จะมาเล่าละคร Based on true story แล้วกัน เขียนจากเรื่องจริงๆ ของชีวิตคนจริงๆ
A เป็นลูกคนเดียวเกิดมาในครอบครัวเชื้อสายจีน ในตอนเด็ก ทั้งพ่อและแม่ของน้อง A ไม่รู้เค้าสอนกันมายังไงทั้งพ่อและแม่ของน้อง A รักแต่ครอบครัวญาติพี่น้องของตัวเอง มากกว่าครอบครัวที่เป็นครอบครัวแต่งงานของตัวเอง แต่ในกรณีพ่อยังดีที่ไม่เอาทรัพย์สินของตัวเองไปฝาก หรือ ไปให้ใคร
ญาติทางพ่อไม่ถูกกับแม่(เนื่องจากแม่ไม่เชื่อฟังญาติทางพ่อ)
ญาติทางแม่ก็ไม่ถูกกับพ่อ(เนื่องจากพ่อน้อง A ไม่รวยเท่าเขยอีกคน และ ไม่สปอร์ตเท่า) โอ้ย😤
แต่แม่ของ A รักและเทิดทูนพี่น้องตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงกับพี่น้องของแม่ A สอนว่าให้เอาสมุดบัญชี(ที่เป็นชื่อของแม่ A ไปฝากไว้ที่พี่น้อง เอาเงินไปให้พี่น้องยืม อย่าให้ลูกให้ผัวรู้นะ โดยมีป้าสมมุติว่าชือ C (พี่สาวแม่ A)ที่ไม่ได้แต่งงานและมีความเค็มเป็นที่ 1 เป็นตัวคอยยุ และมีลุงสมมุติว่าชื่อ E (พี่ชายของแม่ A) กระทั่งแม่น้อง A เคยลั่นวาจากับ A ที่ยังเป็นเด็กว่า koo ไม่งั้อลูกอย่าง mung หรอก ยังไง koo ก็มีพี่น้องดูแลกัน
ในช่วงแรกที่แม่น้อง A แต่งงงาน และย้ายไปอยู่บ้านสามี ความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องตัวเองยังหวานชื่น ไปมาหาสู่ทุกอาทิตย์ จนเมื่อปี 2544 แม่ของ A ได้มีภาวะเส้นเลือดสมองตีบ ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ข้างซ้าย ในช่วงแรก คุณลุง E และ เมียของลุง E จะให้ชื่อว่าคุณ F ก็ยังไปมาหาสู่คอยช่วยเหลือแม่น้อง A ในการพาไปหาหมอตามนัด ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา
จนกระทั่ง ปี 2548 น้องสาวของแม่น้อง A ในที่นี้จะให้ชื่อว่า น้า G ที่ได้สามีรวย จะบอกขายบ้านให้ลุง E ในราคาถูก ซึ่งลุง E ได้เรียกแม่น้อง A ไปถามว่าสามารถให้ยืมอีกได้เท่าไร่ คราวนี้แม่น้อง A ได้ตอบไปว่าของเก่ายังคืนไม่ครบ ตอนป่วยก็ไม่มีปัญญาหามารักษา koo ได้ทันเวลา และ น้า G ก็ให้ผ่อนได้ไม่จำกัดระยะเวลาก็ผ่อนกับGคนเดียวไป
