JJNY : พิธา พบ อดีตปธน. บัมบัง│พายุฤดูร้อน พัดถล่มอุบลราชธานี│SCB EIC หั่นจีดีพีปี 68 เหลือ 1.5%│ไทยตอนบนเกิดพายุฤดูร้อน

พิธา พบ อดีตปธน.ซูซีโล บัมบัง คุย 4 ข้อเปลี่ยนโฉมอินโดนีเซีย ชี้ อาเซียนกำลังเผชิญความท้าทายใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5159033
.
.
พิธา บิน อินโดฯ พบ อดีตปธน.ซูซีโล คุย 4 ข้อเปลี่ยนโฉมประเทศ ในช่วงเวลาที่อาเซียน เผชิญความท้าทายรอบใหม่
.
เมื่อวันที่ 28 เมษายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าได้เข้าพบกับ นายซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย พร้อมระบุว่า
.
“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยือน Pacitan บ้านเกิดของ ดร.สุซิโล บัมบัง ยูโดโยโน (SBY) อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ผู้มีบทบาทสำคัญในการนำพาประเทศผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ด้วยภาวะผู้นำที่มั่นคง รอบคอบ และตั้งมั่นในหลักประชาธิปไตยที่ยังเป็น แรงบันดาลใจในระดับอาเซียน
ในฐานะนักการศึกษา (Visiting Fellow) ผมมีความสนใจและอยากกลับมาอินโดนีเซียอีกครั้ง เพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และทบทวนบทเรียนร่วมกัน ในช่วงเวลาที่ภูมิภาคของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายรอบใหม่
.
เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผมทำงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ (Management Consulting) ผมเคยมีโอกาสร่วมงานกับรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาครัฐ และธนาคารในอินโดนีเซีย ประสบการณ์เหล่านั้นทำให้ได้เห็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมประเทศแห่งนี้อยู่บ้างในอดีต
.
ผมได้พบกับท่าน SBY ครั้งแรกเมื่อปี 2009–2010 ขณะเป็นนักศึกษาที่ Harvard Kennedy School และได้ฟังบรรยายของท่านเกี่ยวกับภาวะผู้นำและการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย
.
ต่อมาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปบรรยายที่ Stanford University และที่นั่นเองที่ได้พบกับ คุณกีตา วิริยาวัน อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ในรัฐบาลของท่านอดีตประธานาธิบดี ซึ่งนำไปสู่การพบปะและการสนทนาในวันนี้
.
เราร่วมกันแลกเปลี่ยนบทเรียนสำคัญ 4 ประการที่เปลี่ยนโฉมอินโดนีเซีย:
.
• Reformasi: การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยหลังยุคอำนาจเบ็ดเสร็จ
• Dwifungsi: หรือ dual function คือการปฏิรูปบทบาทของกองทัพให้อยู่ภายใต้ระบอบพลเรือน หยุดบทบาทหลากหลายของกองทัพให้เป็นมืออาชีพและออกห่างจากการเมือง
• Decentralisasi: การกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยฐานราก
• Masa Keemasan: “ยุคทอง” ที่อินโดนีเซียมีเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจเติบโต และมีบทบาทระดับโลกที่เข้มแข็งขึ้น
.
แน่นอนว่าบริบทและช่วงเวลาของแต่ละประเทศย่อมไม่เหมือนกัน แต่หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เสาหลักทั้งสี่เหล่านี้ — การปฏิรูปสถาบันการเมือง, การปรับสมดุลพลเรือนกับกองทัพ, การกระจายอำนาจ และการสร้างประเทศที่มีเสถียรภาพและความหวัง — ก็คงเป็นวาระสำคัญของไทยเช่นเดียวกัน
.
ในช่วงเวลาที่บทบาทของอาเซียนกำลังถูกทดสอบจากการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ การเดินทางครั้งนี้จึงมีความหมายเป็นพิเศษ
.
โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ การเมืองเชิงอำนาจ (power-based diplomacy) กำลังเบียดบัง การทูตบนกฎกติกา (rule-based diplomacy) — เมื่อฝ่ายเดียวมาก่อนพหุภาคี การแข่งขันมาก่อนความร่วมมือ และชาตินิยมมาก่อนการพึ่งพาอาศัยกัน การสร้างภูมิภาคที่ตั้งอยู่บนหลักการจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็น
.
พรุ่งนี้ ผมจะได้พบกับกับ ดร.มาร์ตี นาตาเลกาวา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ผู้ซึ่งยืนหยัดขับเคลื่อน ความเป็นกลางเชิงรุก การสร้างพหุภาคี และ การเสริมสร้างบทบาทอาเซียน — เสียงที่จำเป็นอย่างยิ่งในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนจากการทูตบนกฎกติกาไปสู่การเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยอำนาจครับ”
.
.

.
พายุฤดูร้อน พัดถล่มอุบลราชธานี หลังคาปลิวว่อน บ้านพังกว่า 100 หลัง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9737495
.
พายุฤดูร้อน พัดถล่มอุบลราชธานี 3 ตำบลเสียหายหนัก ลมกระโชกแรง พัดหลังคาปลิวว่อน ต้นยางโค่นทะลุกลางบ้าน ไฟฟ้าดับกว่า 2 ชั่วโมง บ้านพังกว่า 100 หลัง
.
วันที่ 29 เม.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดพายุฤดูร้อนในพื้นที่ ต.หนองกินเพล ต.บุ่งหวาย และ ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยพายุฤดูร้อนทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรง
.
พัดหลังคาบ้านเรือนที่พักอาศัยของชาวบ้านปลิวเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน และยังมีต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้า ทำให้เกิดไฟฟ้าดับตามถนนทางหลวงหมายเลข 226 และ ทางหลวงชนบทกว่า 2 ชั่วโมง
.
พายุฤดูร้อน พัดถล่มอุบลราชธานี 3 ตำบลเสียหายหนัก ลมกระโชกแรง พัดหลังคาปลิวว่อน ต้นยางโค่นทะลุกลางบ้าน ไฟฟ้าดับกว่า 2 ชั่วโมง บ้านพังกว่า 100 หลัง
.
เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอำเภอวารินชำราบ ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่และใช้รถเครนดึงต้นไม้ขึ้น ก่อนจะทำการตัดกิ่งที่หักออก เพื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าจ่ายไฟให้บ้านเรือนได้ตามปกติ
.
จากสำรวจพื้นที่บ้านโนนบอน บ้านทุ่งบอน ต.บุ่งหวาย ซึ่งเป็น 2 หมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดกว่า 70 หลังคาเรือน โดยบ้านบางหลังถูกกิ่งต้นยางหักลงมาทะลุหลังคา แต่โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
.
ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลบุ่งหวาย ตำบลหนองกินเพล และตำบลคำน้ำแซบ ได้ออกสำรวจความเสียหายเบื้องต้น เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของราชการต่อไป
.

.
SCB EIC หั่นจีดีพีปี 68 เหลือ 1.5% กังวลสงครามการค้าทุบ ศก.ไทยครึ่งปีหลังถดถอย
.
SCB EIC หั่นจีดีพีปี 68 เหลือ 1.5% กังวลสงครามการค้าทุบ ศก.ไทยครึ่งปีหลังถดถอย
.
ปัจจุบันสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำ (Universal tariff) 10% กับเกือบทุกประเทศทั่วโลกแล้ว และเก็บภาษีเฉพาะรายสินค้า (Specific tariff) หลายรายการ เช่น ยานยนต์ เหล็ก อะลูมิเนียม รวมถึงเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) สินค้าจีนสูงถึง 125% (หากรวม Specific tariff จะเป็น 145%) สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้คู่ค้าราว 60 ประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 3 หลังพ้นช่วงเจรจา 90 วัน โดยเอเชียและอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่อาจได้รับผลกระทบสูง เนื่องจากเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง
.
