็นเราอ่านหนังสือ เขาก็ชอบมาขัดขวาง มาช่วนคุยให้เสียสมาธิ ชวนคุยแบบไม่มีอะไรจะคุยแล้วก็ยังจะถามไปเรื่อยทำให้เรามนไม่ไหวเราเลยเลิกอ่านหนังสือ พอเราว่างเเล้วเขาก็ไม่ชวนคุย หลังจากที่เรามีเพื่อนเราไม่เป็นอิสระเลย ไปไหนมาไหนก็ต้องไปด้วยกัน เดินช้าก็ยังต้องรอ ไปเข้าห้องน้ำก็ต้องไปเฝ้า มีหลายครั้งที่เราแอบเพื่อบไปอ่านหนังสือ เพื่อนA ก็คือร้อนรนมากเดินทั่วโรงเรียน โทรหาเราตามจนเจอ ขัดขวางไม่ให้เราเรียนรู้อะไรเลย น่าหงุดหงิดมาก แล้วเป็นคนที่เคยติดเกม เราเลยเลิกเล่นเกมเพื่อพัฒนาตัวเอง อยากตั้งใจเรียนให้มากขึ้น เราเลิกเล่นเกมได้นานแล้ว เพื่อนเราทั้งสองคนเขาก็รู้ ืเพื่อน B เขาก็ชอบมาเล่นโชว์ มาอวดมาอ้างแต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีกับเราหรอก แต่ เพื่อน A เขารู้ทั้งรู้ว่าเราไม่เล่นเกมเขาก้ชอบมาชักชวนให้เล่นเกม เราคือปฏิเสธไปแล้วก็ตื้อกันอยู่นั่นแหละ พอเราไม่เล่นก้ชวนเราดูยูทูปเราก็แบบทนไม่ไหวคือกวนน่ารำคาญมาก เราก็เลยดูซักคลิปในขณะที่เราดูเขาก็ไปอ่านหนังสือ คือไรรรรร งงมาก เวลาตัวเองชวนเล่นเกมพอเราเล่นแล้วเขาก็ไปอ่านหนังสือ เพื่อ? คือถ้าอยากให้ตัวเองพัฒนาหรือเป็นที่หนึ่งอะควรจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นนะ ไม่ใช่มาตัดคู่เเข่ง ทุกครั้งที่เราทำอะไร เพื่อนAจับตาดูเราตลอดเลย ทุกคำพูดที่เราพูดเพื่อนAก็อัดเสียงไว้ จดจำรายละเอียดเราทุกอย่างเลย มีครั้งหนึ่งเขาขอถักเปียให้เรา คือเรารู้สึกได้ว่าเราโดนถอนผมอะ เเล้วเจาก็มานั่งข้างเราชวนเราดูโทรศัพ?์ แต่เราสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าเขาแอบถอนผมเราแล้วก็เอาไปเหยียบ คือแบบฮะมาก มันต้องทำกัยขนาดนี้เลยหรอ ตอนนี้คืออยากเลิกคบมาก เพราะว่าเขาชักชวนเราทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ตลอด คือไม่มีความหวังดีอะไรกับเราเลย ส่วนพูดถึงเพื่อน B คนนี้เขาดูไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเราเท่าไหร่ เราไม่รู้ว่าเขาจริงใจกับเรามากแค่ไหน แต่ที่รู้ๆเลย คือเขาไม่เคยคิดร้ายกับเรา แต่เขาชอบแกล้งแบบว่าชอบเอาจิ้งจกมาโยนใส่เรา เอาของเราไปซ้อน ดึงผมเรา ตีเราแรงมาก และชอบทำให้เราอับอายขายหน้าในที่สาธาณะ แต่ทุกอย่างที่เขาแกล้งคือเพราะขำๆ แต่เราก็เพื่ออะ เพื่อนคนนี้เขาเป็นคนอีโก้สูง คนในครอบครัวเขาเป็นอาจารย์ เขาก็สอนลูกเขา ก็คือเพื่อนคนนี้มีความรู้เกินวัยมากๆ มีแต่ความรู้ระดับมหาลัย ทำข้อสอบมหาลัยได้ เขาก็เลยไม่ค่อยสนใจเรียนเท่าไหร่ เล่นแต่เกม วันๆทำตัวชิวๆการบ้านก็ดองไว้วันสุดท้ายค่อยมาทำ เราเตือน เราแนะนำเขาอยู่หลายรอบมาก แต่เขาชอบบอกว่าความรู้ ม ต้นพวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องรุ้เพราะว่าเขารู้เขาเก่งเทียบเท่ามหาลัยแล้ว กลายเป็นว่าเขาไม่ตั้งใจเรียนเลย แต่ถึงเขาไม่ต้องใจเรียนแต่เวลาสอบเกรดเขาออกมาดีมาก ก็เราก็ดีใจกับเขาด้วยแหละ แต่เขาก็ชอบบอกว่าเขาเก่งแล้วนี่นั่นนู่น เขาคือชอบทำให้เราขายหน้า ชอบทำเหมือนเราเป็นแบ้เขา คือทุกครั้งที่เราทำผิดหรือตอบคำถามในชั้นเรียนผิดอะ เขาจะชอบบกว่าสมน้ำหน้าแล้วก็ขำตลอด มีครั้งหนึ่งเราล้มเขาก็หัวเลาะดังมากทุดคนคือหันมามองอะ เเละเขาก็ถ่ายคลิปขำๆ แต่เขาก็ช่วยเราอยู่ คือเขาก็จริงใจกับเราอยู่แหละเขาก็พยายามช่วยเหลือเราในเรื่องที่เขาช่วยได้อะนะ ไมได้มีเจตนาอะไรไม่ดีกับเรา แต่เราก็ไม่โอเคกับการกระทำกับนิสัยของเขาอยู่ดีอะ ก็คือเพื่อนAก็เสแสร้งใจดีเพื่อนคนนี้ไม่เคยแกล้งเราเลยพูดกับเราอ่อนหวานมาก ส่วนเพื่อนBก็ชอบแกล้ง แกล้งแรงเอาให้ตัวเองสนุก คืออย่างที่บอกว่าเราเป็นคนที่จริงจังเรื่องเพื่อนมาก เราเคยคบเพื่อนมาหลากหลายแบบหลายนิสัย จริงๆเราเป็นคนเฟรนรี่ทำให้เราได้เข้าหาผู้คนหลายๆแบบ มีเพื่อนมาแล้วหลายคนแต่เลิกคบตลอด เราคิดว่าเราดูคนอออกแ่มองตาเราก็รู้ว่าเขาจริงใจกับเราไหม ก็มีหลายคนที่หมั่นไส้เรานะ เราเข้าใจแหละเพราะว่าเราเป็นหัวหน้าห้องเป็นนักเรียนดีเด่น ผลการเรียนดีอยู่ตลอด นิสัยเราก็มีแต่อ่นหนังสือ ทำให้หาเพื่อนสนิทได้ยาก แต่เพื่อนก็มีเยอะแยะแค่ีไม่ได้สนิท แต่ที่คบกับเพื่อนปัจจุบันได้ก็คือเขาเป็นแนวรักเรียนเหมือนกันแหละมั้ง เรียนเก่งเหมือนกัน ก็เข้ากันได้อยู่ ไม่ใช่ว่าเราไม่คบคนไม่เก่งนะคะ แต่ไม่มีใครมาคบเราต่างหากค่ะ เพราะนิสัยกดดันในการเรียน เราคบเพื่อนได้ทุกแบบขอแค่จริงใจแล้วเข้าใจเราอะนะ แต่ปัจจุบัน สำหรับเราก็คือพอแล้วกับเพื่อนทั้งสองอยากเิกคบมาก รู้สึกไม่เป้นอิสระเลย เราอยากกรับไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิม เราว่าแบบนั้นมีความสุขกว่าเยอะเลยค่ะ ไม่เคยทะเลาะกันนะค่ะ เราอยากออกห่างจากเพื่อนสองคนนี้ คนเริ่มตีตัวออกห่างยังไงดีค่ะ หรือไปบอกเลิกคบเลย หรือยังไงค่ะ เราเคยพยายามไม่ไปไหนมาไหนกับเขาหลายรอบแล้วแต่พวกเขาก็เดินจามอะ หรือควรบอกไปตรงๆ หรือยังไงดีคะ