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างแม่น้อง A และญาติพี่น้องตัวเองก็แทบขาดสะบั้น ทางครอบครัวลุง E ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่แม่น้อง A เหมือนเดิม และ ไม่ได้มาพาแม่น้อง A ไปหาหมอตามนัดอะไรเหมือนเดิม และหากแม่น้อง A ไปขอความช่วยเหลืออะไร เช่น ให้พาไปหาหมอตามนัด ลุง E เคยตอบว่าผมไม่ใช่แรงวัวแรงควาย , ไม่ว่าง , ต้องทำงาน อะไรประมาณนี้ ส่วนคุณ F ก็สอนแม่น้อง A ว่า "น้อง A โตแล้วมันรู้แล้วว่าอะไรดีไม่ดี อย่าไปรบกับมันมาก ไม่งั้นจะไม่ได้อะไรจากมันเลย" (ทีตอนยังได้ผลประโยชน์ไม่เห็นสอนให้ดีกับลูกตัวเองเลย)🙄
แม่น้อง A ต้องยอมจำนนมาทำดีกับลูกตัวเองมากขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีญาติพี่น้องให้พึ่งแล้วและใช้ชีวิตเรื่อยมา โดยที่แม่น้อง A ทราบอยู่แก่ใจและเคยบ่นให้น้อง A ฟัง และเคยบ่นป้า C ฟังทางโทรศัพท์(น้อง A แอบได้ยินมา)ตั้งแต่ไม่ให้ E ยืม ก็รู้ตัวว่าพวกมันไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับตัวเองแล้ว
จนกระทั่งปี 2553 แม่น้อง A เกิดภาวะเลือดออกในสมอง Subdural hematoma ซึ่งตอนนั้นหมอได้แจ้งว่าหากผ่า Drain เลือด อาจเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ ทางน้อง A ได้แจ้งญาติพี่น้องของแม่ ได้แก่ ป้า C ลุง E ,F ว่าหากแม่เป็นเจ้าหญิงนิทราจริงให้ช่วยกันดูแลด้วย ลูกคนเดียวดูแลไม่ไหว เพราะตอนนั้นป้า C ก็เก็บสมุดบัญชีแม่น้อง A ไว้ และ ลุง E ก็ยังคืนเงินที่ยืมไปครั้งแรกไม่หมด พี่น้องแม่น้อง A ทุกคนปฎิเสธการดูแลแม่น้อง A หมด
แม้จะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งป้า C ลุง E และ F ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องที่ตัวเองเก็บสมุดบัญชีแม่น้อง A ไว้ และ เงินที่ยืมแม่น้อง A ไป ยังคืนไม่ครบ แต่น้อง A รู้อยู่ในใจ☹️
แต่เดชะบุญที่การผ่าครั้งนี้น แม่น้อง A สามารถ Recovery จนเกือบปกติได้ หลังจากออกจาก รพนั้นน้อง A ได้บอกแม่ตัวเองเรื่องญาติพี่น้องไม่ได้ดูแลนะ และ ได้บอกให้แม่ทวงสมุดบัญชีจากป้า C และ เงินที่ลุง E ยืมไปทั้งหมด ลุง E สามารถเอามาคืนทั้งหมดภายในสองชั่วโมง
และก็ต่างคนต่างอยู่มาตั้งแต่นั้น
หลายปีต่อมาตอนพ่อน้อง A เสีย พี่สาวของพ่อน้อง A ได้ขยันไปเรียก ลุง E ให้มางานศพพ่อน้อง A ทั้งที่น้อง A และแม่ไม่ได้มีความประสงค์ให้ลุง E มาเลย เพราะรู้ทุกอย่างอยู่แก่ใจ แต่ลุง E ก็มาเพราะคำเชิญของพี่สาวพ่อน้อง A อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พร้อมบ่นว่าอย่าจัดงานหลายวันเดือดร้อน koo
