ชีวิตวัยทำงานรุ่นที่สุดToxicอยากจะเล่าเรื่องราวของเราในตอนที่เราอยากรู้ว่ามีใครประสบปัญหาเดียวกับเราไหม
เราเป็นเด็ก18ที่เรียนจบมาแล้วไม่ได้เรียนต่อซึ่งฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีเราเลยตัดสินใจไปทำงานเราได้ไปทำงานที่ร้านน้าสะใภ้เราซึ่งตอนที่เราเรียนอยู่เราก็ได้ไปทำงาใจนที่ร่านช่วงวัยหยุดหรือเสาร์อาทิตย์
พอเราจบแล้วเราก็ได้มาทำงานกับน้าเราซึ่งเป็นร้านของน้าสะใภ้จะมีอยู่สองร้านร้านแรกเป็นร้านขายของสดขนาดใหญ่ร้านที่สองเป็นร้านขายของชำขนาดกลาง
เราได้เริ่มไปทำงานแรกๆเราก็ได้ทำงานที่ร้านขายของสดเราทำงานตั้งแต่7:00ถึง18:00ซึ่งร้านไม่มีวันหยุดได้เงินค่าแรง300เรามีหน้าที่จัดของขายของและแบกของไปส่งลูกค้าที่รถตลอดเวลาที่เราทำงานที่ร้านก็มักจะมีปัญหาตลอดซึ่งน้าเราเป็นคนที่อารมณ์ร้อนชอบพูดเสียงดังชอบด่าลูกน้องต่อหน้าลูกค้าซึ่งเราไม่ชอบเลยแรกๆเราทำงานเราก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเขาเป็นเจ้านายแต่พอนานไปเราทำผิดพลาดเล็กน้อยเขาก็มักจะด่าเราต่อหน้าลูกค้าคนอื่นดังๆแล้วชอบเอาเราไปนินทากับพนักงานคนอื่นซึ่งคนในร้านก็มักจะมาพูดให้เราฟังบ่อยๆว่าเขาว่าเราตลอดเวลาที่เราทำงานเขามักจะชอบพูดบูลลี่เรื่องหน้าตาเราเรื่องหุ่นของเราแล้วชอบเอาปมด้อยของเราไปพูดให้คนอื่นฟังเช่นเราเป็นเด็กกำพร้าเราไม่มีพ่อแม่ดูแลเราโดนพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เด็กๆ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่เราก็แอบเสียใจและไม่ชอบใจอยู่ในแต่ละวันที่เราทำงานในร้านก็มักจะมีปัญหาไม่เว้นแต่ละวันเรื่องลูกของเขาเรื่องส่วนตัวเขามีลูกสองคนคนโตเป็นลูกชายห่างจากเรา2ปีคนเล็กเป็นลูกสาวห่างจากเรา4ปีคนโตมักจะถือตัวก็หยิ่งๆ
คนเล็กมีนิสัยไม่ชอบให้ใครมาตำหนิหรือพูดหยอกหยิ่งนิดๆแต่ทั้งสองคนเป็นคนที่สกปรกตลอดเวลาที่ทำงานลูกชายและลูกสาวเขามักจะกินอาหารเสร็จแล้วชอบเอาไปวางไว้แล้วก็เอาไปซ่อนไว้ซึ้งเราก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ร้านน้าเราจะมีอยู่สองร้านซึ่งร้านจะมีห้องนอนอยู่ทั้งสองร้านร้านของสดน้าเรากับน้าสะใภ้จะนอน