อยากเลิกคบเพื่อนควรทำไงดีคะ
แต่ในใจลึก ๆ เราก็ยังแอบรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างอยู่บ้างนะคะ บางทีเราก็อยากมีเพื่อนบ้างสักคน เอาไว้นั่งคุยเวลาเบื่อ ๆ หรือแค่มีใครสักคนที่พอจะนึกถึงเราบ้าง เช่นเวลาเขาประชุมห้องกัน เราก็ไม่รู้ เพราะไม่มีใครบอก พอครูเปลี่ยนตึกสอน เราก็ยังเดินไปที่ตึกเก่า เพราะเราไม่รู้ว่าครูย้ายตึกไปแล้ว เพื่อนบางคนเขาก็มีเพื่อนคอยโทรตาม คอยบอกต่อ แต่เรากลับไม่มีเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกนะคะ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า...การไม่มีเพื่อนเลยมันก็แอบเหงา ๆ เหมือนกันค่ะ จนมีช่วงหนึ่งมันเป็นงานที่จำเป็นต้องมีกลุ่มจริงๆ เราก็ไม่รู้จะทำไงครูเลยหากลุ่มให้เรา 3 คนในกลุ่ม หลังจากนั้นก็มีการสร้างกลุ่มไลน์คุยงานกัน พอคุยไปคุยมาก็เริ่มกลายเป็นพูดหยอกล้อกันเล่น วันพรุ่งนี้ก็ต้องไปกินข้าวด้วยกันเพราะต้องไปทำงานกลุ่มด้วยกัน งานกลุ่มนั้นทำประมาณเดือนนึงถึงได้ส่งค่ะ หลังจากงานกลุ่มเสร็จแล้ว ด้วยความที่เคยไปกินข้าวด้วยกันทำงานด้วยกัน มันกลายเป้นว่าสนิทสงั้น ก็เลยกลายเป็นสนิทกันตั้งแต่นั้นมา คือเราเป้นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับเรื่องมิตรภาพ คือถ้าเขาจริงใจก็จะคบ ถ้าไม่ก็เลิก เราลองเปิดใจให้เพื่อนสองคนนี้ เราก็เริ่มจริงใจกับพวกเขา ช่วยเขาทุกอย่างเวลามีปัญหา คือพวกเราในกลุ่มช่วงนั้จริงใจกันทุกอย่างแต่รู้สึกว่าเรื่องเรียนจะไม่ช่วยกันเท่าไร เพราะว่าเป็นคู่แข่งกันจริงๆ พวกเราทั้งสามคนเป็นตัวท็อปของห้องเลยอะค่ะ ผลการเรียนก็อยู่ระดับเดียวกัน คือเราจำได้ว่าตอนที่เรายังไม่มีเพื่อนเราเป็นท็อปคนเดียว ท็อปห้องท็อปสายชั้น ช่วงนั้นผลการเรียนเราคือปังงงมากแข่งกิจกรรมต่างๆคือได้เหรียญทองตลอด แต่รู้สึกว่าหลังจากมาคบเพื่อนแล้วเพื่อนดูเก่งขึ้นมากเก๋งโครตๆ จากที่เราเคยเป็นท็อปคนเดียวกลายเป็นว่าตอนนี้มีท็อปสามคนแล้วปกติ เราเป็นคนที่พัฒนาตัวเองมากๆ แบบว่าผลการเรียนดีแล้วมีก็จะยิ่งดีขึ้นดีขึ้น แต่พอคบเพื่อนเรารู้สึกว่าเราไม่มีความพัฒนาเลย เรียนรู้ได้ยาก แล้วเราลองมาสังเกตว่าเพื่อนเราเนี่ยเขาจริงจใจกับเราเหมือนที่เราจริงใจกับเขารึปล่าว ครั้งหนึ่งเรามีสอบไปสอบที่เดียวกันเเล้วคือทางสนามสอบให้ลงทะเบียนออนไลน์ เราดันเน็ตหมดพอดีคือถ้าไม่ลงทะเบียนเราจะไม่ได้เข้าสอบเลย แล้วมันเป็นการสอบครั้งสำคัญมาก