เพื่อนผมเกิดที่รัสเซีย มันมีเรื่องจะมาเล่า

สมมติเพื่อนผมชื่อ “แคท” นะครับ มันเป็นผู้หญิงออกห้าว ๆ หน่อย มันเกิดที่รัสเซียแต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ไทย เรื่องนี้มันเจอมาตั้งแต่เด็กจนฝังใจมาถึงปัจจุบัน

*คำเตือน: มีเนื้อหาค่อนข้างดาร์ค ชวนหดหู่



แคทเป็นลูกคนเดียว เกิดที่รัสเซีย พ่อเป็นคนไทย บ้านมันอยู่แถบชานเมืองมอสโคว ล้อมไปด้วยป่า เป็นเหมือนชุมชนเล็ก ๆ ปกครองกันเอง 

ชื่อของชุมชนเป็นภาษารัสเซีย คำแปลประมาณว่า “เมืองแห่งความบริสุทธิ์” ที่นี่เขานับถือคริสต์กัน ประชากรไม่เยอะมาก ในนั้นจะมีโบสถ์ มีโรงเรียน มีสุสาน มีตลาด มีศูนย์อนามัย(คล้าย ๆ รพ.เล็ก ๆ) ค่อนข้างครบวงจร แล้วค่าครองชีพคือถูกมากเมื่อเทียบกับในเมือง ผู้คนก็เฟรนลี่ดี 

ชุมชนนี้จะล้อมด้วยกำแพงปูนสูงใหญ่ ด้านบนมีลวดหนาม มีประตูใหญ่เป็นทางเข้าออกแค่ทางเดียว ซึ่งมีพวกมาเฟียรัสเซียถือปืนคุมอยู่ เขาจะคุมเข้มมากเรื่องการเข้าออกชุมชน พ่อบอกว่ากันคนลักลอบเข้ามา

ผู้นำชุมชนเป็นบาทหลวงอายุ 60 กว่า ๆ รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ สมมติแกชื่อ “หลวงพ่ออิวาน” ชาวบ้านเชื่อว่าแกรักษาคนได้ ก็เลยนับถือกัน แกจะรักษาคนที่โบสถ์ทุกวันอาทิตย์(เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ) ลูกน้องแกก็จะเป็นพวกแก๊งมาเฟียนี่แหละ ค่อนข้างมีอิทธิพลอยู่

แคทได้เข้าโรงเรียนกับเด็กคนอื่น ๆ ก็เป็นโรงเรียนคริสต์ธรรมดา สอนศาสนาเป็นหลัก แต่จะเน้นเฉพาะนิกายที่ชุมชนนี้นับถืออยู่ นอกจากศาสนาแล้ว คุณครูที่เป็นแม่ชีก็จะสอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับความเป็นมาของชุมชน คุณงามความดีของหลวงพ่ออิวาน สอนว่าเป้าหมายของชุมชนนี้คือการสร้าง “คนที่เกิดมาพร้อมความบริสุทธิ์” ที่จะมารับใช้พระเจ้าและขับเคลื่อนโลกใบนี้

ที่โรงเรียนรุ่นพี่จะเรียนจบไม่พร้อมกัน บางคนอายุ 15-16 ก็จบแล้ว บางคนก็ 20 กว่า ๆ ผู้หญิงมักจะเรียนจบก่อนผู้ชาย พอมีคนเรียนจบครูก็จะมาพูดแสดงความยินดี บอกว่าพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ และเวลาของเขาได้มาถึงแล้ว ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างและดำรงไว้ซึ่ง “ความบริสุทธิ์” ตามความต้องการของหลวงพ่ออิวาน

แคทจะพูดรัสเซียกับเพื่อน ๆ และคุณครู แต่ที่บ้านพ่อจะฝึกให้มันพูดไทยเพื่อสื่อสารกันในบ้าน พ่อบอกว่าสักวันหนึ่งจะพาไปอยู่ไทย รอเก็บเงินก่อน มันบอกพ่อว่าไม่ต้องไปก็ได้ อยู่นี่ก็ดีแล้ว แต่พ่อน่าจะอยากกลับไทยจริง ๆ มันเห็นพ่อหยิบเอารูปเก่า ๆ สมัยอยู่ที่ไทยขึ้นมาดูบ่อย ๆ บางวันก็จะมาเล่าให้ฟังว่าประเทศไทยเป็นยังไง

