สะพานข้ามเกาะช้าง หมื่นล้าน จี้รัฐทบทวน…ผลประโยชน์เพื่อใคร ?

“สะพานข้ามเกาะช้าง” เมกะโปรเจ็กต์ของจังหวัดตราดที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าโครงการก่อสร้างกว่า 10,000 ล้านบาท ด้วยศักยภาพความสำคัญด้านเศรษฐกิจของเกาะช้างที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับประเทศ มีนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศมาท่องเที่ยวกันปีละ 1.6 ล้านคน สร้างรายได้ปีละ 16,000-17,000 ล้านบาท ถือเป็นกว่า 70% ของรายได้รวมจังหวัด

ยกคุณภาพชีวิตคนเกาะ
โดยที่ผ่านมาสะพานข้ามเกาะช้างถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่คนบนเกาะช้างและผู้ประกอบการที่เข้ามาทำธุรกิจรอคอยกันมานาน โดยปี 2559 ทางสมาคมอนุรักษ์ธรรมชาติและพิทักษ์สิ่งแวดล้อมตราด ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชน ภาครัฐ จำนวน 103 คน 80% เห็นด้วยกับการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ ด้านคุณภาพชีวิตของชาวเกาะช้างเป็นอันดับ 1

โดยเฉพาะเมื่อเจ็บป่วยเวลากลางคืน ไม่สะดวกในการหาเรือมาโรงพยาบาลบนฝั่ง รวมถึงเด็ก ๆ บนเกาะไม่สะดวกในการเดินทางมาโรงเรียน ถ้ามีสะพานจะทำให้การดำเนินชีวิตประจำดีขึ้น และอันดับ 2 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่หลังจากรับฟังความคิดเห็นช่วงต้นก็ไม่มีการสานต่อโครงการ

จนมาถึงปี 2563 คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยจังหวัดตราดเห็นชอบให้จังหวัดขับเคลื่อน ซึ่งทางจังหวัดได้เสนอเรื่องให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการ แต่เมื่อเดือนมกราคม 2564 กรมทางหลวงชนบทพิจารณาแล้วเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องใช้งบประมาณก่อสร้างมาก

รวมทั้งต้องใช้เทคนิคและข้อกำหนดพิเศษทางด้านวิศวกรรมในการออกแบบก่อสร้าง จำเป็นต้องศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ประกอบกับแนวก่อสร้างโครงการพาดผ่านทะเลอ่าวไทย ผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 2 จะต้องทำรายงาน EIA กระทรวงคมนาคมจึงให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เข้ามาดำเนินการ และได้เข้ามาศึกษาแนวเส้นทางที่จะก่อสร้าง และจุดขึ้น-ลงสะพาน

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
เปิดประชาพิจารณ์แต่ตั้งธงมา
ที่ผ่านมา กทพ.ได้เข้ามาศึกษาและมีแนวทางเส้นทางมาให้ประชาชนในพื้นที่เลือก 4 แนวเส้นทางที่จะก่อสร้างสะพาน และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอน ครั้งที่ 1 ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 1 และ 2 ซึ่งตามขั้นตอน กทพ.เก็บรวบรวมข้อมูล

และได้มาเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยนำเสนอว่า กทพ.ได้พิจารณาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมแล้วเห็นควรให้เลือกแนวที่ 3 พร้อมขอความเห็นของประชาชนในพื้นที่ ปรากฏว่าประชาชนในพื้นที่ยังยืนกรานแนวทางที่ 1 และ 2 เช่นเดิม พร้อมขอให้ กทพ.ทบทวนแนวเส้นทางที่ 3 ที่เลือกไว้
โดย นายชาญวิทย์ อาจสมิติ ผู้จัดการโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จ.ตราด ให้ข้อมูลว่า การประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ทุกคนต้องการสะพานข้ามเกาะช้างเพราะสร้างประโยชน์ได้มาก ส่วนใหญ่ต้องการให้สร้างเส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 ที่เชื่อมกับฝั่งด้าน อ.แหลมงอบ เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวกรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจ อ.แหลมงอบ อ.เมืองตราด ขยายตัว

