เมื่อย้อนไปในปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่จัดงานนาฏราชครั้งที่ 6 วงการโทรทัศน์ไทยต่างจับตามองถึงความโปร่งใสและน้ำหนักของ “เสียง” ในการตัดสินรางวัลอย่างจริงจัง เพราะในปีนั้น มีการเปิดเผยว่าคณะกรรมการตัดสิน หรือ “โหวตเตอร์” มีจำนวนมากถึง 584 คน ครอบคลุมหลากหลายสายงาน ตั้งแต่นักวิจารณ์ ผู้ผลิตรายการ ผู้กำกับ นักแสดง นักข่าว ผู้ผลิตละคร นักประพันธ์ ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชนจากทั่วทุกสถานี ซึ่งสะท้อนความตั้งใจของสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ที่ต้องการให้รางวัลนาฏราชเป็นเครื่องชี้วัดคุณภาพจากหลากหลายมุมมอง ไม่ใช่แค่การนิยมชมชอบแบบสาธารณชนทั่วไป
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป 10 ปี ตัวเลขจำนวนผู้ตัดสินกลับหดหายลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในงานนาฏราชครั้งที่ 16 ประจำปี 2568 มีโหวตเตอร์เพียง 340 คนเท่านั้น ซึ่งลดลงจากเดิมถึง 244 คน หรือคิดเป็นประมาณ 41.8% ของจำนวนในปี 2558
คำถามสำคัญคือ อะไรเกิดขึ้นกับกระบวนการคัดเลือกโหวตเตอร์ ?
การลดจำนวนโหวตเตอร์จาก 584 คนในปี 2558 เหลือเพียง 340 คนในปี 2568 ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขที่หายไปเฉย ๆ แต่มันสะท้อนถึง “โครงสร้าง” และ “หลักคิด” ของระบบรางวัลที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ในอดีต ระบบโหวตเตอร์ของนาฏราชถูกออกแบบมาให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการผลิต ผู้กำกับ นักแสดง นักข่าว นักวิจารณ์ นักวิชาการ ผู้ประพันธ์ นักร้อง พิธีกร ไปจนถึงผู้แทนจากสถาบันด้านสื่อสารมวลชน ทั่วทุกสถานี การมีเสียงจากหลายมุมมองเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้นาฏราชแตกต่างจากรางวัลที่มาจาก “โหวตมหาชน” หรือรางวัลของสื่อบางกลุ่ม เพราะมันเป็นเสียงของคนทำงานจริง ๆ ที่คัดเลือกกันเอง
ข้อมูลภายในบางส่วนชี้ว่า กระบวนการคัดเลือกโหวตเตอร์ในช่วงหลังมีแนวโน้มจะจำกัดวงให้แคบลง โดยพิจารณาจาก “ประสบการณ์เฉพาะทาง” หรือ “ความใกล้ชิดกับผลงานในปีนั้น ๆ” มากขึ้น ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นความพยายามลด “เสียงแทรก” ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ก็ส่งผลให้เสียงจากผู้เชี่ยวชาญบางส่วนจากวงนอกอุตสาหกรรมเริ่มถูกกันออกจากระบบอย่างเงียบ ๆ
หากมองในอีกมุมหนึ่ง นี่อาจไม่ใช่แค่การลดปริมาณ แต่เป็นการปรับ
“สมดุลอำนาจ” ในการตัดสินรางวัลให้เข้มข้นขึ้น คำถามคือ จุดสมดุลนั้น “
ยุติธรรม” หรือไม่ ?
เพราะแม้จะดูเหมือนว่าเป็นการเพิ่ม “คุณภาพ” ของเสียงโหวต แต่หากการคัดเลือกโหวตเตอร์ไม่ได้เปิดเผยอย่างโปร่งใส หรือไม่สะท้อนภาพรวมของคนในอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง การลดจำนวนเสียงก็อาจเท่ากับ ลดทอนความหลากหลายทางความคิด
นาฏราช ปรับลดจำนวนโหวตเตอร์จากเดิม 584 คน เหลือเพียง 340 คนภายใน 10 ปี !!
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป 10 ปี ตัวเลขจำนวนผู้ตัดสินกลับหดหายลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในงานนาฏราชครั้งที่ 16 ประจำปี 2568 มีโหวตเตอร์เพียง 340 คนเท่านั้น ซึ่งลดลงจากเดิมถึง 244 คน หรือคิดเป็นประมาณ 41.8% ของจำนวนในปี 2558
คำถามสำคัญคือ อะไรเกิดขึ้นกับกระบวนการคัดเลือกโหวตเตอร์ ?
การลดจำนวนโหวตเตอร์จาก 584 คนในปี 2558 เหลือเพียง 340 คนในปี 2568 ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขที่หายไปเฉย ๆ แต่มันสะท้อนถึง “โครงสร้าง” และ “หลักคิด” ของระบบรางวัลที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ในอดีต ระบบโหวตเตอร์ของนาฏราชถูกออกแบบมาให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการผลิต ผู้กำกับ นักแสดง นักข่าว นักวิจารณ์ นักวิชาการ ผู้ประพันธ์ นักร้อง พิธีกร ไปจนถึงผู้แทนจากสถาบันด้านสื่อสารมวลชน ทั่วทุกสถานี การมีเสียงจากหลายมุมมองเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้นาฏราชแตกต่างจากรางวัลที่มาจาก “โหวตมหาชน” หรือรางวัลของสื่อบางกลุ่ม เพราะมันเป็นเสียงของคนทำงานจริง ๆ ที่คัดเลือกกันเอง
ข้อมูลภายในบางส่วนชี้ว่า กระบวนการคัดเลือกโหวตเตอร์ในช่วงหลังมีแนวโน้มจะจำกัดวงให้แคบลง โดยพิจารณาจาก “ประสบการณ์เฉพาะทาง” หรือ “ความใกล้ชิดกับผลงานในปีนั้น ๆ” มากขึ้น ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นความพยายามลด “เสียงแทรก” ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ก็ส่งผลให้เสียงจากผู้เชี่ยวชาญบางส่วนจากวงนอกอุตสาหกรรมเริ่มถูกกันออกจากระบบอย่างเงียบ ๆ
หากมองในอีกมุมหนึ่ง นี่อาจไม่ใช่แค่การลดปริมาณ แต่เป็นการปรับ “สมดุลอำนาจ” ในการตัดสินรางวัลให้เข้มข้นขึ้น คำถามคือ จุดสมดุลนั้น “ยุติธรรม” หรือไม่ ?
เพราะแม้จะดูเหมือนว่าเป็นการเพิ่ม “คุณภาพ” ของเสียงโหวต แต่หากการคัดเลือกโหวตเตอร์ไม่ได้เปิดเผยอย่างโปร่งใส หรือไม่สะท้อนภาพรวมของคนในอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง การลดจำนวนเสียงก็อาจเท่ากับ ลดทอนความหลากหลายทางความคิด