สว้สดีครับ จริง ๆ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่ออยากจะบอกทุกคนว่า เรารอดแล้วครับ จบสิ้นแล้วกับการต้องมานั่งรอผ่อนผันทหารทุก ๆ ปี เย้ๆๆๆๆๆ 555 วันนี้เลยอยากมาแชร์วิธีการเตรียมตัวเพื่อเกณฑ์ทหารสำหรับชายไทยทุกคนครับ
จริง ๆ เราเป็น LGBT ครับ เราเป็นเกย์ แต่ว่าวิธีที่เราจะแชร์สามารถปรับใช้กับทุกคนได้เลยนะครับ โดยเฉพาะกลุ่มคนประเภท LGBT เพราะว่าอยากช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ตัวเราเองกว่าจะผ่านมาได้ก็เครียดเกือบตายเหมือนกันครับ TT เพราะว่าไม่รู้จะไปถามใครหรือหาข้อมูได้จากไหนจริง ๆ เลยอยากจะแชร์วิธีการเอาไว้ เผื่อเป็นแนวทางให้ใครหลาย ๆ คนได้ครับ
โดยวิธีที่เราจะแนะนำคือ "การขอใบรับรองแพทย์" ครับ ทุกคนอาจจะเคยได้ยินผ่าน ๆ หรือว่าเคยทราบกันมาก่อนแล้วว่าสามารถยื่นใบรับรองแพทย์ในขั้นตอนการตรวจเลือกทหารได้ แต่หลายๆคนก็ไม่รู้ว่าสามารถขอใบรับรองแพทย์ได้ที่ไหน ใบรับรองแพทย์มีน้ำหนักมากพอหรือไม่ บางคนคิดว่าตัวเองปกติ 100% แน่นอน เลยเลือกที่จะไม่ขอใบรับรองแพทย์ใด ๆ เราเองก็เคยคิดแบบนั้น แต่แล้วเราก็เลือกที่จะลองขอใบรับรองแพทย์ดู ผลจะเป็นยังไงช่างมันครับ
ด้วยความที่เราเป็นเกย์ เราเลยเลือกที่จะขอ ใบรับรองแพทย์เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด เพื่อยืนยันว่าเราไม่ใช่ผู้ชายทั่วไปนะ แต่สำหรับผู้ชายคนอื่นๆ เราคิดว่าไปลองขอใบรับรองแพทย์อื่น ๆ ก่อนก็ดีครับ เพราะคิดว่าเราอาจจะยังไม่รู้ว่าร่างกายเราเป็นอะไรกันแน่ ลองตรวจดูก็ไม่เสียหายครับ และที่สำคัญนะครับ สำหรับสาว ๆ LGBT แบบเรา การมีใบรับรองแพทย์ไม่ต้องถอดเสื้อในวันตรวจเลือก เรายื่นใบรับรองแพทย์สวย ๆ ได้เลยยย เริ่ดสุด ๆ
ก่อนถึงวันเกณฑ์ทหาร 1 ปี
เราจะแนะนำให้ทุกคนเตรียมตัวหาข้อมูล และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารครับ พยายามหาประกาศเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ทางกองทหารให้ดำเนินการตรวจร่างกาย ปกติจะเปิดช่วง ต.ค. - ก.พ. ของทุกปี ไม่แนะนำให้ไปตรวจก่อนวันที่ทางกองทหารแจ้งนะครับ เนื่องจากว่าใบรับรองแพทย์จะมีอายุเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ตอนนี้เลยแนะนำให้วางแผนก่อนว่าเราจะตรวจอะไรบ้าง วันไหน และอีกอย่างที่ควรดูคือโรงพยาบาลที่ทางกองทหารรับรอง ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถขอใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นโรงพยาบาลตามที่กองทหารประกาศออกมาเท่านั้น และสำหรับคนที่ต้องการตรวจสภาวะทางจิต โรงพยาบาลที่เลือกก็ต้องมีแผนกจิตเวชด้วยครับ ซึ่งโรงพยาบาลจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบครับคือ
1. โรงพยาบาลทหาร แนะนำให้เราเล็งโรงพยาบาลทหารก่อน เพราะเนื่องจากใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลทหารจะมีน้ำหนักมากกว่า แต่การตรวจก็จะเข้มข้นกว่า และเกณฑ์การตรวจจะเยอะกว่า %ที่จะได้รับใบรับรองแพทย์ก็จะยากขึ้นครับ
2. โรงพยาบาลรัฐบาล อันนี้ก็ได้เหมือนกันครับ การตรวจจะไม่ได้เข้มงวดเท่าโรงพยาบาลทหาร แต่ก็มีหลักเกณฑ์การตรวจที่เป็นกลางนะครับ ไม่ได้ปล่อยจอยขนาดนั้น แต่ว่าน้ำหนักของใบรับรองแพทย์จะไม่เท่าโรงพยาบาลทหาร
ดังนั้น แนะนำให้ทุกคนวางแผนให้ดีเลยครับว่าจะไปเข้ารับการตรวจร่างกายที่ไหน หรือจะไปหลาย ๆ ที่ก็ได้ เพื่อสำรองเอาไว้ เผื่อว่าวันที่เราไปตรวจร่างกายดันมีธุระกระทันหันครับ
ก่อนถึงวันเกณฑ์ทหาร 6 เดือน (ต.ค. - ก.พ.)
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องดำเนินการเตรียมตัวจองคิวเพื่อขอใบรับรองแพทย์แล้วครับ เราลองหาเบอร์ติดต่อโรงพยาบาลที่เราเลือกเอาไว้ สัก 2 - 3 ที่ ไม่ต้องคิดมากนะทุกคน โทรไปก่อน แนะนำให้โทรตั้งแต่วันแรกๆ ที่ทางกองทหารประกาศให้เริ่มตรวจร่างกายได้เลย เพราะว่าคิวค่อนข้างเต็มเร็วมากๆ เพราะฉะนั้นห้ามผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด โทรไปสอบถามว่าอยากขอใบรับรองแพทย์เพื่อเกณฑ์ทหารต้องทำอย่างไรบ้าง เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็จะส่งเรื่องเราไปให้แผนกที่ดูแลเอง สำหรับสาว ๆ LGBT ก็ระบุไปเลยว่าอยากขอใบรับรองแพทย์เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด เจ้าหน้าที่เค้ารู้ๆๆ หากมีการจองคิวก็จะมีการถามชื่อ ข้อมูลส่วนตัว record เอาไว้ และรอไปทำการตรวจร่างกายวันจริงเลย
เราเลือกไปตรวจที่โรงพยาบาลศรีธัญญาเพราะว่าเราทำงานใกล้ๆแถวนี้พอดี สะดวกเราที่สุด แต่ตอนที่เราจองคิวเราโทรไปสอบถามช้าเกิน ประมาณต้นเดือน พ.ย. แล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าคิวเกือบเต็มแล้วนะ เราได้คิวตรวจก็คือกลาง ก.พ. เลย ตอนนั้นเราเลือกอะไรมากไม่ได้ ก็เลยต้องยอม แต่ในใจก็คือเครียดและ ใบรับรองแพทย์จะออกทันก่อนวันตรวจเลือกทหารมั้ย แต่เราถามเจ้าหน้าที่ว่าใบจะออกทันมั้ย เราต้องใช้ตอน เม.ย. เจ้าหน้าที่บอกว่าทันแน่นอน ไม่ทันเค้าไม่รับคิวเราหรอก เราก็อุ่นใจขึ้นมา อย่าลืมถามเจ้าหน้าที่ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้างสำคัญมาก ถ้าฟังไม่ทันก็ถามเค้าใหม่ได้เลย ไม่ต้องกลัวแล้วเพราะว่าถ้าเราได้เป็นทหารจริง ๆ จะน่ากลัวกว่านะ 5555
วันตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลตามวันนัด
อันนี้จากประสบการณ์ที่ไปตรวจมา ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล หมอที่ตรวจ หมอนัดเราให้มาไม่เกิน 7 โมงเช้า เรารออยู่แถว ๆ แผนกเวชระเบียน ตอนนั้นเราก็นั่งรอเค้าเรียกชื่อเพราะว่าเค้าจะลิสต์ชื่อคนที่โทรไปจองแต่ไม่มีใบนัด ให้เดินไปด้านหน้า ก็เดินตามๆ คนอื่นไปเพื่อทำประวัติผู้ป่วยใหม่ และก็ซักประวัติโดยพยาบาลทั่วไปก่อน แนะนำให้เตรียมปากกาไปด้วยเพราะอาจจะต้องมีกรอกฟอร์มใด ๆ เราไม่ได้เตรียมแล้วในโรงพยาบาลไม่มีปากกา ต้องต่อแถวรอใช้ปากกา เสียเวลามาก
จากนั้นเราถูกส่งตัวให้ไปหานักสังคมสงเคราะห์ เค้าก็จะถามเราว่าเรามาทำอะไร ทำไมคิดว่าเราถึงเป็น LGBT นิยามตัวเองว่าอะไร รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ แนะนำให้เป็นตัวเราที่สุด ไม่ต้องเฟค คิดอะไรก็พูดออกมา พยายามนึกถึงตัวเราในอดีต เราชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน เราพูดได้หมด หมอใจดีมาก ๆ ดูเปิดกว้างและตั้งใจรับฟังเรามากเหมือนกัน ทำให้เราสบายใจที่จะเล่าเรื่องของเราให้หมอฟัง
พอเสร็จเราถูกส่งตัวไปที่ห้องตรวจร่างกาย ตอนนี้หมอก็จะชวนคุยเรื่องร่างกาย อยากเป็นผู้หญิงมั้ย แพ้ยาอะไรมั้ย มีภาวะเครียดหรือป่าว เราก็ตอบ ๆ เค้าไปตามตรง ไม่โกหก จากนั้นคุณหมอบอกว่าจะส่งตัวให้ไปคุยกับแผนกนิติเกี่ยวกับเรื่องใบ ส.ด. และการออกใบรับรองแพทย์ เดี๋ยวมีพยาบาลมารับเดินพาไป เราก็ โอเคครับๆ
จากนั้นเราก็ได้ไปที่ห้องนิติเพื่อกรอกฟอร์มว่าเราชื่ออะไร ที่อยู่ปัจจุบัน ทำงานอะไร จบปริญญาไหน กรอกข้อมูลส่วนตัว และเค้าจะนัดหมายวันที่จะให้มารับใบรับรองแพทย์ จากนั้นเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวพาไปทำใบนัดเพื่อเจอกับนักจิต เราจะยังไม่ได้เจอนักจิตวันนี้ ต้องมาอีกทีอาทิตย์หน้าแทน เราก็นัดหมายกับเจ้าหน้าที่ว่าสะดวกวันไหนแล้วรับใบนัดกลับมา เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนั้นไม่ต้องไปรอคิวด้านล่างแล้ว สามารถเดินมาหาเค้าได้เลย