เราเลยขอให้เพื่อนเราแชร์เน็ตให้ เพื่อน B เน็ตหมดเหมือนกัน แต่เขาลงทะบียนก่อนหน้านี้แล้วเขาเลยไม่มีปัญหา ส่วนเพื่อน A เขามีเน็ต เราขอให้เขาแชร์เน็ตให้แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ทำเป็นไม่ได้ยิน คือตอนนั้นเรากังวลมากเราแบบจะร้องไห้แล้วกวัไม่ได้สอบ เพื่อน A เขาก็ทำเป็นชวนคุยเรื่องอื่นทำว่าคิดว่าจะสอบได้ไหมนี่นั่นนู่น คือเขาไม่ได้แชร์เน็ตให้เราเลยคือเขาต้องการอะไร ไม่อยากให้เราได้สอบหรอ เพราะปกติเรื่องการเรียนก็แข่งกันอยุ่เเล้ว ตอนนั้นเราเลยวิ่งออกมาจากสนามสอบคือหมดหวังมาก แล้วก็มีเพื่อนคนนึงวิ่งตามเรามาคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ค่อยสนิท ไม่ค่อยได้คุยกินเท่าไหร่ เขามาเข้า่ห้องน้ำแถวนั้น แล้วบังเอิญเห็นเรา เราบอกเพื่อนว่าจะออกไปเติมเน็ตที่เซเว่น เพื่อนคนนี้เขาก็ช่วยแชรืเน็ตให้เรา ทำให้เราลงทะเบียนสอบทัน ตอนนั้นรุ้สึกขอบคุณเพื่อนคนนี้มาก คือเขาช่วยเราเลย เราก็เลยเดินไปที่ตึกสอบด้วยกัน เราไปเจอ A เขาถามว่าเราไปไหนมา เราก็บอกไปแหละ เขาก็ทำแบบเอ้าทำไมไม่บอกหล่ะจะได้แชรืเน็ตให้ทำเป็นอยากช่วย เป็นห่วง บราๆ คือตอนที่เราขอเน็ตเราร้องให้ขนาดนั้นกลับทำเป็นเฉย หลังจากนั้นผลสอบออก เราก็เป็นท็อปจังหวัด และคะแนนห่องจากเพื่อนทั้งสองคนมาก ครูที่ปรึกษาและเพื่อนๆในห้องพอรู้ผลสอบเรา เขาก็ชื่นชมเราใหญ่เลย แต่เพื่อนA เราเห็นเขาเบะปาก มองบนใส่เรา พอเราหันมาเขาก็ทำเป้นยิ้ม คือตอนนั้นเราเห็นเลยว่าแบบนี้คบไม่ได้เเล้ว ส่วนเพื่อน B เขาก็ปกติ ด้วยความสนิทเขาไม่ได้ชื่นชมเรามากเขาพูดประมาณว่าเราคงจะฟลุก แต่เราดูออกว่าเขาก็ยังมีความภูมิใจในตัวเรา หลังจากนั้นจนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกับอยู่ แข่งกันทุกอย่างทุกเรื่อง อ้อและมีหลายครั้งเลย ที่เวลาครูสั่งงาน ในขณะที่เราไม่รู้ เพื่อน A ก็จะทำงานจนเสร็จและเอาไปส่งก่อน เราก็เกือบจะไม่มีงานส่งแต่ยังดีที่เพื่อน B เขาบอกเราว่ามีงานวันนั้นก็เลยส่งสาย โดนหักคะแนน คือเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งมากเพื่อน A เขาไม่เคยยินดีอะไรกับเราเลย เวลาเขาเห็นเราได้ดี รับรางวัลนี่นั่นนุ่นเขาก็ทำเป็นชมแหละ แต่คือสีหน้าและความเสแสร้ง แววตาของเขามันดูออกเลยว่าแบบ อิจฉาาาาา เขาก็รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบทำอะไร เขาก็มักชวนเราทำในสิ่งที่ไม่ดีแต่เขาก็ไม่ทำด้วย