SCB EIC ประเมินภาครัฐทั่วโลกใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อพยุงเศรษฐกิจ แต่ความไม่แน่นอนยังสูง โดยมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ยรวม 75 bps (เดิมมอง 50 bps) เพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้ความเสี่ยงเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเร่งลดดอกเบี้ยรวม 125 bps (เดิมมอง 100 bps) เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่ความเสี่ยงเงินเฟ้อไม่สูงนัก ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (7-day reverse repo) รวม 50 bps ในปีนี้ (คงมุมมองเดิม) และอาจคงระดับอัตราดอกเบี้ยนี้ไม่ให้ต่ำกว่า 1% เพื่อรักษาพื้นที่ทางนโยบายสำหรับเหตุการณ์ด้านลบอื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
.
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน อาจขยายตัวได้ราว 3% ตามการขยายตัวของการส่งออกสินค้าที่เร่งตัวก่อนการขึ้นภาษี การบริโภคภาคเอกชน และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ขณะที่เหตุแผ่นดินไหวเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวชัดเจนขึ้น สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมหลังเกิดเหตุการณ์จนถึงช่วงสงกรานต์ที่ปรับลดลงจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวบางกลุ่มยังคงเติบโตดี เช่น อินเดีย และรัสเซีย
.
เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังเสี่ยงเผชิญ Technical recession จากผลสงครามการค้ารอบใหม่นี้ และความไม่แน่นอนที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบสูงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ  โดยอาจขยายตัวเพียง 1.5% ในปี 2568 (เดิมมอง 2.4%) จากการส่งออกที่จะหดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง และการลงทุนภาคเอกชนที่แผนการลงทุนใหม่ ตลอดจนการบริโภคภาคเอกชนอาจชะลอออกไป ตามแนวโน้มสงครามการค้าที่รุนแรงกว่าคาดและความไม่แน่นอนสูงของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
.
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบสูงจากสงครามการค้า เนื่องจากไทยพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งยังนำเข้าสินค้าจีนมากขึ้นด้วยหลังจากจีนทยอยลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ การประเมินผลกระทบทางตรงผ่านสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐฯ มีแนวโน้มได้รับผลกระทบรุนแรง เนื่องจากไทยพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูง สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปสหรัฐฯ สัดส่วนกว่า 80% จะโดนเก็บอัตราภาษีตอบโต้สูงกว่าประเทศคู่แข่ง รวมถึงการประเมินผลกระทบทางอ้อมผ่านการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะจีนที่โดนกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ สูงมากและตอบโต้กลับในลักษณะเดียวกัน SCB EIC ประเมิน หากสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้สินค้าไทย 36% ตามที่ประกาศไว้จริง มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ จะลดลงสะสมราว 8.1 แสนล้านบาท หลังภาษีประกาศใช้นาน 5 ปี อย่างไรก็ดี ต้องติดตามผลการเจรจาของภาครัฐ เพื่อประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงอย่างต่อเนื่อง 
.
สงครามการค้ารอบใหม่นี้จะส่งผลต่อภาคธุรกิจไทยเป็นวงกว้าง แต่ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบสูง ส่วนใหญ่ผลิตสินค้าที่พึ่งตลาดสหรัฐฯ สูงและอาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่ง หรือเป็นสินค้าขั้นกลางและขั้นปลายที่พึ่งอุปสงค์จีนสูง หรือเป็นสินค้าที่อาจถูกกระทบจาก Global slowdown หรือ China influx เข้าไทยรุนแรงขึ้น เช่น เซมิคอนดักเตอร์ คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สื่อสาร แผ่นวงจรพิมพ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ SCB EIC ยังประเมินว่าลูกจ้างราว 11% ของลูกจ้างทั้งหมดเข้าข่ายที่อาจได้รับผลกระทบสูงตามมา 
.
SCB EIC มองว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้งในปีนี้สู่ระดับ 1.25% ภายในสิ้นปี 2568 เพื่อรองรับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงตามความไม่แน่นอนที่ปรับสูงขึ้นมาก จากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ประกอบกับความตึงตัวของภาวะการเงินที่มีอยู่เดิม โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 30 เม.ย.68  ทั้งนี้ประเมินว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีนี้จะต่ำกว่าช่วงปี 2561–2562 ที่เกิดสงครามการค้า 1.0 ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งขณะนั้นไทยยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่