Sinners (2025) - ส่วนผสมสุดคัลท์ของคนดำ แวมไพร์ และดนตรีบลูส์

กำกับโดย Ryan Coogler

ในที่สุดปีนี้ ก็มีหนัง "คนดำ" น่าจับตามองอีกเรื่องมาให้พวกเราได้ดูกันผ่านการกำกับของ Ryan Coogler ที่เคยนำเสนอหนังฮีโร่พันธุ์ใหม่ด้วยคาแรคเตอร์วัฒนธรรมแอฟริกันอย่าง Black Panther (2018) มาแล้ว

ต้องชมว่า Sinners เป็นหนังที่ไอเดียเยี่ยมจริง ๆ แถมดูทรงน่าจะไปถึงออสการ์ Best Picture หรือ Best Screenplay ได้ไม่ยากอีกด้วย

ความรู้สึกหลังชม

- ใครจะไปคิดว่า หนังดราม่าคนดำที่ถูกย่ำยีจากคนขาว จะปรากฏในรูปแบบของ "หนังแวมไพร์" ได้ซะงั้น ทั้งยังผสมด้วย "สไตล์หนังดนตรี" และ "แอ็คชันคนสู้ผี" ดังนั้นความรู้สึกหลังรับชม จึงเป็นความรู้สึกที่ "แปลก" ส่วนผสมที่ไม่น่าเข้ากันได้ถูกคลุกเคล้ากันอย่างกลมกลีน ซึ่งหนังนำเสนอได้อย่างสร้างสรรค์และน่าทึ่งมาก ๆ

- ถ้าพูดถึงส่วนที่ประทับใจ รู้สึกชอบในสตอรี่เกี่ยวกับ "ดนตรี" มากที่สุด หนังใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือในการเล่าได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมุมมองดนตรีในฐานะเครื่องมือเพื่อเชื่อมต่อกับโลกหลังความตาย ดนตรีในฐานะภาษาสากลที่เชื่อมต่อได้กับทุกชนชาติ ดนตรีบลูส์กับวัฒนธรรมของคนดำ รวมไปถึงภาพลบของดนตรีบลูส์ในฐานะสัญลักษณ์ความชั่วร้ายที่สามารถกระตุ้นบาปในจิตใต้สำนึกผ่านจังหวะสุดเร้าใจ

- คิดว่าตัวหนังได้ Inspiration มาจากหนังระดับคลาสสิคหลายเรื่อง

-- From Dusk Till Dawn (1996): หนังของ Robert Rodriguez ที่เล่าถึงสองพี่น้องอาชญากรหนีมากบดานที่บาร์ และเจอแวมไพร์บุกบาร์ (คัลท์สุด ๆ)

-- Django Unchained (2012): หนังคาวบอยของ Quentin Tarantino ที่เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อไถ่ตัวทาสผิวดำ ตัวหนังเต็มไปด้วยลูกบ้า บทสนทนาที่เฉียบคม และซีนตลกร้ายขำไม่ออก

-- Crossroads (1986): หนังดนตรีบลูส์สุดมันส์ของ Walter Hill ที่พูดถึงการผจญภัยของเด็กหนุ่ม และตำนาน Robert Johnson นักดนตรีบลูส์ระดับปรมาจารย์ที่ขายวิญญาณให้กับซาตานเพื่อแลกกับฝีมือระดับพระเจ้า

- หนังมีเทคนิคภาพยนตร์ที่แม่นยำ โดยเฉพาะการใช้เสียงเล่าเรื่องจากปากตัวละครที่มีชั้นเชิง (เทคนิคที่พบบ่อยจากหนังของ Martin Scorsese
) ซ้อนไปกับเหตุการณ์ในเรื่องที่ดำเนินไปคู่กัน 2 layers ทำให้เล่าเรื่องได้กระชับ

การใช้ดนตรีบลูส์และจังหวะบีทเพื่อประกอบอารมณ์ในแต่ละซีนก็ทำได้มีเสน่ห์น่าติดตาม (สำหรับซีนที่ชอบ ชอบซีนแวมไพร์รวมตัวกันร้องเพลง ไอเดียว้าวมาก 😂)

- ข้อเสียคงเป็นความไม่สมเหตุสมผลของแต่ละเหตุการณ์ในเรื่อง อย่างไรก็ตาม โดยรวมหนังทำได้สนุกบันเทิงดี และหากมองในแง่หนังคัลท์ บวกลบคูณหารแล้ว หนังยังทำงานกับคนดูได้ดี

สรุป

เป็นหนัง "คัลท์" ที่โดดเด่นในปีนี้ (และคาดว่าจะเป็นหนังคัลท์คลาสสิคที่คนชื่นชมไปอีกนาน) หนังให้ครบทุกรส ตั้งแต่ดราม่า ดนตรีบลูส์ แอ็คชั่น และความสยองขวัญ

ใครสนใจแนะนำเลย น่าเสียดายถ้าไม่ได้รับชมเรื่องนี้ในโรง !

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