เบื้องหลังการทำงานนักข่าวภาคสนามต้องทำอะไรบ้าง อยากทำงานนี้ต้องทำยังไง?

JobThai Tips กระทู้นี้เราจะพาไปเจาะลึกงานเบื้องหลังสายนักข่าวกับคุณกิ๊ก นรพร พจน์จำเนียร นักข่าวภาคสนามจากสำนักข่าว one NEWS ช่อง one31 ใครฝันอยากเป็นนักข่าวและอยากรู้ว่าสมัครงานนักข่าวต้องทำยังไงบ้างไปดูกัน 

สัมภาษณ์พี่กิ๊กแบบเต็ม ๆ ได้ที่ >คลิก

นิยามของนักข่าวคืออะไร “นักข่าว” กับ “ผู้ประกาศข่าว” ต่างกันยังไง 
นิยามของคำว่านักข่าว คือ “หมาเฝ้าบ้าน” ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปในข่าว ใครถูกใครผิดก็ว่าไปตามนั้น สำหรับความแตกต่างของนักข่าวกับผู้ประกาศข่าวคือ นักข่าวภาคสนามไปในเหตุการณ์จริงตรงนั้น ส่วนผู้ประกาศข่าวจะมีสคริปต์ออนแอร์อยู่ในสตูดิโอ อยู่ในช่องค่ะ จะอยู่หน้าจอเป็นหลัก ส่วนเราถ้ามีเหตุการณ์หรือว่ามีรายงานสดสถานการณ์ใด ๆ เราก็จะเป็นคนรายงานเข้าไปในสถานี  
  

สำหรับประเภทของนักข่าวก็จะมีนักข่าวออนไลน์ นักข่าวทีวี นักข่าวหนังสือพิมพ์ค่ะ นักข่าวแต่ละกลุ่มก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป อย่างทีวีก็จะเน้นข่าวสั้นทันโลก หนังสือพิมพ์ก็จะมีพื้นที่ในการเขียนข่าว ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ชัดเจนละเอียดยิบ นักข่าวออนไลน์เขาก็จะมีการนำเสนอข้อมูลเป็นวิดีโอสั้น ๆ นำเสนอเข้าใจง่าย 
  

นักข่าวภาคสนามมีความสำคัญยังไง ทำไมทุกช่องต้องมี 
เราเหมือนเป็นตาให้กับกองบรรณาธิการข่าว เวลามีเหตุการณ์ใหญ่ เราจะเป็นคนที่อยู่หน้างาน แล้วเราจะเห็นทุกอย่างว่าตรงนี้เกิดอะไรขึ้น เป็นเหมือนตัวแทน เราก็จะสามารถสรุปได้ว่าจะนำเสนออะไร มีประเด็นอะไรบ้าง แล้วก็จะส่งเข้ามาทางสถานี อีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องความรวดเร็ว เดี๋ยวนี้มันคือการแข่งขัน ใครไปถึงก่อน ได้ประเด็นอะไรดี ๆ ก็จะนำเสนอก่อน อย่างช่อง one31 จะไม่ได้มีโต๊ะข่าวตายตัวว่าจะต้องมีนักข่าวเศรษฐกิจ การเมือง สังคม หรืออาชญากรรม แต่ว่ากองบรรณาธิการเขาจะเข้าใจว่าคนนี้เหมาะกับสายไหน ก็จะมีประจำแบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อย่างเราก็จะรู้เลยว่าเราไม่ไปสายอื่นแน่นอนเพราะว่าเราไม่ค่อยเก็ต เราก็จะมุ่งไปอาชญากรรมอย่างเดียว 
  