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตตัวใครตัวมัน บ้านใครบ้านมันอีกหลายปีโดยไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้ไปมาหาสู่หรือคุยกันเลย
จนกระทั่งปี 2566 ลุง E ได้บากหน้าโทรหาน้อง A ทั้งที่ก็ต่างคนต่างรู้กันอยู่แก่ใจ🙄 แจ้งว่า พี่ชายของแม่น้อง A อีกคนที่ไม่ได้แต่งงานเสียชีวิตแล้ว และ ตัว E กำลังจะยื่นขอจัดการมรดกของป้า C และ ลุงที่ไม่แต่งงานอีกคนสมมุติว่าชื่อ J ละกัน
ลุง E เลยต้องบากหน้าโทรหาน้อง A ทั้งที่ร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกันปานจะกลืนกิน เพื่อฝากบอกคุณแม่ให้หน่อย ว่าตัวลุง E จะไปขอตั้งผู้จัดการมรดก ป้า C และ ลุง J เนื่องจากป้า C และ ลุง J ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก สิทธ์ในการรับและจัดการมรดกจึงตกไปอยู่ที่ทายาทลำดับที่ 3
ซึ่งทายาทลำดับที่ 3 ของป้า C และ ลุง J คือ แม่ของน้อง A , ลุง E , น้าG
ก็มีการมาปิดหมายที่หน้าบ้านแม่น้อง A เพื่อแจ้งให้ทราบ ตามขั้นตอนของกฎหมาย
หลังจากได้รับหมาย แม่น้อง A ได้โทรไปหาลุง E ว่าขอแบ่งด้วยนะ แต่ลุง E ได้หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วตอบว่าจะเอาอะไรมาแบ่ง mung ไม่ได้ดูแลเค้า และ บ้าน koo ก็อยู่มาก่อนแล้ว mung จะมาเอาอ่ะไร
(ต้องท้าวความว่าที่จริงบ้านที่เป็นข้อพิพาทอยู่นี้ เป็นบ้านที่แม่น้อง A เคยอยู่กับพ่อแม่พี่น้องมาก่อน และ สมัยนั้น แม่น้อง A ก็มีส่วนร่วมออก ทุกคนมีส่วนร่วมออก โดยการทำงานแล้วแบ่งเงินให้แม่ แม่ก็รวบรวมกันไปซื้อ โดยลุง E คนดีคนเดิม🤮 ไปดำเนินการซื้อในชื่อลุง E เอง ทั้งพ่อแม่พี่น้องทุกคน รวมถึงแม่น้อง A คนโบราณกลัวการไปติดต่อราชการหมด😤 คิดว่าซื้อมาอยู่ด้วยกันชื่อใครก็ได้ ไม่มีปัญหา) 🐃 จริงๆ
แต่ต่อมาก่อนพ่อของแม่น้อง A , ลุง E , ป้า C , น้า G ลุง J จะเสียชีวิต ได้ให้ป้า C และ ลุง J ไปลงชื่อในกรรมสิทธ์บ้านร่วมกับลุง E เพราะกลัวว่าหากพ่อแม่เสียชีวิตไป เดี๋ยวลุง E จะไล่ป้า C และ ลุง J ออกจากบ้าน กลัว C และ J จะไม่มีที่อยู่ เนื่องจาก 2 คนนี้ไม่ได้แต่งงงาน ไม่มีครอบครัว แต่ลูกคนอื่นที่เคยช่วยออกแต่แต่งงานไปแล้วคุณตาคนนี้ไม่ได้คิดถึงแหะ !