ส่วนร้านของชำลูกชายและลูกสาวเขาจะนอนอยู่ แต่ละวันพี่ที่ร้านมาทำงานที่ร้านขายของสดจะต้องไปตามเก็บขยะและไปล้างจานกวาดห้องล้างห้องน้ำให้ลูกสาวและลูกชายเขาบ่อยๆเราก็เคยได้ทำบ่อยๆเคยเจอพีคสุดก็มาม่าเน่าที่กินไม่หมดเอาไปเก็บไว้ในถังเหมือนถังน้ำใหญ่ๆซึ่งไม่รู้เขาทำไว้ทำไมแล้วถ้าไม่มีใครไปทำความสะอาดให้ก็จะปล่อยไว้จนเน่าจนกว่าจะมีใครไปเก็บให้ถึงจะสะอาดแล้วน้าสะใภ้เราก็มักจะชอบเอาปัญหาของลูกเขาที่เขาจัดการไม่ได้มาพูดให้พนักงานฟังซึ่งเราก็ไม่ได้อยากฟังเท่าไหร่เราก็ได้แต่เออออไป
แล้วมีอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้ให้เราไปทำงานร้านขายของชำไปช่วยพี่อีกคนหนึ่งทำงานซึ่งงานในร้านถ้าทำคนเดียวก็คือหนักมากๆทั้งยกของเวลาลูกค้ามาเปิดบิลต้องยกคนเดียวไม่มีคนช่วยจัดของคนเดียวขายของคนเดียวซึ่งทุกอย่างในร้านต้องทำคนเดียว
เราจึงได้ไปช่วยเราก็เรียนรู้และทำทุกอย่างสต็อกของจัดของขายของยกของเราได้ค่าแรง350บาท
อยู่มาวันหนึ่งที่น้าเราได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดและเราได้ไปด้วยซึ่งพี่ที่ร้านขายของชำไม่ได้ไปแต่พนักงานคนอื่นไปหมดรวมถึงเราเราก็ได้ไปด้วยแล้วให้แม่ของเขามานอนเฝ้าร้านและดูแลความเรียบร้อยในตอนที่เราไปเที่ยวกันแม่ของน้าเราก็มักจะเห็นว่าพี่ในร้านขโมยของในร้านไปบ่อยๆหลังกลับจากเที่ยวเขาจึงได้ไล่พี่คนนั้นออกแล้วให้เราไปขายของแทนเขาซึ่งร้านจะเปิดสองกะซึ่งกะแรกลูกสาวเขาจะขายกะที่สองเราขายกะแรกเริ่มเปิดร้าน4:00-7:00กะสอง7:00ถึง18:00ซึ่งตลอดเวลาที่เรามาทำงานทุกเช้าเราจะต้องเก็บกวาดขยะหรือชามข้าวกล่องข้าวเศษบิลที่ลูกค้าไม่เอาบ่อยๆแม้แต่ที่ปั่นหูเราก็ยังต้องเก็บทุกวันย้ำว่าทุกวันเขามักจะทิ้งลงพื้นทั้งที่มีถังขยะเล็กๆอยู่ใกล้ๆเราจะต้องเก็บมันทุกวันเสียสุขภาพจิตมากเวลาเรามาทำงานเราก็มักจะเจอเรื่องพีคๆเช่นเจอถาดกับข้าววางไว้ตามชั้นสินค้าต่างๆ
ถ้วยข้าวในอ่างล่างหน้าแก้วน้ำกินแล้ววางไว้ตามชั้น น้ำที่กินไม่หมดขวดทุกวันยัดไว้ตามเค้าเตอร์คิดเงินจานชามในห้องน้ำห้องน้ำที่เราเข้าประจำที่ลูกค้าต้องเข้าเจอทุกวันแรกๆเราก็เก็บนะคะแต่หลังๆเราไม่เก็บ ปล .