เด็กจบใหม่ที่ทำงานได้ไม่กี่วัน เครียดจนกินข้าวไม่ลง ไม่มีความอยากอาหาร และไร้อารมณ์

จากหัวข้อเลย เราเครียดมากจนกินข้าวไม่ลง กินได้น้อย ความอยากอาหารลดลง
เราขอแบ่งเรื่องที่จะเล่าให้ฟังเป็น 3 หัวข้อ 1.ชีวิตหลังเรียนจบ 2.การทำงานในงานแรก ครั้งแรก 3.ความรู้สึก

1.ชีวิตหลังเรียนจบ
เกริ่นก่อนเราเรียนจบมาในสายงานที่ไม่ค่อยรองรับต่อความต้องการ เรียนจบเมื่อปี 2567 เดือนเมษา ก็เป็นมหาลัยที่ดังของประเทศTOP 5 แหละ พอเรียนจบมาเราอยากให้เวลาตัวเองหลังจากเรียนมาตลอด 17 ปี เที่ยวบ้าง เล่นบ้าง แต่ในระหว่างนั้นเราก็หางานทำไปด้วย เราใช้เวลาหางานตั้งแต่เรียนจบ มาเป็นเวลา 11 เดือน ใช่ค่ะ เราหางานแรก 11 เดือน ในระหว่างนั้นก็เครียดมากเพราะ HR. มักรับคนที่มีประสบการณ์ แต่เราเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์เลย ไหนตอนหางานต้องรีบหาเพราะถ้าว่างงานเกิน 1 ปี พร้อมกับอายุที่จะแตะ 25 แล้ว HR.ก็ไม่อยากรับ เราสมัครงานค่อนข้างตรงสาย สมัครไปเป็นร้อยที่ ไม่ได้หว่านเรซูเม่มั่วๆแต่คัดบริษัทที่คุณสมบัติเราได้ ต้องมาหาบริษัทว่า บริษัทไหนเดินทางง่าย เงินเดือนไม่หดหู่ เนื้องาน สภาพแวดล้อม ในระหว่าง 11 เดือนนั้นเราเครียดมากกกก กังวล อยากทำงานสุดๆ หลังจากที่สมัครงานไปเยอะมากก็มีบริษัทติดต่อมาสัมภาษณ์บ้าง 11 ที่ เราเตรียมพร้อมทุกครั้งที่สัมภาษณ์ เต็มที่และเตรียมพร้อมทุกครั้งจนกระทั้งสัมมภาษณ์งานที่ 11.... จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้

2.การทำงานในงานแรก
เราได้งานนี้ที่หลังจากสมัครงานไปเยอะมาก (เป็นงานที่ตรงสาย) วันแรกไปที่ทำงานตื่นเต้นมาก
วันที่ 1-2 : เข้างาน 9 โมง ให้เรานั่งอ่านข้อมูลที่คุยกับลูกค้า ให้อ่านตั้งแต่ 9 โมง ถึง 6 โมงเย็น วันแรกมีแค่นี้เรียน อ่าน อ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน ทุกครั้งที่ตั้งคำถามจะได้รับคำตอบที่บั่นทอนจิตใจทุกครั้ง

วันที่ 3 : เข้างาน 9 โมง พนักงานคนอื่นมาทำงานตอน 11 โมงทุกวัน เราอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีการบอกเลย เราถึงที่ทำงานก็อ่าน อ่าน มีอธิบายเนื้องานบ้าง พูด ๆ ๆ ๆ แล้วก็ให้เราไปนั่งอ่านข้อมูลแบบเดิมแต่ข้อมูลที่ได้ก็กระจัดกระจายจับทางไม่ถูกเลย พอตั้งคำถามก็กลับไม่พอใจ แล้วก็หงุดหงิดใส่ กลับบ้าน 6 โมง จบ

วันที่ 4 : เข้างาน 9 โมง เริ่มสอนงานละ แต่สอนได้ไม่เข้าใจเลย พอเราถามซ้ำสิ่งที่เกิดขึ้นมีการชักสีหน้า ถอนหายใจแรง แล้วชอบพูดว่า "ก็พี่บอกไปแล้วไง" แต่งานนี้สุดท้ายเราไม่ได้ทำเพราะเกิดเรื่องข้างนอกมานิดหน่อย