หลังจากลุง E ตอบบ่ายเบี่ยงแบบนั้น แม่น้อง A ก็ไม่กล้าทำอะไรต่อ โดยบอกน้อง A ว่าสุขภาพตัวเองก็ไม่ใช่ดี ไม่มีความสามารถไปสู้คืน และ มันอยากได้ก็ให้มันไป เรายังพออยู่ได้ ส่วนตัวลึกๆคิดว่าแม่น้อง A คงยังเกรงใจพี่ชายตัวเองนั่นละ ทั้งที่มันไม่มีอะไรดีต่อกันแล้ว🤔
การยื่นเรื่องจัดการมรดก ของ C ,J ก็เสร็จสิ้นไป ใช้ชีวิตตัวใครตัวมันจนผ่านไป เกือบปี แม่น้อง A ได้ตกอยู่ในสภาพติดเตียง น้อง A ได้โทรแจ้งคุณ E ให้ทราบ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากแจ้ง แต่เพื่อนของน้อง A ได้ให้คำแนะนำว่าเค้าเป็นพี่น้องกัน ให้บอกเผื่อเค้ามีความในใจอะไรต่อกัน ระยะสุดท้าย น้อง A จึงได้โทรแจ้งลุง E ไป
ทางลุง E ได้ส่งคุณ F ภรรยา และลูกสาวคนโตมาเยี่ยมแทน ซึ่งมาไม่เกิน 5-6 นาทีโดยประมาณ
9 เดือนต่อมาแม่น้อง A ได้เสียชีวิตลง โดยที่ก่อนเสียชีวิตน้อง A ได้ดูแลแม่คนเดียวมาตลอด
หลังจากแม่เสียน้อง A ก็ไม่ได้แจ้งพี่น้องของแม่ตัวเองให้รับทราบ เพราะต่างคนต่างรู้แก่ใจ ว่าไม่ได้สนใจอะไรกัน ไม่ได้มีความหวังดีอะไรต่อกันจริง
ปล.1 ในความเห็นเพื่อนๆ pantip คิดว่าน้อง A ยังมีหนทางทำอะไรที่ไม่ต้องเสียเปรียบญาติทางแม่ไปมากกว่านี้มั้ย (ไม่ได้คาดหวังอะไรในทรัพย์สินที่ C ,J หามาเองด้วยนำ้พักน้ำแรง แต่อยากได้ในส่วนบ้านที่แม่ของตัวเองเคยเสียรู้ออกไว้ แต่ไม่ได้อะไรเลย คืนบ้าง)
ปล.2 ขอแท๊กห้องกฎหมายด้วย เนื่องจากมีเรื่องราวทางกฎหมายด้วย
ปล.3 หลังจากอ่านบทละครเรื่องนี้ แล้วเพื่อนๆ คิดเห็นยังไงกับครอบครัวนี้ เชิญวิจารณ์ ให้ความคิดเห็นหน่อย ตามสบาย
ขอแสดงความคิดเห็นกับครอบครัวนี้หน่อยค่ะ
A เป็นลูกคนเดียวเกิดมาในครอบครัวเชื้อสายจีน ในตอนเด็ก ทั้งพ่อและแม่ของน้อง A ไม่รู้เค้าสอนกันมายังไงทั้งพ่อและแม่ของน้อง A รักแต่ครอบครัวญาติพี่น้องของตัวเอง มากกว่าครอบครัวที่เป็นครอบครัวแต่งงานของตัวเอง แต่ในกรณีพ่อยังดีที่ไม่เอาทรัพย์สินของตัวเองไปฝาก หรือ ไปให้ใคร
ญาติทางพ่อไม่ถูกกับแม่(เนื่องจากแม่ไม่เชื่อฟังญาติทางพ่อ)
ญาติทางแม่ก็ไม่ถูกกับพ่อ(เนื่องจากพ่อน้อง A ไม่รวยเท่าเขยอีกคน และ ไม่สปอร์ตเท่า) โอ้ย😤
แต่แม่ของ A รักและเทิดทูนพี่น้องตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงกับพี่น้องของแม่ A สอนว่าให้เอาสมุดบัญชี(ที่เป็นชื่อของแม่ A ไปฝากไว้ที่พี่น้อง เอาเงินไปให้พี่น้องยืม อย่าให้ลูกให้ผัวรู้นะ โดยมีป้าสมมุติว่าชือ C (พี่สาวแม่ A)ที่ไม่ได้แต่งงานและมีความเค็มเป็นที่ 1 เป็นตัวคอยยุ และมีลุงสมมุติว่าชื่อ E (พี่ชายของแม่ A) กระทั่งแม่น้อง A เคยลั่นวาจากับ A ที่ยังเป็นเด็กว่า koo ไม่งั้อลูกอย่าง mung หรอก ยังไง koo ก็มีพี่น้องดูแลกัน