เขาอยู่กับยายสองคนนะคะพี่ชายเขาไปฝึกงานแล้วหลังๆเราก็ไม่เก็บก็จะมีหน้าคนหนึ่งซึ่งมาเก็บแทนเราเป้นลูกจ้างเหมือนกันซึ่งทำงานขายน้ำหน้าร้านให้เขาเป็นลูกสะใภ้ยาย เวลาเราเจอบ่อยๆเราก็มักจะไปบอกเขาว่าเขาทิ้งไว้แบบนี้อีกแล้วนะแต่เราก็บอกว่าไม่ต้องไปเก็บให้เขาเก็บเองแต่น้าคนนี้ก็เก็บก่อนหน้านั้นเขาก็เคยเล่าให้เราฟังว่าตอนที่น้าคนนี้อยู่บ้านกับยายก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่ประจำซึ่งกินแล้วไม่ชอบเก็บแล้วมักจะให้ไปซักเสื้อผ้าให้เขาน้าสะใภ้เราก็มักจะจ้างเขาไปทำคงามสะอาดบ้าน ตลอดเวลาที่เราทำงานก็มักจะมีปัญหามากมายเรื่องลูกเรื่องคนในร้าน น้าเรามักจะชอบด่าลูกน้องต่อหน้าคนอื่นตะคอกดังๆทั้งที่บางทีไม่ได้ผิดและเขาเองที่ผิดด้วยซ้ำ แม้แต่บางทีลูกน้องป๋วยกระทันหันก็จะโพสต์ด่าลูกน้องว่าลูกน้อง

และเอามานินทาว่าป่วยไม่จริงอ้างบ้างอะไรบ้าง คนอื่นก็ได้แต่อดทนเพราะไม่รู้จะไปทำอะไร
ครั้งหนึ่งเคยมีของมาส่งซึ่งเราก็ได้ส่งบิลไปถามเขาแล้วว่าต้องขายราคาเดิมไหมเขาได้ส่งเยี่ยมมาแล้วก็หายไปเลยซึ่งเราก็คิดว่าต้องขายราคาเดิมเพราะเราเฉลี่ยนดูแล้วมันก็ราคาต้นทุนเท่าเดิม ลูกค้าได้มาซื้อของที่ร้านเราเขาก็ได้ไปพูดว่าทำไมร้านที่เราขายขายของไม่เท่ากับร้านของสดเลยเขาก็โทรมาด่ามาว่าเราแรงๆซึ่งเราก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไปพี่ที่ร้านที่สนิทกับเขาก็โทรมาด่าเราอีกซึ่งเราก็ได้บอกไปว่าเราได้ส่งบิลให้เขาแล้วแล้วเขาส่งเยี่ยมกลับมาเขาก็พากันด่าเราพอวางสายเราก็ได้ทักไปบอกเขาว่าถ้ามันขาดทุนก็ให้เขาหักเงินเดินเราเลยแล้วเขาก็ตอบมาว่าเขาไม่หักหรอก นั่นแหละแต่เราก็ไม่ได้ผิดเราก็เสียใจจนกลั้นไม่อยู่เพราะเราไม่ได้ผิดเราก็แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำจนจนน้าที่ขายน้ำมากรอบปรอบเราร้องไห้ไปกับเราเขารู้ดีว่าเราไม่ได้ผิดเพราะเขาทำงานกับเราด้วยเขาขายน้ำแล้วยังต้องมาช่วยเราซึ่งไม่ได้ค่าแรงเพิ่มได้ค่าแรงแค่300บาทต่อวันน้าแกก็มักจะโดนโทรมาด่าว่าขายไม่ได้กำไรขายไม่ได้ยอดบ่อยๆ
น้าสะใภ้เราเลยกลัวไม่คุ้มค่าแรงเลยให้มาช่วยเรา แต่เราก็มักจะชอบทำคนเดียวเพราะมันเป็นงานของเรางานของเขาก็คือขายน้ำแล้วเราไม่อยากรบกวนเขาด้วย