พอถึงวันนัด เราก็มาก่อนเวลาแปบนึง จากนั้นเค้าก็ให้เราเข้าไปทำแบบทดสอบ เราขอไม่ลงดีเทลมากนะครับ เพื่อจะได้ไม่เป็นการ bias จนเกินไป ให้ทุกคนไปเจอด้วยตัวเอง แต่ฟีลจะเหมือนทำข้อสอบเลยครับ เราแค่ตอบตามความเป็นจริง คิดอะไรตอบแบบนั้น และจะมีการได้สัมภาษณ์กับนักจิตด้วย เค้าก็จะถามคำถามเหมือนเดิม เราก็ตอบเหมือนเดิม ไม่ต้องโกหกเป็นตัวเราที่สุดได้เลยครับ นักจิตก็เฟรนลี่ ชวนคุยเก่งด้วยครับ พอทำเทสจบก็ลงมาชำระค่าบริการ ประมาณ 3,000 บาทครับถ้าเราจำไม่ผิด และจากนั้นรอผลใบรับรองแพทย์ ของเราเจ้าหน้าที่บอกว่าจะได้ผลกลาง มี.ค. เลยครับ ถือว่าลุ้นมาก ๆ เพราะใกล้วันตรวจเลือกสุด ๆ วันที่ผลใบรับรองแพทย์ออกก็คือเดินไปที่ห้องนิติได้เลย ไม่ต้องต่อคิวเลยครับ ชิลมาก
พอถึงวันผลออก เราก็เดินไปที่ห้องนิติตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งเอาไว้ ไปถึงเค้าก็ถามชื่อเรา และก็หาใบรับรองแพทย์ที่เป็นชื่อเรา คือใบรับรองแพทย์เค้าจะใส่เอาไว้ในซองจดหมายอีกทีนึงครับ ค่อนข้างลุ้นมาก ๆ พอเจ้าหน้าที่ส่งให้เรา เค้าบอกว่ารบกวนตรวจสอบความถูกต้องของชื่อ และข้อมูลส่วนตัวด้วยนะคะ เราตื่นเต้นมาก พอดึงใบรับรองแพทย์ออกมา เราไม่ได้ดูชื่อก่อน แต่เราดูผลก่อนว่าใบรับรองแพทย์ระบุว่าอะไรบ้าง โดยมันระบุว่า เรามีสภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด!!!!!! เราดีใจมากกกก แต่เรายังไม่มั่นใจเลยส่งให้เพื่อนอ่านอีกรอบว่ามันแปลว่าอะไร ออกแนวเสียสติไปเลย 55555 แต่ว่าก็ต้องมารอลุ้นวันตรวจเลือกอีกว่าเราจะผ่านมั้ย
(เดี๋ยวมาต่อนะครับ ตอนนี้หิวข้าวมากๆๆ)
เตรียมตัวก่อนเกณฑ์ทหาร ฉบับสาว LGBT (แต่ชายไทยก็มาอ่านได้จ้า)
จริง ๆ เราเป็น LGBT ครับ เราเป็นเกย์ แต่ว่าวิธีที่เราจะแชร์สามารถปรับใช้กับทุกคนได้เลยนะครับ โดยเฉพาะกลุ่มคนประเภท LGBT เพราะว่าอยากช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ตัวเราเองกว่าจะผ่านมาได้ก็เครียดเกือบตายเหมือนกันครับ TT เพราะว่าไม่รู้จะไปถามใครหรือหาข้อมูได้จากไหนจริง ๆ เลยอยากจะแชร์วิธีการเอาไว้ เผื่อเป็นแนวทางให้ใครหลาย ๆ คนได้ครับ
โดยวิธีที่เราจะแนะนำคือ "การขอใบรับรองแพทย์" ครับ ทุกคนอาจจะเคยได้ยินผ่าน ๆ หรือว่าเคยทราบกันมาก่อนแล้วว่าสามารถยื่นใบรับรองแพทย์ในขั้นตอนการตรวจเลือกทหารได้ แต่หลายๆคนก็ไม่รู้ว่าสามารถขอใบรับรองแพทย์ได้ที่ไหน ใบรับรองแพทย์มีน้ำหนักมากพอหรือไม่ บางคนคิดว่าตัวเองปกติ 100% แน่นอน เลยเลือกที่จะไม่ขอใบรับรองแพทย์ใด ๆ เราเองก็เคยคิดแบบนั้น แต่แล้วเราก็เลือกที่จะลองขอใบรับรองแพทย์ดู ผลจะเป็นยังไงช่างมันครับ