ในช่วงแรกที่แม่น้อง A แต่งงงาน และย้ายไปอยู่บ้านสามี ความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องตัวเองยังหวานชื่น ไปมาหาสู่ทุกอาทิตย์ จนเมื่อปี 2544 แม่ของ A ได้มีภาวะเส้นเลือดสมองตีบ ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ข้างซ้าย ในช่วงแรก คุณลุง E และ เมียของลุง E จะให้ชื่อว่าคุณ F ก็ยังไปมาหาสู่คอยช่วยเหลือแม่น้อง A ในการพาไปหาหมอตามนัด ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา
จนกระทั่ง ปี 2548 น้องสาวของแม่น้อง A ในที่นี้จะให้ชื่อว่า น้า G ที่ได้สามีรวย จะบอกขายบ้านให้ลุง E ในราคาถูก ซึ่งลุง E ได้เรียกแม่น้อง A ไปถามว่าสามารถให้ยืมอีกได้เท่าไร่ คราวนี้แม่น้อง A ได้ตอบไปว่าของเก่ายังคืนไม่ครบ ตอนป่วยก็ไม่มีปัญญาหามารักษา koo ได้ทันเวลา และ น้า G ก็ให้ผ่อนได้ไม่จำกัดระยะเวลาก็ผ่อนกับGคนเดียวไป
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างแม่น้อง A และญาติพี่น้องตัวเองก็แทบขาดสะบั้น ทางครอบครัวลุง E ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่แม่น้อง A เหมือนเดิม และ ไม่ได้มาพาแม่น้อง A ไปหาหมอตามนัดอะไรเหมือนเดิม และหากแม่น้อง A ไปขอความช่วยเหลืออะไร เช่น ให้พาไปหาหมอตามนัด ลุง E เคยตอบว่าผมไม่ใช่แรงวัวแรงควาย , ไม่ว่าง , ต้องทำงาน อะไรประมาณนี้ ส่วนคุณ F ก็สอนแม่น้อง A ว่า "น้อง A โตแล้วมันรู้แล้วว่าอะไรดีไม่ดี อย่าไปรบกับมันมาก ไม่งั้นจะไม่ได้อะไรจากมันเลย" (ทีตอนยังได้ผลประโยชน์ไม่เห็นสอนให้ดีกับลูกตัวเองเลย)🙄
แม่น้อง A ต้องยอมจำนนมาทำดีกับลูกตัวเองมากขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีญาติพี่น้องให้พึ่งแล้วและใช้ชีวิตเรื่อยมา โดยที่แม่น้อง A ทราบอยู่แก่ใจและเคยบ่นให้น้อง A ฟัง และเคยบ่นป้า C ฟังทางโทรศัพท์(น้อง A แอบได้ยินมา)ตั้งแต่ไม่ให้ E ยืม ก็รู้ตัวว่าพวกมันไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับตัวเองแล้ว
จนกระทั่งปี 2553 แม่น้อง A เกิดภาวะเลือดออกในสมอง Subdural hematoma ซึ่งตอนนั้นหมอได้แจ้งว่าหากผ่า Drain เลือด อาจเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ ทางน้อง A ได้แจ้งญาติพี่น้องของแม่ ได้แก่ ป้า C ลุง E ,F ว่าหากแม่เป็นเจ้าหญิงนิทราจริงให้ช่วยกันดูแลด้วย ลูกคนเดียวดูแลไม่ไหว เพราะตอนนั้นป้า C ก็เก็บสมุดบัญชีแม่น้อง A ไว้ และ ลุง E ก็ยังคืนเงินที่ยืมไปครั้งแรกไม่หมด พี่น้องแม่น้อง A ทุกคนปฎิเสธการดูแลแม่น้อง A หมด
แม้จะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งป้า C ลุง E และ F ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องที่ตัวเองเก็บสมุดบัญชีแม่น้อง A ไว้ และ เงินที่ยืมแม่น้อง A ไป ยังคืนไม่ครบ แต่น้อง A รู้อยู่ในใจ☹️