กระบวนทำงานของข่าวเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบต้องทำอะไรบ้าง 
ยกตัวอย่างเหมือนถ้าเราจะนำเสนอข่าวสักตัวหนึ่ง สมมติถ้าเป็นสถานการณ์ที่เราสามารถควบคุมได้ เราก็จะมีการประชุมกันในกองบรรณาธิการ ก็คือเรียกว่าเป็นกอง บก. ตามภาษาข่าว นั่งประชุมว่าพรุ่งนี้ ในข่าวเที่ยง ข่าวเย็น ข่าวค่ำ หรือข่าวดึก เราจะมีข่าวอะไรเป็นข่าวนำ ก็คือเป็น 1, 2, 3, 4 เป็นอันดับข่าวตามลำดับความสำคัญ แต่จะมีอีกสถานการณ์หนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็คือถ้าสมมติเกิดเหตุแบบฉุกเฉิน ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือมีใครฆ่ากันตาย กราดยิง อันนี้จะเป็นเวอร์ชันที่เราไม่สามารถที่จะมานั่งบรีฟได้ว่า ต้องทำอะไร 1, 2, 3, 4 แต่เราต้องมีสติให้มากที่สุด คอยดูว่าข้อมูลตอนนี้มันมีถึงไหน แล้วก็รวบรวมข้อมูล พอไปถึงเราก็สามารถรายงานเข้าสถานีได้เลย 
  

ขอยกตัวอย่างข่าวเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางกลางทะเลอ่าวไทย พอเกิดเหตุปุ๊บ ไปถึงหน้างาน ด้วยความที่มันเป็นท่าเรือเอกชน ไม่สามารถเข้าได้ เราเป็นนักข่าวก็ต้องมีวิธีคุยกับเจ้าของว่าขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม หรือว่าขอประสานงาน นักข่าวจะต้องมีวิธีการพูด ให้เขารู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกับเขา 
  

เราจะมีทีมงาน เราเป็นหัวหน้าทีม แล้วจะมีพี่ช่างภาพ กับพี่ผู้ช่วย สามคนนี้ไปไหนก็คือไปด้วยกัน เราจะเป็นคนที่เขียนข่าว คิดข้อมูลต่าง ๆ แตกประเด็นว่าตรงไหนมีประเด็นอะไรบ้าง ส่วนช่างภาพก็จะมีทักษะของเขาในการถ่ายภาพ ภาพไหนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเก็บหรือขาดไม่ได้ เขาก็จะทำหน้าที่ของเขา ส่วนผู้ช่วยช่างภาพ ก็จะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือช่างภาพ ด้วยความที่ตอนนี้มันมีเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น เราก็จะใช้เป็น เช่น มีเครื่อง 3G ที่เป็นเครื่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เอาไว้เสียบกับกล้อง ตัวนั้นจะเป็นตัวที่ยิงเข้าไปสถานีได้เลยว่าตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้น จะเห็นหมดเลย 
 

นักข่าวภาคสนามต้องมีทักษะอะไรบ้าง 
เราต้องรับแรงกระแทกให้ได้ สองก็คือต้องแตกประเด็นให้ได้ เก็บประเด็นทุกอย่างให้ครบ สามก็คือเราจะต้องมีสติสามารถที่จะรวบรวมข้อมูลใส่ในหัวเราได้ แล้วก็สามารถที่จะรายงานได้ทันที นอกจากนี้ก็คือทักษะในการเขียนข่าวที่เป็นพื้นฐานของนักข่าวอย่าง ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เราก็ต้องเก็บให้ครบว่าวันนี้คนคนนี้พูดว่าอะไร 
  

สำหรับทักษะการใช้เครื่องมืออื่น ๆ นักข่าวจะมีบทบาทในการทำเรื่องของการตัดต่อเฉพาะคัดเสียงแหล่งข่าวที่รู้สึกว่าน่าสนใจ ปล่อยเสียงไหนแล้วจะปัง พีก หรือว่าเสียงไหนที่ออกอากาศไปแล้วจะมีคอมเมนต์มาแน่ ก็ต้องเอาเสียงนั้น 
 