ด้วยความที่เราเป็นเกย์ เราเลยเลือกที่จะขอ ใบรับรองแพทย์เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด เพื่อยืนยันว่าเราไม่ใช่ผู้ชายทั่วไปนะ แต่สำหรับผู้ชายคนอื่นๆ เราคิดว่าไปลองขอใบรับรองแพทย์อื่น ๆ ก่อนก็ดีครับ เพราะคิดว่าเราอาจจะยังไม่รู้ว่าร่างกายเราเป็นอะไรกันแน่ ลองตรวจดูก็ไม่เสียหายครับ และที่สำคัญนะครับ สำหรับสาว ๆ LGBT แบบเรา การมีใบรับรองแพทย์ไม่ต้องถอดเสื้อในวันตรวจเลือก เรายื่นใบรับรองแพทย์สวย ๆ ได้เลยยย เริ่ดสุด ๆ
ก่อนถึงวันเกณฑ์ทหาร 1 ปี
เราจะแนะนำให้ทุกคนเตรียมตัวหาข้อมูล และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารครับ พยายามหาประกาศเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ทางกองทหารให้ดำเนินการตรวจร่างกาย ปกติจะเปิดช่วง ต.ค. - ก.พ. ของทุกปี ไม่แนะนำให้ไปตรวจก่อนวันที่ทางกองทหารแจ้งนะครับ เนื่องจากว่าใบรับรองแพทย์จะมีอายุเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ตอนนี้เลยแนะนำให้วางแผนก่อนว่าเราจะตรวจอะไรบ้าง วันไหน และอีกอย่างที่ควรดูคือโรงพยาบาลที่ทางกองทหารรับรอง ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถขอใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นโรงพยาบาลตามที่กองทหารประกาศออกมาเท่านั้น และสำหรับคนที่ต้องการตรวจสภาวะทางจิต โรงพยาบาลที่เลือกก็ต้องมีแผนกจิตเวชด้วยครับ ซึ่งโรงพยาบาลจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบครับคือ
1. โรงพยาบาลทหาร แนะนำให้เราเล็งโรงพยาบาลทหารก่อน เพราะเนื่องจากใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลทหารจะมีน้ำหนักมากกว่า แต่การตรวจก็จะเข้มข้นกว่า และเกณฑ์การตรวจจะเยอะกว่า %ที่จะได้รับใบรับรองแพทย์ก็จะยากขึ้นครับ
2. โรงพยาบาลรัฐบาล อันนี้ก็ได้เหมือนกันครับ การตรวจจะไม่ได้เข้มงวดเท่าโรงพยาบาลทหาร แต่ก็มีหลักเกณฑ์การตรวจที่เป็นกลางนะครับ ไม่ได้ปล่อยจอยขนาดนั้น แต่ว่าน้ำหนักของใบรับรองแพทย์จะไม่เท่าโรงพยาบาลทหาร
ดังนั้น แนะนำให้ทุกคนวางแผนให้ดีเลยครับว่าจะไปเข้ารับการตรวจร่างกายที่ไหน หรือจะไปหลาย ๆ ที่ก็ได้ เพื่อสำรองเอาไว้ เผื่อว่าวันที่เราไปตรวจร่างกายดันมีธุระกระทันหันครับ
ก่อนถึงวันเกณฑ์ทหาร 6 เดือน (ต.ค. - ก.พ.)