แต่เดชะบุญที่การผ่าครั้งนี้น แม่น้อง A สามารถ Recovery จนเกือบปกติได้ หลังจากออกจาก รพนั้นน้อง A ได้บอกแม่ตัวเองเรื่องญาติพี่น้องไม่ได้ดูแลนะ และ ได้บอกให้แม่ทวงสมุดบัญชีจากป้า C และ เงินที่ลุง E ยืมไปทั้งหมด ลุง E สามารถเอามาคืนทั้งหมดภายในสองชั่วโมง
และก็ต่างคนต่างอยู่มาตั้งแต่นั้น
หลายปีต่อมาตอนพ่อน้อง A เสีย พี่สาวของพ่อน้อง A ได้ขยันไปเรียก ลุง E ให้มางานศพพ่อน้อง A ทั้งที่น้อง A และแม่ไม่ได้มีความประสงค์ให้ลุง E มาเลย เพราะรู้ทุกอย่างอยู่แก่ใจ แต่ลุง E ก็มาเพราะคำเชิญของพี่สาวพ่อน้อง A อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พร้อมบ่นว่าอย่าจัดงานหลายวันเดือดร้อน koo
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตตัวใครตัวมัน บ้านใครบ้านมันอีกหลายปีโดยไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้ไปมาหาสู่หรือคุยกันเลย
จนกระทั่งปี 2566 ลุง E ได้บากหน้าโทรหาน้อง A ทั้งที่ก็ต่างคนต่างรู้กันอยู่แก่ใจ🙄 แจ้งว่า พี่ชายของแม่น้อง A อีกคนที่ไม่ได้แต่งงานเสียชีวิตแล้ว และ ตัว E กำลังจะยื่นขอจัดการมรดกของป้า C และ ลุงที่ไม่แต่งงานอีกคนสมมุติว่าชื่อ J ละกัน
ลุง E เลยต้องบากหน้าโทรหาน้อง A ทั้งที่ร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกันปานจะกลืนกิน เพื่อฝากบอกคุณแม่ให้หน่อย ว่าตัวลุง E จะไปขอตั้งผู้จัดการมรดก ป้า C และ ลุง J เนื่องจากป้า C และ ลุง J ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก สิทธ์ในการรับและจัดการมรดกจึงตกไปอยู่ที่ทายาทลำดับที่ 3
ซึ่งทายาทลำดับที่ 3 ของป้า C และ ลุง J คือ แม่ของน้อง A , ลุง E , น้าG
ก็มีการมาปิดหมายที่หน้าบ้านแม่น้อง A เพื่อแจ้งให้ทราบ ตามขั้นตอนของกฎหมาย
หลังจากได้รับหมาย แม่น้อง A ได้โทรไปหาลุง E ว่าขอแบ่งด้วยนะ แต่ลุง E ได้หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วตอบว่าจะเอาอะไรมาแบ่ง mung ไม่ได้ดูแลเค้า และ บ้าน koo ก็อยู่มาก่อนแล้ว mung จะมาเอาอ่ะไร
(ต้องท้าวความว่าที่จริงบ้านที่เป็นข้อพิพาทอยู่นี้ เป็นบ้านที่แม่น้อง A เคยอยู่กับพ่อแม่พี่น้องมาก่อน และ สมัยนั้น แม่น้อง A ก็มีส่วนร่วมออก ทุกคนมีส่วนร่วมออก โดยการทำงานแล้วแบ่งเงินให้แม่ แม่ก็รวบรวมกันไปซื้อ โดยลุง E คนดีคนเดิม🤮 ไปดำเนินการซื้อในชื่อลุง E เอง ทั้งพ่อแม่พี่น้องทุกคน รวมถึงแม่น้อง A คนโบราณกลัวการไปติดต่อราชการหมด😤 คิดว่าซื้อมาอยู่ด้วยกันชื่อใครก็ได้ ไม่มีปัญหา) 🐃 จริงๆ
แต่ต่อมาก่อนพ่อของแม่น้อง A , ลุง E , ป้า C , น้า G ลุง J จะเสียชีวิต ได้ให้ป้า C และ ลุง J ไปลงชื่อในกรรมสิทธ์บ้านร่วมกับลุง E เพราะกลัวว่าหากพ่อแม่เสียชีวิตไป เดี๋ยวลุง E จะไล่ป้า C และ ลุง J ออกจากบ้าน กลัว C และ J จะไม่มีที่อยู่ เนื่องจาก 2 คนนี้ไม่ได้แต่งงงาน ไม่มีครอบครัว แต่ลูกคนอื่นที่เคยช่วยออกแต่แต่งงานไปแล้วคุณตาคนนี้ไม่ได้คิดถึงแหะ !