วันที่ 5 : มาถึงให้ดูข้อมูลแบบเดิม โว้ยยยยยย พอหลังเที่ยงได้ทำงานแรกละคือ ให้เราเอาข้อมูลลูกค้าที่สั่งสินค้าเอามารวมกัน เราทำงานสายงานนี้ แต่ก่อนที่จะได้สินค้า1ตัวมันมีการสั่งสินค้า กระบวนการที่เยอะมาก มีที่ให้เราอ่านมีเยอะมากเป็นพันอีเมล แต่เขาไม่อธิบายให้เราฟังตั้งแต่ต้นๆเลยจนเรารู้สึกไม่กล้าที่จะถามเพราะมันเป็นเหมือนวันแรกๆที่โดนหงุดหงิดใส่อารมณ์ทุกครั้ง เราทำเองค้นหาข้อมูลเองเพราะกลัวการถามมาก ตอนแรกก็ไม่กลัวหรอกพอมาเจอการกระทำแบบนี้โคตรรู้สึกแย่เลย เราทำงานนี้ตั้งแต่เที่ยงพี่เขาบอกให้สรุปสินค้าการสั่ง ส่ง สถานะ ทุกอย่าง ให้เราเข้าใจ เราทำตามคำพูดของพี่เขา ไม่มีกำหนดส่งแค่ให้เราสรุปตามความเข้าใจของเรา เราก็ทำจนถึง 6 โมงกลับบ้าน 6 โมงนิดๆ เราบอกพี่เข้าว่าเรากลับบ้านแล้วนะคะ พี่เขาไม่โอเค แบบหน้าไม่โอเคมาก

วันที่ 6 :  พี่ที่สอนเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่หงุดหงิดสุดๆ แล้วบอกว่า "เมื่อวานทำไมไม่ส่งงานให้พี่" แต่เมื่อวานเราก็ได้บอกไปแล้วว่า "ทำเสร็จแล้วส่วนนึงแต่อีกส่วนยังไม่เสร็จ เลยยังไม่อยากส่งให้เพราะงานมันยังไม่ดีมีข้อมูลที่เรายังไม่ใส่เยอะเลย" เราก็จะมาทำให้เสร็จวันนี้ พี่เขาให้เราส่งงานให้เลยทั้งที่ยังไม่เสร็จ พอส่งได้คำตอบกลับมาว่า " โอ๊ยยยย ทำไมถึงทำแบบนี้ พี่บอกไปแล้วว่าให้ทำแบบนี้ๆ " (ตอนนั้นน้ำตาคลอล่ะเพราะใจมันคิดตั้งแต่วันที่ 4 ว่าอยากลาออกมาก) แต่สิ่งที่เราทำคือสิ่งที่พี่เขาบอก เราก็เอากลับมาแก้ สักแปปพี่เขาถามว่า "เสร็จยังเอามาดู" เราก็ส่งงานไปให้พี่เขาดูอีกรอบ คำตอบที่ได้กลับมาคือ " ทำไมข้อมูลนี้ยังไม่ใส่ " เราเลยตอบว่า "หนูทำเสร็จแค่ส่วนนี้ค่ะ ส่วนอีกส่วนกำลังจะเอามาใส่แต่พี่ของานเลยเอามาให้ดูก่อนค่ะ" หลังจากนั้นพี่เขาก็บอกเราจุดนี้ๆ ให้เราใส่ พอเราเอางานกลับมาทำ มีเสียงมาว่าน้องไม่ต้องทำละ พี่เขาเลยเอาอีกงานมาให้ทำโดยงานนี้พี่เขาสอนละเอียดมาก เราทำงานได้แบบไม่มีผิดเลย ช่วงเช้าสำหรับเราเป็นอะไรที่โคตรทรมาน เราคิดมากตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้