ตลอดเวลาทำงานก็มักจะมีปัญหาบ่อยๆทั้งเรื่องขยะทุกๆวันเรื่องความสะอาดเวลาที่ลูกชายเขากลับบ้านเขาก็ซื้อของอะไรมานั่งกินกับเพื่อนเขาตอนดึกๆหลังเค้าเตอร์ก็ไม่เคยเก็บเราต้องมาเก็บให้แล้วลูกชายเขาก็ตอบหยิบของในร้สนไปโดยที่ไม่บอกทำให้สต็อกไม่ตรงและมีปัญหาอยู่ตลอดเราได้แต่บอกเขาก็ไม่สนใจบอกแม่เขาเขาก็ทำได้แค่ตำหนิแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ร้านไม่มีวันหยุดเราลาไม่ได้นอกจากเราจะป่วยหรือจำเป็นจริงๆเราถึงลาเราเคยลารอบหนึ่งเขานินทาเราตั้งแต่เช้ายันเย็น
มีวันหนึ่งหลังเลิกงานเราได้ชวนเพื่อนไปเล่นสนุ๊กกันที่ร้านตรงข้ามซึ่งลูกสาวเขาขอตามเราไปด้วยซึ่งเราก็ได้ปฎิเสธเพราะกลัวว่าแม่เขาจะว่าเรากลัวว่าเขาจะเอาไปพูดซึ่งการเล่นสนุ๊กบางคนว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่เราก็ไม่ได้คิดว่ามันแย่นะคะมันก็เหมือนการเล่นกีฬาปกติ วันนั้นลูกเขาก็ตามเรามาแล้วเราก็เล่นกันไปสักพักยายเขาก็โทรมาถามว่าเขาอยู่ที่ไหนตอนไหนจะเข้าบ้านเขาก็บอกว่าอยู่โต๊ะสนุ๊กร้านตรงข้ามแล้วยายเขาก็วางสายไปและได้ออกมาเดินๆวนๆหน้าร้านเพื่อมาดูซึ่ฝเราเล่นเสร็จเราก็กลับกันวันต่อมาเราก็ได้ลากับเพราะเราป่วยเขาก็พูดกับลูกน้องเขาว่าเรา

เราขี้เกียจทำงานและพาลูกเขาเลวพาลูกเขาไปเสียคนทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนชวนแล้วเราไปทำงานพี่ที่ร้านก็เราให้ฟังเเล้วเราก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เลย

โคตรแย่อ่ะเขามักจะบอกกับคนอื่นว่าลูกเขาเก่งลูกเขาฉลาดกว่าเราซึ่งเราทำงานคนก็มักจะจำผิดว่าเราเป็นลูกของเขาซึ่งหน้าเราคล้ายๆกันคนเจอเขาก็มักจะพูดว่าเราขนันจังช่วยพ่อแม่ทำงานแต่เราก็ได้ปฎิเสษไปว่าเราไม่ใช่ลูกเขาอยู่บ่อยๆคนก็มักจะทักบ่อยๆ
วันหนึ่งน้าชายเราได้ไปบอกกับยายเราว่าจะให้เราไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวเขาเผื่อวันไหนที่ยายเขาไม่อยู่ ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เราอยู่ในสังคมแย่ๆ เพราะบ้านน้าอีกคนชอบกินเหล้าบ่อยแล้วชอบหาเรื่องคนในบ้าน แต่เราก็ไม่ได้อะไรเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนกินเหล้า เขาบอกว่าอยากให้เรามีสังคมดีๆ เราก็ไม่ค่อยอยากไปเพราะเรารู้ว่าที่น้าเราบอกสังคมดีๆคือไม่ใช่เลยแต่มันคือสังคมที่แย่ที่สุดทำงานบริการหลายๆคนจะรู้เลยว่ามันเเย่มากๆเจอลูกค้าดีๆก็ดีไปเจอลูกค้าแย่ๆก็แย่