ส่วนเส้นทางเลือกที่ 3 และ 4 จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะช้าง และด้วยมิติทางวิชาการ 3 ด้าน คือ ด้านวิศวกรรมและการจราจร ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน และด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมิติด้านเศรษฐกิจและการลงทุนได้คะแนนสูงสุดกว่าทุก ๆ ด้าน ซึ่งพิจารณาค่าลงทุนตามระยะทาง เส้นทางเลือกที่ 3 มีความเหมาะสมที่สุด ด้วยระยะทาง 5.90 กม. งบฯก่อสร้างประมาณ 10,000 ล้านบาท

เปรียบเทียบกับเส้นทางเลือกที่ 1 ระยะทาง 9.82 กม. หรือเส้นทางที่ 2 ระยะทาง 9.92 กม. งบประมาณในการก่อสร้างจะต้องเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ประมาณเกือบ 20,000 ล้านบาท

“การเวตน้ำหนักด้านวิศวกรรมและการจราจร 90 คะแนน หรือคิดเป็น 30% ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน 105 คะแนน หรือคิดเป็น 35% และด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม 105 คะแนน หรือคิดเป็น 35% การพิจารณาด้านวิศวกรรม ระยะทางน้อยกว่า จะใช้เวลาก่อสร้างสั้นกว่า จะได้คะแนนเต็ม ด้านเศรษฐกิจการลงทุนจะมีค่าก่อสร้างเวนคืนที่ดิน และระยะเวลาบำรุงรักษาระยะทางสั้นคุ้มค่ากว่า และโครงการนี้ต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)” นายชาญวิทย์กล่าว

นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เส้นทางเลือกที่ 3 ระยะทาง 5-6 กม. งบประมาณ 10,000 ล้านบาท การเวนคืน 2,000 ล้านบาท ขณะที่เส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 ลงทุน 17,000-18,000 ล้านบาท หากใช้งบประมาณน้อย กทพ.ลงทุนเองได้ โครงการเกิดขึ้นแน่นอนตามแผนที่จะก่อสร้างปี 2572-2576 จริง ๆ เส้นทางเลือกที่ 1-3 ระยะทางห่างกัน 10 กม. ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที

โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอเฟอรี่ 2-3 ชม. อย่างไรก็ตาม กทพ.จะพิจารณาทบทวนข้อเสนอต่าง ๆ ทั้งหมดอย่างรอบด้าน และปลายปี 2568 จะรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ชูท่องเที่ยวไม่เอาทางด่วน
ทพญ.วิภา สุเนตร ประธานหอการค้าจังหวัดตราด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากประสบการณ์ที่มีท่าเรือเฟอรี่ให้บริการไปเกาะช้างที่บ้านธรรมชาติ ฝั่ง อ.แหลมงอบ ที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงา เห็นด้วยที่จุดขึ้นลงจะอยู่ที่ อ.แหลมงอบ เส้นทางเลือกที่ 1 แม้ว่ามูลค่าการก่อสร้างจะเพิ่มสูงขึ้น

แต่จะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจจังหวัดตราดขยายตัว เปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอต่าง ๆ จากที่รัฐบาลมีงบฯช่วยพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน คิดมุมกลับจะได้ผลตอบแทนงบฯที่ลงทุนไป เข้าใจว่าในแง่ของการลงทุนเส้นทางเลือกที่ 3 คุ้มค่าที่สุด แต่ในเมื่อเส้นที่ 1 และ 2 มีผลต่อเศรษฐกิจของจังหวัดตราด ควรจะมีข้อมูลส่วนใดสนับสนุนเพื่อประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมตัดสินอีกครั้ง และส่วนต่างของงบฯการลงทุนก่อสร้างเป็นไปได้หรือไม่ที่ภาครัฐจะช่วยสนับสนุน