3.ความรู้สึก
บริษัทนี้มีพนักงาน 5 คน คือเรา 1 อีก 2 คนคือเจ้าของร่วม 1 ในนี้เป็นคนสอนงานเอา ส่วนอีก 1 คน ทำงานนอกสถานที่และ คนสุดท้ายทำงานแบบ work from home งานแรกนี้เราอยากได้ประสบการณ์การทำงานมากกว่าเลยเรียกเงินแค่ 20,000 เขาเสนอเงินมาก่อนผ่านโปรให้ 13,000 บาท แต่เราก็รับงานนี้เพราะประสบการณ์สำคัญกว่าให้ได้ทำงานดีกว่าไม่มีงานแรกให้ทำนี่คือสิ่งที่เราคิด เรารู้สึกไม่อยากมาทำงานที่นี่ตั้งแต่วันที่ 2 ของการทำงานแล้ว เพราะทุกครั้งที่มีคำถามแล้วถามไปกับถูกหงุดหงิดใส่เสมอ ถอนหายใจ สอนไม่ค่อยรู้เรื่อง สิ่งที่เราเรียนที่มหาลัยได้ใช้ในงานนี้ 10% ส่วนที่เหลือคือสิ่งที่เราพึ่งเคยเจอในการทำงาน พอเราทำงานไม่รู้เรื่องเราไม่กล้าถามเพราะโดนหงุดหงิดใส่เสมอ จะถามคนอื่นก็ไม่มีใครแล้วให้ถาม เราไม่เข้าใจงานตั้งแต่ต้นเพราะเขาไม่สอนไล่ให้อ่านเมลทำความเข้าใจเอง พอสั่งงานเราที่ไม่เกิดความเข้าในในฐานงานตั้งแต่ตั้นเจอใบสั่งอะไรไม่รู้เยอะแยะ เราก็ไม่รู้เรื่องสิ เพราะไม่เข้าไงตั้งแต่ต้นไง!!! พอทำไม่เป็นก็ไม่พอใจ ถามคำถามก็ไม่พอใจ ทุกวันที่จะไปทำงานใจมันห่อเหี่ยวเต็มไปด้วยความกลัว วันที่4 คือวันที่ไม่อยากตื่นไปทำงานที่สุด ใจมันคิดแล้วว่าอาจจะลาออกตอนเย็น ของวันที่ 5 พอเจอสถานการณ์ในตอนเช้าบุ๊บใจมันจะลาออกแล้ว ตอนแรกที่สัมภาษณ์เขาบอกว่าสอนงานได้นะ 3-4 รอบสอนได้ แต่สอนรอบที่ 5 พี่ไม่โอเค แต่พอตอนทำงานจริง ให้สอนรอบที่ 2 ตอบแบบหงุดหงิดแล้วไล่ให้ไปอ่านใหม่ แล้วล่าสุดพี่เขาบอกว่าไม่อยากสอน( แต่อีกสักแปปก็สอนดีเฉย สอนละเอียด แต่ตอนที่พูดตอนนั้นจริงจังนะ ไม่ได้น่าจะใช่เชิงที่ไม่อยากสอนเรา) เราไม่ได้อดทนต่ำนะ เราพยายามทำความเข้าใจกับผู้สอนงานมาก แต่เราโคตรรู้สึกแย่เลยทุกครั้งที่ถูกปฏิบัติแบบนั้น เราคิดว่าอยากลาออกแต่พอไปหางานก็ไม่มีให้สมัครเลย กว่าจะได้งานนี้ตั้ง 11 เดือน ถ้าลาออกก็ไม่มีงานทำว่างงาน ทำได้  6 ก็เหมือนเด็กจบใหม่แต่ว่างงานมา 1 ปี มันหางานยากมาก ตอนไม่มีงานก็เครียด ตอนได้งานก็เจอคนที่ทำให้สุขภาพจิตแย่ แย่กระทั้งที่ว่า อมยิ้ม14ตั้งแต่วันที่ 2-6 ความอยากอาหารไม่มีอีกแล้ว ไม่หิว ไม่อยากกินอะไร อยากอ้วกตลอดเวลาเพราะเครียด นอนไม่หลับ กลัว ขนาดซื้อข้าวกินที่ทำงานกินได้แค่ 5-6 คำกินไม่ลงแล้ว ร้องไห้เยอะมาก

: ใจนึงไม่อยากรีบลาออกเพราะหางานยากมากกว่าจะได้งานนี้ ยิ่งไม่มีประสบการณ์ทำงาน และรู้สึกขอบคุณที่เป็นบริษัทแรกที่รับเข้าทำงานเลย และรู้สึกผิดที่ไม่เข้าใจงาน เพราะไม่เข้าใจงานตั้งแต่ต้น
: ใจนึงอยากลาออกเพราะ เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวทุกครั้งที่คิดว่าต้องไปทำงาน เหมือนคนที่ใช้ชีวิตแบบไร้วิณญาณความอยากอะไรไม่มีอีกแล้ว มีแต่ความกลัว เครียด เหนื่อย

อยากถามว่าควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ อยากได้คำตอบจากผู้ใหญ่หรือคนที่ได้ทำงานมา ทำยังไงต่อไปดี จะจัดการกับสิ่งนี้อย่างไร

มีตรงไหนที่พิมพ์งงหรือพิมพ์ผิดขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้แค่อยากได้หลายมุมมองมากกว่า เพราะเครียดจนอยากได้รับคำปรึกษา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่