เรามักจะเจอลูกค้าที่ชอบวีนใส่เราแล้วชอบพูดเหยียด ชอบพูดลามกใส่ซึ่งเราไม่ชอบมีมากกว่านี้อีก เราไม่อยากจะอยู่แต่เราปฎิเสธไม่ได้ ขอเล่าเลยว่าที่จะให้เราไปอยู่คือไปอยู่กับลูกสาวเขาซึ่งห้องใหญ่ๆไม้มีฝ้ากั้นและมีกล้องวงจรปิดภายในห้องนอน ไม่มีแบ่งแยกห้องด้วยมีแต่ต้องเอาตู้เสื้อผ้ามากั้นแยกห้องเราเคยได้เข้าไปในห้องลูกสาวเขาก่อนหน้านั้นซึ่งเหม็นอับและสกปรกมากกองขยะอยู่สองข้างที่นอนเคยเข้าไปปลุกลูกเขาให้ แล้วขวดน้ำวางเต็มโต๊ะที่กินหมดแล้วและกินยังไม่หมด แล้วกองถุงเท้าที่ใส่แล้วลูกเขาจะใส่วันละคู่นะคะไม่ซักซึ่งใส่แล้วก็ทิ้งไว้ แล้วก็กองเสื้อผ้าแขวนตามราวตากผ้าที่ใส่แล้วตามเครื่องซักผ้าและตามพื้นห้องน้ำแม้แต่ในอ่างล้างหน้าก็มี เวลาเดินผ่านหน้าห้องก็จะได้กลิ่นเหม็นกลิ่นอับทะลุออกมาเลย ลูกเขาเป็นคนหน้าตาดีอยู่นะคะชอบแต่งตัวชอบใส่เสื้อผ้าถ่ายรูปแต่งตัววันละหลายๆคริปลงโซเชียล5555 ก่อนเราจะไปอยู่เขาก็ได้ให้ลูกสาวเขาทำความสะอาดห้องเวลาที่ทำความสะอาดห้องเหมือน Big crennig dayซึ่งจะมีถุงดำขนาด30x40ประมาณ4-5ถุงอย่างต่ำอันนี้คือเรื่องจริงนะคะไม่ได้แต่ง ซึ่งเราก็รู้ว่าสกปรกแต่เราก็ไม่รู้จะปฎิเสธยังไงเพราะเลยเคยปฎิเสธไปแล้วว่าไม่อยากอยู่เขาถามเราว่าทำไมซึ่งเราไม่รู้จะตอบว่าอะไร
เรามาอยู่เราต้องลุกทำงานตั้งแต่4:00-18:00ซึ่งก่อนหน้านั้นช่วงเช้าลูกเขาคนขายซึ่งบอกจะให้เรามาช่วยลูกสาวเขาขายด้วยสรุปเราได้ตื่นมาขายคนเดียวทุกเช้าแล้วตั้งแต่เรามาทำแทนลูกสาวเขาก็ไม่ตื่นมาทำอีกเลย
พอเรามาอยู่เราก็จะซื้อกับข้าวกินเองนะคะวันหนึ่งไปตลาดเราได้ซื้อของมาฝากฃูกสาวเขาซึ่งเขากินแล้วเขาก็ไม่เก็บและได้วางไว้ที่พื้น และวันที่น้าของเรามาตรวจห้องซึ่งเขาจะมาตรวจห้องลูกสาวเขาบ่อยๆ ตกเย็นมาเราทำงานเสร็จน้าเราจึงเรียกให้เราไปกินข้าวด้วยซึ่งเราก็ไปกับน้าที่ขายน้ำไปกินได้สักพักน้าเรากับน้าสะใภ้ก็ว่าเราว่าทำไมเราไม่เก็บขยะเลยสกปรกขยะเต็มห้องไม่เก็บไม่อะไรเลยซองขนมเต็มที่นอนซึ่งตรงที่เรานอนไม่มีขยะหรือซองขนมซักชิ้นเสื้อผ้าเราเราก็ใส่ไว้ในกล่องใส่เสื้อผ้าของเราเราก็ได้ปฎิเสธไปว่าลูกของเขาแหละที่ทำรกแต่เขาไม่ให้เราพูดเราเลยขอตัวกลับไปอาบน้ำนอนซึ่งเราเสียใจกับคำพูดของน้าเรามากตอนนั้นซึ่งเขาเป้นคนอยากให้เรามาอยู่เองแล้วตอนนี้มาด่าเรา เรากลับมาอาบน้ำนอนเราก็นอนร้องไห้ซึ่งแม่ของน้าสะใภ้เราได้ยินจึงถามว่าเราเป็นอะไรแต่เราก็ไม่ได้ตอบ ซึ่งเราทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็นทุกวันเราต้องมาเก็บขยะให้ลูกเขาอีกหรอ