แคทมันมีนิสัยห้าว ๆ ลุย ๆ ตั้งแต่เด็กละ มันชอบไปสนามเด็กเล่น ไปเล่นกับเด็กผู้ชาย พวกนั้นจะมีเครื่องเล่นเกม มันก็ไปขอเล่นด้วย สมัยนั้นมันมีมือถือเครื่องเดียว ไม่ใช่สมาร์ทโฟน ที่บ้านก็ไม่มีคอมพิวเตอร์ มันโตมากับทีวี กับหนังสือเป็นหลัก

ชุมชนจะไม่มีอินเทอร์เน็ต ทีวีก็จะมีแต่ช่องที่มาจากสถานีในเครือเดียวกัน เหมือนชุมชนนี้เป็นแขนงย่อยของเครือข่ายศาสนาที่ค่อนข้างใหญ่ ทีวีจะมีรายการเกี่ยวกับศาสนาเยอะมาก พวกการ์ตูนก็จะสอดแทรกคำสอนลงไป ที่มันเจอบ่อยสุดก็เกี่ยวกับ “การสร้างคนที่บริสุทธิ์” นี่แหละ

ขนาดหนังสือยังไม่เว้น ไม่ว่าจะห้องสมุดที่โรงเรียน หรือห้องสมุดประจำชุมชน จะมีหนังสือที่พูดถึง “ความบริสุทธิ์” เต็มไปหมด พวกหนังสือการ์ตูน นิยาย ที่เอาไว้อ่านเล่น ก็จะแทรกคำสอนพวกนี้ลงไปด้วย แล้วก็จะไม่มีหนังสือพิมพ์ ดังนั้นข้อมูลจากโลกภายนอกก็จะไม่มีใครรู้เลย

พ่อของแคทมาที่รัสเซียสมัยหนุ่ม ๆ แล้วก็โดนคนรู้จักชักชวนให้เข้าชุมชน สุดท้ายได้ทำงานค้าขายที่ตลาด ถึงแม้จะอายุมากแต่ก็ขยันทำงาน(ตอนมันเกิดมาพ่อก็เกือบ 40 ละ) ทุกวันจะมีรถส่งของจากในเมืองเข้ามา พ่อก็จะมารับไปขาย ส่วนใหญ่เป็นอาหารสด รายได้ก็พอประมาณ พอมีกินมีเก็บ 

พ่อจะเป็นคนตัวสูงใหญ่ มีแผลเป็นที่คิ้วข้างซ้าย แต่นิสัยค่อนข้างใจเย็น ดุด่าแบบมีเหตุผล แล้วก็เหมือนมันรู้สึกได้ว่าพ่อไม่ค่อยอินกับศาสนาคริสต์เท่าไหร่ ช่วงแรก ๆ พ่อจะเป็นคนไปรับมันหลังเลิกเรียนแล้วเดินกลับบ้านด้วยกัน หลัง ๆ มามันโตขึ้นก็ได้เดินกลับเอง วันไหนมันอยากได้อะไรถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงพ่อก็จะไปหามาให้ ก็ถือว่าดูแลดีพอสมควร

พูดถึงเรื่องแม่บ้าง ย้อนกลับไปเท่าที่มันจำความได้ มันไม่ได้เจอแม่ทุกวัน สมัยยังเด็กมาก ๆ แม่จะมาเล่นด้วยเป็นครั้งคราว ตอนกลางคืนก็จะมากล่อมนอน มาร้องเพลง มาเล่านิทานให้ฟัง 

แม่จะชอบนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว พอมันเดินไปหาแม่ก็อารมณ์ดีขึ้น บางวันมันเห็นแม่เดินไปมาอยู่ในบ้าน แต่เรียกแล้วไม่ได้ยิน มันเดินตามแม่ไปก็ไม่เห็นแล้ว

วันหนึ่งมันเดินตามแม่ออกไปนอกบ้าน แม่เดินไปยืนอยู่กลางถนน มันกำลังจะตามไป แต่ตอนนั้นพ่อมาอุ้มมันเข้าบ้านพอดี ภาพสุดท้ายที่เห็นคือมีรถขับมาชนแม่อย่างแรง มันเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ทั้งวันไม่กินไม่นอน