แนะนำวิธีการเตรียมตัวสำหรับคนที่อยากเป็นนักข่าว ต้องเรียนจบตรงสายเลยไหม  
จริง ๆ แล้ว การที่เราเข้ามาอยู่จุดนี้ก็เห็นว่าพี่ ๆ นักข่าว พี่ ๆ กองบรรณาธิการต่าง ๆ เขาก็ไม่ได้จบนิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์โดยตรง มีอีกหลายสาขา ภาษาไทย ศิลปะ เขาก็สามารถมาทำงานตรงนี้ได้ อยู่ที่ความชอบมากกว่า ถ้าสนใจในเรื่องของงานข่าวแล้วเรายังเป็นเด็กมหาวิทยาลัยที่กำลังจะฝึกงาน ก็จะมีหลายช่องทางให้ไปฝึกก่อน เช่น สำนักข่าวช่อง 5 ช่อง 7 เราก็จะได้ไปคลุกคลี แล้วถ้ารู้สึกว่าชอบก็จะไปได้ดี  
  

ด้วยความที่เราฝึกน้อง ๆ มา เขาจะมีโอกาสทำหน้าที่เหมือนเราเลยเหมือนเป็นผู้ช่วยเรา เขาจะเขียนข่าวแล้วก็ส่งให้เรา เช่นเดียวกันคนที่เริ่มต้นการทำงานใหม่ ๆ จะตรงสายหรือไม่ตรงสาย ยังไงเข้ามาจุดนี้ ก็ต้องนับหนึ่งใหม่ ต้องมาปูพื้นฐานใหม่ว่าเขียนข่าวยังไง การจะเขียนสกู๊ปเขียนยังไง การจะออกไปรายงานข่าว รายงานยังไง ทุกอย่างล้วนอยู่กับประสบการณ์  ใครเก็บแต้มได้มากกว่า มันก็จะรู้สึกว่าไปทำงานไหนก็ลื่นแล้ว 
  

อาชีพนักข่าวต้องมีเรซูเม่แบบสายงานอื่น ๆ ไหม มีการทดสอบในการสมัครงานยังไงบ้าง 
ตามหลักก็ต้องมี เรามีความโดดเด่นทางด้านไหนบ้าง การตัดต่อ รายงานข่าวได้ ทำสกู๊ปได้ ก็ต้องขายไว้ก่อน มีความสามารถหรือเคยมีประสบการณ์ทางด้านไหนมาบ้าง อย่างที่ไบรท์ทีวีวันแรกจะเป็นการสอบข้อเขียน เกี่ยวกับทักษะว่างานด้านข่าวจะต้องมีความรู้เรื่องไหนบ้าง ก็ตอบข้อเขียนปกติ ส่วนวันที่สองจะเป็นการทดสอบผ่านหน้ากล้อง รายงานว่าตอนนี้ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ยกเหตุการณ์มา  
  

ส่วนคำถามสัมภาษณ์งานของทุกที่ก็คือ ทำไมถึงมาสมัครช่องนี้ นอกจากนั้นก็จะเป็น รับแรงกดดันได้ไหม เราอยากทำที่ไหนก็ต้องรู้ว่าพื้นเพว่าเขาเป็นสไตล์ไหน ต้องมีความรู้เรื่องนี้ด้วย อย่างไบรท์ทีวีตอนนั้นก็จะเป็นแนวสังคม อมรินทร์มีทุบโต๊ะข่าวเป็นแบบสุดโต่ง ฉีก ช่อง one31 ก็จะเป็นอารมณ์แบบการละครนิดนึง มันก็จะต้องให้เข้ากับที่นั่น 
 

สุดท้าย JobThai Tips อยากให้เพื่อน ๆ ชาว Pantip ที่สนใจงานสายนี้ได้ดูสัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำงานของพี่กิ๊กแบบเต็ม ๆ โดยเข้าไปดูได้ที่ >คลิก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่