น้าเราเขาเคยบอกว่าอยู่กับเขาต้องมีขอบเขต ช่วงแรกๆเรามักจะกลับบ้านบ่อยๆเพราะเรากับไปซักผ้าที่บ้านเพราะเราไม่อยากซักผ้าที่บ้านเขาแรกๆ ซึ่งเราก็โตพอสมควรที่จะไม่ต้องให้ใครมาจัดการชีวิตเราตลอดเวลาที่เราทำงานอยู่ที่ร้านมักจะเหมือนคนรับใช้เวลาที่ลูกเขากินอะไรเสร็จลูกสาวเขาก็มักจะวางไว้ให้คนอื่นเก็บให้ตลอดให้เราเก็บให้ตลอดทำเหมือนเราที่ทำงานอยู่เป็นคนรับใช้ทั้งที่เราก็มาทำงานเป็นพนักงานขายแต่ต้องกลับทำทุกอย่าง หลังจากที่น้าเราว่าเราวันต่อมาเราก็ได้โทรไปบอกเขาว่าจะกลับไปอยู่บ้านจะไม่อยู่ที่นี่แล้วน้าสะใภ้ก็ถามว่าเราโกรธหรอซึ่งเขาดูร้านอยู่ร้านของสดนะคะเราก็ตอบว่าไม่ได้โกรธเขาก็เงียบแล้วก็พูดต่อมาว่างั้นก็มาทำงานตี5เพราะเป็นเวลาที่ลูกเขาเปิดเทอมด้วยเราก็มาเร็วบ้างสายบ้างเพราะเราเพลียทำงานไม่มีวันหยุดทำงาน14ชมติดต่อกันหลายวันและตอนที่เราทำเราเป็นผื่นภูมิแพ้ขึ้นตามตัวแต่เราลาไม่ได้เพราะไม่มีใครมาทำแทนเรา เขาก็ชอบพูดบอกพนักงานคนอื่นว่าเราชอบมาสายนินทาเราตั้งแต่เช้ายันเย็น พอเราเริ่มไปทำงานช้าเขาก็เปลี่ยนให้เรามาทำ6โมงเช้าเราก็มาทำพอถึงวันสิ้นเดือนเขาได้คิดเงินให้เรา
ประสบการณ์ทำงานที่แย่ที่สุดของทุกคนคืออะไร
เราเป็นเด็ก18ที่เรียนจบมาแล้วไม่ได้เรียนต่อซึ่งฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีเราเลยตัดสินใจไปทำงานเราได้ไปทำงานที่ร้านน้าสะใภ้เราซึ่งตอนที่เราเรียนอยู่เราก็ได้ไปทำงาใจนที่ร่านช่วงวัยหยุดหรือเสาร์อาทิตย์
พอเราจบแล้วเราก็ได้มาทำงานกับน้าเราซึ่งเป็นร้านของน้าสะใภ้จะมีอยู่สองร้านร้านแรกเป็นร้านขายของสดขนาดใหญ่ร้านที่สองเป็นร้านขายของชำขนาดกลาง