“เห็นด้วยกับความสำคัญที่จะก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนเกาะช้างได้ใช้เดินทางมาเรียน รักษาพยาบาล ทำธุระต่าง ๆ ในตัวเมือง ซึ่งเส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 สะดวก รวดเร็ว และยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวก รวดเร็วมากขึ้น อาจจะพักค้างในเมืองเพิ่มขึ้นจากการมาพักเกาะช้าง และการออกแบบควรเป็น “สะพานเพื่อการท่องเที่ยว” เป็นแลนด์มาร์ก มีเอกลักษณ์ของเกาะช้างที่ไม่ใช่ทางด่วนทั่ว ๆ ไปให้นักท่องเที่ยวเห็นบรรยากาศ ความสวยงาม รวมทั้งควรกำหนดการใช้ความเร็ว ไม่ต้องใช้ความเร็วสูงเหมือนทางด่วนทั่วไป ด้วยระยะเวลาเพียง 5-6 กม. และควรมีพื้นที่พิเศษสำหรับจักรยานยนต์ จักรยาน ทางเดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด” ทพญ.วิภากล่าว

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
สะพานเพื่อจันทบุรีหรือตราด
นายธรา วัฒนวินิน ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ตราด และประธาน กกร.ตราด กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็น ครั้งที่ 1 ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเส้นทางเลือกที่ 1 เมื่อมารับฟัง ครั้งที่ 2 ผลการคัดเลือกเป็นเส้นทางเลือกที่ 3 โดยเส้นทางเลือกที่ 1 ด้านวิศวกรรมและการจราจรได้คะแนนมากกว่า

แต่ด้านเศรษฐกิจการลงทุนคะแนนน้อยกว่า 9 คะแนน ยังมีความคลางแคลงใจทางเลือกที่ 3 ของ กทพ.เรื่องตัวเลขวัดความคุ้มค่าจากปัจจัยอะไรบ้าง ควรพิจารณาประเด็นการลงทุนใหม่ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด 7 อำเภอ ถ้าตัวเลขคะแนนสูงสุดเป็นเส้นทางเลือกที่ 1 ควรเปลี่ยนแปลง

“โครงการนี้เป็นเมกะโปรเจ็กต์ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดตราด โดยภาพรวมควรมอง Outcome มากกว่า Input Output ถ้ามอง Outcome เส้นทางที่ 1 จังหวัดตราดทุกอำเภอ ทั้ง 7 อำเภอได้ทั้งหมด แต่เลือกเส้นทางที่ 3 คือจังหวัดจันทบุรีได้ไปเต็ม ๆ” นายธรากล่าว

เช่นเดียวกับ นายสุทธิลักษณ์ คุ้มครองรักษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก กล่าวว่า ดูเหมือนว่าสะพานมีการคอมมิตเมนต์กันแล้ว 90% ด้วยงบประมาณเม็ดเงินที่ไม่สูงมาก กทพ.สามารถลงทุนได้ ไม่ต้องกู้และจะทำได้เลยไม่ยุ่งยาก การเปลี่ยนแปลงน่าจะยาก

แต่เห็นว่าเส้นทางเลือกที่ 1 สอดคล้องกับการพัฒนาจังหวัดตราด ที่โครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดมาจากภาคท่องเที่ยวมากกว่า 50% เส้นทางเลือกที่ 3 จะตอบสนองการท่องเที่ยวเฉพาะเกาะช้าง ซึ่งในข้อย่อยของการท่องเที่ยว เส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 ได้ 9 คะแนน แต่เส้นทางที่ 3 และ 4 ได้ 4 คะแนน จุดขึ้นลงบนเกาะช้างไม่มีปัญหาตรงไหนก็ได้ แต่ฝั่งแหลมงอบควรเป็นแนวเส้นทางเลือกที่ 1

และ 2 ไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างสะพานแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่าการประชุมรับฟังความคิดเห็นของชาวตราด แต่ทาง กทพ.ได้ตัดสินใจแทนคนจังหวัดตราดไปแล้ว


อ่านต่อได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หมายเหตุ ประชากรบนเกาะช้างที่อาศัยอยู่จริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่