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องดำเนินการเตรียมตัวจองคิวเพื่อขอใบรับรองแพทย์แล้วครับ เราลองหาเบอร์ติดต่อโรงพยาบาลที่เราเลือกเอาไว้ สัก 2 - 3 ที่ ไม่ต้องคิดมากนะทุกคน โทรไปก่อน แนะนำให้โทรตั้งแต่วันแรกๆ ที่ทางกองทหารประกาศให้เริ่มตรวจร่างกายได้เลย เพราะว่าคิวค่อนข้างเต็มเร็วมากๆ เพราะฉะนั้นห้ามผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด โทรไปสอบถามว่าอยากขอใบรับรองแพทย์เพื่อเกณฑ์ทหารต้องทำอย่างไรบ้าง เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็จะส่งเรื่องเราไปให้แผนกที่ดูแลเอง สำหรับสาว ๆ LGBT ก็ระบุไปเลยว่าอยากขอใบรับรองแพทย์เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด เจ้าหน้าที่เค้ารู้ๆๆ หากมีการจองคิวก็จะมีการถามชื่อ ข้อมูลส่วนตัว record เอาไว้ และรอไปทำการตรวจร่างกายวันจริงเลย
เราเลือกไปตรวจที่โรงพยาบาลศรีธัญญาเพราะว่าเราทำงานใกล้ๆแถวนี้พอดี สะดวกเราที่สุด แต่ตอนที่เราจองคิวเราโทรไปสอบถามช้าเกิน ประมาณต้นเดือน พ.ย. แล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าคิวเกือบเต็มแล้วนะ เราได้คิวตรวจก็คือกลาง ก.พ. เลย ตอนนั้นเราเลือกอะไรมากไม่ได้ ก็เลยต้องยอม แต่ในใจก็คือเครียดและ ใบรับรองแพทย์จะออกทันก่อนวันตรวจเลือกทหารมั้ย แต่เราถามเจ้าหน้าที่ว่าใบจะออกทันมั้ย เราต้องใช้ตอน เม.ย. เจ้าหน้าที่บอกว่าทันแน่นอน ไม่ทันเค้าไม่รับคิวเราหรอก เราก็อุ่นใจขึ้นมา อย่าลืมถามเจ้าหน้าที่ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้างสำคัญมาก ถ้าฟังไม่ทันก็ถามเค้าใหม่ได้เลย ไม่ต้องกลัวแล้วเพราะว่าถ้าเราได้เป็นทหารจริง ๆ จะน่ากลัวกว่านะ 5555
วันตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลตามวันนัด
อันนี้จากประสบการณ์ที่ไปตรวจมา ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล หมอที่ตรวจ หมอนัดเราให้มาไม่เกิน 7 โมงเช้า เรารออยู่แถว ๆ แผนกเวชระเบียน ตอนนั้นเราก็นั่งรอเค้าเรียกชื่อเพราะว่าเค้าจะลิสต์ชื่อคนที่โทรไปจองแต่ไม่มีใบนัด ให้เดินไปด้านหน้า ก็เดินตามๆ คนอื่นไปเพื่อทำประวัติผู้ป่วยใหม่ และก็ซักประวัติโดยพยาบาลทั่วไปก่อน แนะนำให้เตรียมปากกาไปด้วยเพราะอาจจะต้องมีกรอกฟอร์มใด ๆ เราไม่ได้เตรียมแล้วในโรงพยาบาลไม่มีปากกา ต้องต่อแถวรอใช้ปากกา เสียเวลามาก
จากนั้นเราถูกส่งตัวให้ไปหานักสังคมสงเคราะห์ เค้าก็จะถามเราว่าเรามาทำอะไร ทำไมคิดว่าเราถึงเป็น LGBT นิยามตัวเองว่าอะไร รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ แนะนำให้เป็นตัวเราที่สุด ไม่ต้องเฟค คิดอะไรก็พูดออกมา พยายามนึกถึงตัวเราในอดีต เราชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน เราพูดได้หมด หมอใจดีมาก ๆ ดูเปิดกว้างและตั้งใจรับฟังเรามากเหมือนกัน ทำให้เราสบายใจที่จะเล่าเรื่องของเราให้หมอฟัง
พอเสร็จเราถูกส่งตัวไปที่ห้องตรวจร่างกาย ตอนนี้หมอก็จะชวนคุยเรื่องร่างกาย อยากเป็นผู้หญิงมั้ย แพ้ยาอะไรมั้ย มีภาวะเครียดหรือป่าว เราก็ตอบ ๆ เค้าไปตามตรง ไม่โกหก จากนั้นคุณหมอบอกว่าจะส่งตัวให้ไปคุยกับแผนกนิติเกี่ยวกับเรื่องใบ ส.ด. และการออกใบรับรองแพทย์ เดี๋ยวมีพยาบาลมารับเดินพาไป เราก็ โอเคครับๆ
จากนั้นเราก็ได้ไปที่ห้องนิติเพื่อกรอกฟอร์มว่าเราชื่ออะไร ที่อยู่ปัจจุบัน ทำงานอะไร จบปริญญาไหน กรอกข้อมูลส่วนตัว และเค้าจะนัดหมายวันที่จะให้มารับใบรับรองแพทย์ จากนั้นเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวพาไปทำใบนัดเพื่อเจอกับนักจิต เราจะยังไม่ได้เจอนักจิตวันนี้ ต้องมาอีกทีอาทิตย์หน้าแทน เราก็นัดหมายกับเจ้าหน้าที่ว่าสะดวกวันไหนแล้วรับใบนัดกลับมา เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนั้นไม่ต้องไปรอคิวด้านล่างแล้ว สามารถเดินมาหาเค้าได้เลย
พอถึงวันนัด เราก็มาก่อนเวลาแปบนึง จากนั้นเค้าก็ให้เราเข้าไปทำแบบทดสอบ เราขอไม่ลงดีเทลมากนะครับ เพื่อจะได้ไม่เป็นการ bias จนเกินไป ให้ทุกคนไปเจอด้วยตัวเอง แต่ฟีลจะเหมือนทำข้อสอบเลยครับ เราแค่ตอบตามความเป็นจริง คิดอะไรตอบแบบนั้น และจะมีการได้สัมภาษณ์กับนักจิตด้วย เค้าก็จะถามคำถามเหมือนเดิม เราก็ตอบเหมือนเดิม ไม่ต้องโกหกเป็นตัวเราที่สุดได้เลยครับ นักจิตก็เฟรนลี่ ชวนคุยเก่งด้วยครับ พอทำเทสจบก็ลงมาชำระค่าบริการ ประมาณ 3,000 บาทครับถ้าเราจำไม่ผิด และจากนั้นรอผลใบรับรองแพทย์ ของเราเจ้าหน้าที่บอกว่าจะได้ผลกลาง มี.ค. เลยครับ ถือว่าลุ้นมาก ๆ เพราะใกล้วันตรวจเลือกสุด ๆ วันที่ผลใบรับรองแพทย์ออกก็คือเดินไปที่ห้องนิติได้เลย ไม่ต้องต่อคิวเลยครับ ชิลมาก
พอถึงวันผลออก เราก็เดินไปที่ห้องนิติตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งเอาไว้ ไปถึงเค้าก็ถามชื่อเรา และก็หาใบรับรองแพทย์ที่เป็นชื่อเรา คือใบรับรองแพทย์เค้าจะใส่เอาไว้ในซองจดหมายอีกทีนึงครับ ค่อนข้างลุ้นมาก ๆ พอเจ้าหน้าที่ส่งให้เรา เค้าบอกว่ารบกวนตรวจสอบความถูกต้องของชื่อ และข้อมูลส่วนตัวด้วยนะคะ เราตื่นเต้นมาก พอดึงใบรับรองแพทย์ออกมา เราไม่ได้ดูชื่อก่อน แต่เราดูผลก่อนว่าใบรับรองแพทย์ระบุว่าอะไรบ้าง โดยมันระบุว่า เรามีสภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด!!!!!! เราดีใจมากกกก แต่เรายังไม่มั่นใจเลยส่งให้เพื่อนอ่านอีกรอบว่ามันแปลว่าอะไร ออกแนวเสียสติไปเลย 55555 แต่ว่าก็ต้องมารอลุ้นวันตรวจเลือกอีกว่าเราจะผ่านมั้ย
(เดี๋ยวมาต่อนะครับ ตอนนี้หิวข้าวมากๆๆ)