เวลาเขาเห็นเราอ่านหนังสือ เขาก็ชอบมาขัดขวาง มาช่วนคุยให้เสียสมาธิ ชวนคุยแบบไม่มีอะไรจะคุยแล้วก็ยังจะถามไปเรื่อยทำให้เรามนไม่ไหวเราเลยเลิกอ่านหนังสือ พอเราว่างเเล้วเขาก็ไม่ชวนคุย หลังจากที่เรามีเพื่อนเราไม่เป็นอิสระเลย ไปไหนมาไหนก็ต้องไปด้วยกัน เดินช้าก็ยังต้องรอ ไปเข้าห้องน้ำก็ต้องไปเฝ้า มีหลายครั้งที่เราแอบเพื่อบไปอ่านหนังสือ เพื่อนA ก็คือร้อนรนมากเดินทั่วโรงเรียน โทรหาเราตามจนเจอ ขัดขวางไม่ให้เราเรียนรู้อะไรเลย น่าหงุดหงิดมาก แล้วเป็นคนที่เคยติดเกม เราเลยเลิกเล่นเกมเพื่อพัฒนาตัวเอง อยากตั้งใจเรียนให้มากขึ้น เราเลิกเล่นเกมได้นานแล้ว เพื่อนเราทั้งสองคนเขาก็รู้ ืเพื่อน B เขาก็ชอบมาเล่นโชว์ มาอวดมาอ้างแต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีกับเราหรอก แต่ เพื่อน A เขารู้ทั้งรู้ว่าเราไม่เล่นเกมเขาก้ชอบมาชักชวนให้เล่นเกม เราคือปฏิเสธไปแล้วก็ตื้อกันอยู่นั่นแหละ พอเราไม่เล่นก้ชวนเราดูยูทูปเราก็แบบทนไม่ไหวคือกวนน่ารำคาญมาก เราก็เลยดูซักคลิปในขณะที่เราดูเขาก็ไปอ่านหนังสือ คือไรรรรร งงมาก เวลาตัวเองชวนเล่นเกมพอเราเล่นแล้วเขาก็ไปอ่านหนังสือ เพื่อ? คือถ้าอยากให้ตัวเองพัฒนาหรือเป็นที่หนึ่งอะควรจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นนะ ไม่ใช่มาตัดคู่เเข่ง ทุกครั้งที่เราทำอะไร เพื่อนAจับตาดูเราตลอดเลย ทุกคำพูดที่เราพูดเพื่อนAก็อัดเสียงไว้ จดจำรายละเอียดเราทุกอย่างเลย มีครั้งหนึ่งเขาขอถักเปียให้เรา คือเรารู้สึกได้ว่าเราโดนถอนผมอะ เเล้วเจาก็มานั่งข้างเราชวนเราดูโทรศัพ?์ แต่เราสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าเขาแอบถอนผมเราแล้วก็เอาไปเหยียบ คือแบบฮะมาก มันต้องทำกัยขนาดนี้เลยหรอ ตอนนี้คืออยากเลิกคบมาก เพราะว่าเขาชักชวนเราทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ตลอด คือไม่มีความหวังดีอะไรกับเราเลย ส่วนพูดถึงเพื่อน B คนนี้เขาดูไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเราเท่าไหร่ เราไม่รู้ว่าเขาจริงใจกับเรามากแค่ไหน แต่ที่รู้ๆเลย คือเขาไม่เคยคิดร้ายกับเรา แต่เขาชอบแกล้งแบบว่าชอบเอาจิ้งจกมาโยนใส่เรา เอาของเราไปซ้อน ดึงผมเรา ตีเราแรงมาก และชอบทำให้เราอับอายขายหน้าในที่สาธาณะ แต่ทุกอย่างที่เขาแกล้งคือเพราะขำๆ แต่เราก็เพื่ออะ เพื่อนคนนี้เขาเป็นคนอีโก้สูง คนในครอบครัวเขาเป็นอาจารย์ เขาก็สอนลูกเขา ก็คือเพื่อนคนนี้มีความรู้เกินวัยมากๆ มีแต่ความรู้ระดับมหาลัย ทำข้อสอบมหาลัยได้ เขาก็เลยไม่ค่อยสนใจเรียนเท่าไหร่ เล่นแต่เกม วันๆทำตัวชิวๆการบ้านก็ดองไว้วันสุดท้ายค่อยมาทำ เราเตือน เราแนะนำเขาอยู่หลายรอบมาก แต่เขาชอบบอกว่าความรู้ ม ต้นพวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องรุ้เพราะว่าเขารู้เขาเก่งเทียบเท่ามหาลัยแล้ว กลายเป็นว่าเขาไม่ตั้งใจเรียนเลย แต่ถึงเขาไม่ต้องใจเรียนแต่เวลาสอบเกรดเขาออกมาดีมาก ก็เราก็ดีใจกับเขาด้วยแหละ แต่เขาก็ชอบบอกว่าเขาเก่งแล้วนี่นั่นนู่น เขาคือชอบทำให้เราขายหน้า ชอบทำเหมือนเราเป็นแบ้เขา คือทุกครั้งที่เราทำผิดหรือตอบคำถามในชั้นเรียนผิดอะ เขาจะชอบบกว่าสมน้ำหน้าแล้วก็ขำตลอด มีครั้งหนึ่งเราล้มเขาก็หัวเลาะดังมากทุดคนคือหันมามองอะ เเละเขาก็ถ่ายคลิปขำๆ แต่เขาก็ช่วยเราอยู่ คือเขาก็จริงใจกับเราอยู่แหละเขาก็พยายามช่วยเหลือเราในเรื่องที่เขาช่วยได้อะนะ ไมได้มีเจตนาอะไรไม่ดีกับเรา แต่เราก็ไม่โอเคกับการกระทำกับนิสัยของเขาอยู่ดีอะ ก็คือเพื่อนAก็เสแสร้งใจดีเพื่อนคนนี้ไม่เคยแกล้งเราเลยพูดกับเราอ่อนหวานมาก ส่วนเพื่อนBก็ชอบแกล้ง แกล้งแรงเอาให้ตัวเองสนุก คืออย่างที่บอกว่าเราเป็นคนที่จริงจังเรื่องเพื่อนมาก เราเคยคบเพื่อนมาหลากหลายแบบหลายนิสัย จริงๆเราเป็นคนเฟรนรี่ทำให้เราได้เข้าหาผู้คนหลายๆแบบ มีเพื่อนมาแล้วหลายคนแต่เลิกคบตลอด เราคิดว่าเราดูคนอออกแ่มองตาเราก็รู้ว่าเขาจริงใจกับเราไหม ก็มีหลายคนที่หมั่นไส้เรานะ เราเข้าใจแหละเพราะว่าเราเป็นหัวหน้าห้องเป็นนักเรียนดีเด่น ผลการเรียนดีอยู่ตลอด นิสัยเราก็มีแต่อ่นหนังสือ ทำให้หาเพื่อนสนิทได้ยาก แต่เพื่อนก็มีเยอะแยะแค่ีไม่ได้สนิท แต่ที่คบกับเพื่อนปัจจุบันได้ก็คือเขาเป็นแนวรักเรียนเหมือนกันแหละมั้ง เรียนเก่งเหมือนกัน ก็เข้ากันได้อยู่ ไม่ใช่ว่าเราไม่คบคนไม่เก่งนะคะ แต่ไม่มีใครมาคบเราต่างหากค่ะ เพราะนิสัยกดดันในการเรียน เราคบเพื่อนได้ทุกแบบขอแค่จริงใจแล้วเข้าใจเราอะนะ แต่ปัจจุบัน สำหรับเราก็คือพอแล้วกับเพื่อนทั้งสองอยากเิกคบมาก รู้สึกไม่เป้นอิสระเลย เราอยากกรับไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิม เราว่าแบบนั้นมีความสุขกว่าเยอะเลยค่ะ ไม่เคยทะเลาะกันนะค่ะ เราอยากออกห่างจากเพื่อนสองคนนี้ คนเริ่มตีตัวออกห่างยังไงดีค่ะ หรือไปบอกเลิกคบเลย หรือยังไงค่ะ เราเคยพยายามไม่ไปไหนมาไหนกับเขาหลายรอบแล้วแต่พวกเขาก็เดินจามอะ หรือควรบอกไปตรงๆ หรือยังไงดีคะ