เวลาผ่านไปมันก็เห็นภาพแบบเดิมอีก แต่พ่อล็อกประตูไว้มันเลยออกไปไม่ได้ มันเห็นแม่โดนรถชนซ้ำไปซ้ำมา จนเริ่มชินชา แล้วอีกไม่กี่วันแม่ก็มาหาใหม่ มาเล่นด้วย มากล่อมนอน

พอมันเริ่มโตพ่อก็เล่าให้ฟังว่ารักแม่มาก แต่พ่อจำใจต้องแยกทางกับแม่ตั้งแต่มันเกิด พ่อบอกว่าแม่ตายไปนานแล้ว ตายตั้งแต่มันอายุ 7 เดือน แรก ๆ มันก็ไม่เข้าใจว่า “ตาย” คืออะไร แล้วเหมือนพ่อจะรู้ว่ามันเห็นแม่มาหา พ่อก็เลยบอกว่าการ “ตาย” คือการไปอยู่อีกที่หนึ่งแบบถาวร จะแวะเวียนมาหาได้แค่บางครั้ง แต่ไม่ตลอดไป สักวันก็จะไม่ได้เจอกันอีก

พ่อชอบพามันไปที่หลุมศพแม่ บอกว่าแม่อยู่ข้างล่าง นอนหลับอยู่และจะไม่ตื่นอีกเลย นี่แหละคือการตาย พ่อบอกว่าที่มันเห็นคืออีกตัวตนของแม่ ที่จะแวะมาหาได้แค่บางครั้งเท่านั้น

กว่ามันจะเข้าใจทั้งหมดนี้ได้ก็ใช้เวลาหลายปี เพราะมันเห็นแม่มาหาจริง ๆ สุดท้ายมันก็รู้จักคอนเซปท์ของคำว่า “วิญญาณ” หรือ “ผี” ตอนมันโตขึ้นมาอีกหน่อย 

มันไม่เคยกลัวผีแม่ตัวเอง เพราะมันรู้สึกผูกพันมากกว่า แต่ยิ่งมันโตขึ้นมันก็เห็นแม่ไม่บ่อยแบบเมื่อก่อนแล้ว ส่วนใหญ่จะเห็นวับ ๆ แวม ๆ ไม่ก็เป็นเสียง เป็นเงาดำ ๆ ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน เป็นความรู้สึกที่เหมือนมีคนมาอยู่ด้วย เป็นไออุ่นที่บางครั้งมันก็สัมผัสได้ มานอนอยู่ข้าง ๆ มันตอนกลางคืน

ภาพของแม่ที่ไปยืนกลางถนนให้รถชน มันก็ยังเห็นอยู่เรื่อย ๆ มันรู้สึกสงสารจับใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อบอกว่าแม่ตายแบบนั้นแหละ แต่ไม่ยอมบอกว่าทำไม 

ที่จริงตอนนั้นมันรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้อยมาก นอกจากที่พ่อแยกทางกับแม่ตั้งแต่มันเกิด กับแม่ฆ่าตัวตายตอนมันอายุ 7 เดือน มันก็ไม่รู้อะไรอีกเลย พ่อชอบบ่ายเบี่ยงไม่เคยเล่าให้ฟังสักที

นาน ๆ ครั้งที่แม่มาให้เห็นชัด ๆ แม่จะมาพูดด้วย เป็นภาษาไทย ประมาณว่าให้หนีออกไปจากชุมชนนี้ ไปบอกพ่อให้พาหนีไป จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ มันอันตราย มันก็พยายามอธิบายว่ามันไม่เป็นไร มันสบายดี มันไปบอกพ่อเรื่องที่แม่พูดให้ฟัง พ่อก็บอกว่าเก็บเงินอยู่ เดี๋ยวพาออกไปแน่ ๆ 

ทุกครั้งที่เห็นแม่มาหา แม่จะดูเด็กอยู่เสมอ ไม่แก่ขึ้นเลย ช่วงที่มันอายุย่างเข้า 10 ขวบ มันรู้สึกเหมือนกับแม่เป็นพี่สาวคนหนึ่ง เพราะแม่ดูเด็กมาก แทบไม่เปลี่ยนจากตอนที่เจอกันแรก ๆ แม้แต่นิดเดียว

—-
มีต่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่