หลังจากลุง E ตอบบ่ายเบี่ยงแบบนั้น แม่น้อง A ก็ไม่กล้าทำอะไรต่อ โดยบอกน้อง A ว่าสุขภาพตัวเองก็ไม่ใช่ดี ไม่มีความสามารถไปสู้คืน และ มันอยากได้ก็ให้มันไป เรายังพออยู่ได้ ส่วนตัวลึกๆคิดว่าแม่น้อง A คงยังเกรงใจพี่ชายตัวเองนั่นละ ทั้งที่มันไม่มีอะไรดีต่อกันแล้ว🤔
การยื่นเรื่องจัดการมรดก ของ C ,J ก็เสร็จสิ้นไป ใช้ชีวิตตัวใครตัวมันจนผ่านไป เกือบปี แม่น้อง A ได้ตกอยู่ในสภาพติดเตียง น้อง A ได้โทรแจ้งคุณ E ให้ทราบ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากแจ้ง แต่เพื่อนของน้อง A ได้ให้คำแนะนำว่าเค้าเป็นพี่น้องกัน ให้บอกเผื่อเค้ามีความในใจอะไรต่อกัน ระยะสุดท้าย น้อง A จึงได้โทรแจ้งลุง E ไป
ทางลุง E ได้ส่งคุณ F ภรรยา และลูกสาวคนโตมาเยี่ยมแทน ซึ่งมาไม่เกิน 5-6 นาทีโดยประมาณ
9 เดือนต่อมาแม่น้อง A ได้เสียชีวิตลง โดยที่ก่อนเสียชีวิตน้อง A ได้ดูแลแม่คนเดียวมาตลอด
หลังจากแม่เสียน้อง A ก็ไม่ได้แจ้งพี่น้องของแม่ตัวเองให้รับทราบ เพราะต่างคนต่างรู้แก่ใจ ว่าไม่ได้สนใจอะไรกัน ไม่ได้มีความหวังดีอะไรต่อกันจริง
ปล.1 ในความเห็นเพื่อนๆ pantip คิดว่าน้อง A ยังมีหนทางทำอะไรที่ไม่ต้องเสียเปรียบญาติทางแม่ไปมากกว่านี้มั้ย (ไม่ได้คาดหวังอะไรในทรัพย์สินที่ C ,J หามาเองด้วยนำ้พักน้ำแรง แต่อยากได้ในส่วนบ้านที่แม่ของตัวเองเคยเสียรู้ออกไว้ แต่ไม่ได้อะไรเลย คืนบ้าง)
ปล.2 ขอแท๊กห้องกฎหมายด้วย เนื่องจากมีเรื่องราวทางกฎหมายด้วย
ปล.3 หลังจากอ่านบทละครเรื่องนี้ แล้วเพื่อนๆ คิดเห็นยังไงกับครอบครัวนี้ เชิญวิจารณ์ ให้ความคิดเห็นหน่อย ตามสบาย