เราได้เริ่มไปทำงานแรกๆเราก็ได้ทำงานที่ร้านขายของสดเราทำงานตั้งแต่7:00ถึง18:00ซึ่งร้านไม่มีวันหยุดได้เงินค่าแรง300เรามีหน้าที่จัดของขายของและแบกของไปส่งลูกค้าที่รถตลอดเวลาที่เราทำงานที่ร้านก็มักจะมีปัญหาตลอดซึ่งน้าเราเป็นคนที่อารมณ์ร้อนชอบพูดเสียงดังชอบด่าลูกน้องต่อหน้าลูกค้าซึ่งเราไม่ชอบเลยแรกๆเราทำงานเราก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเขาเป็นเจ้านายแต่พอนานไปเราทำผิดพลาดเล็กน้อยเขาก็มักจะด่าเราต่อหน้าลูกค้าคนอื่นดังๆแล้วชอบเอาเราไปนินทากับพนักงานคนอื่นซึ่งคนในร้านก็มักจะมาพูดให้เราฟังบ่อยๆว่าเขาว่าเราตลอดเวลาที่เราทำงานเขามักจะชอบพูดบูลลี่เรื่องหน้าตาเราเรื่องหุ่นของเราแล้วชอบเอาปมด้อยของเราไปพูดให้คนอื่นฟังเช่นเราเป็นเด็กกำพร้าเราไม่มีพ่อแม่ดูแลเราโดนพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เด็กๆ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่เราก็แอบเสียใจและไม่ชอบใจอยู่ในแต่ละวันที่เราทำงานในร้านก็มักจะมีปัญหาไม่เว้นแต่ละวันเรื่องลูกของเขาเรื่องส่วนตัวเขามีลูกสองคนคนโตเป็นลูกชายห่างจากเรา2ปีคนเล็กเป็นลูกสาวห่างจากเรา4ปีคนโตมักจะถือตัวก็หยิ่งๆ
คนเล็กมีนิสัยไม่ชอบให้ใครมาตำหนิหรือพูดหยอกหยิ่งนิดๆแต่ทั้งสองคนเป็นคนที่สกปรกตลอดเวลาที่ทำงานลูกชายและลูกสาวเขามักจะกินอาหารเสร็จแล้วชอบเอาไปวางไว้แล้วก็เอาไปซ่อนไว้ซึ้งเราก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ร้านน้าเราจะมีอยู่สองร้านซึ่งร้านจะมีห้องนอนอยู่ทั้งสองร้านร้านของสดน้าเรากับน้าสะใภ้จะนอน
ส่วนร้านของชำลูกชายและลูกสาวเขาจะนอนอยู่ แต่ละวันพี่ที่ร้านมาทำงานที่ร้านขายของสดจะต้องไปตามเก็บขยะและไปล้างจานกวาดห้องล้างห้องน้ำให้ลูกสาวและลูกชายเขาบ่อยๆเราก็เคยได้ทำบ่อยๆเคยเจอพีคสุดก็มาม่าเน่าที่กินไม่หมดเอาไปเก็บไว้ในถังเหมือนถังน้ำใหญ่ๆซึ่งไม่รู้เขาทำไว้ทำไมแล้วถ้าไม่มีใครไปทำความสะอาดให้ก็จะปล่อยไว้จนเน่าจนกว่าจะมีใครไปเก็บให้ถึงจะสะอาดแล้วน้าสะใภ้เราก็มักจะชอบเอาปัญหาของลูกเขาที่เขาจัดการไม่ได้มาพูดให้พนักงานฟังซึ่งเราก็ไม่ได้อยากฟังเท่าไหร่เราก็ได้แต่เออออไป
แล้วมีอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้ให้เราไปทำงานร้านขายของชำไปช่วยพี่อีกคนหนึ่งทำงานซึ่งงานในร้านถ้าทำคนเดียวก็คือหนักมากๆทั้งยกของเวลาลูกค้ามาเปิดบิลต้องยกคนเดียวไม่มีคนช่วยจัดของคนเดียวขายของคนเดียวซึ่งทุกอย่างในร้านต้องทำคนเดียว
เราจึงได้ไปช่วยเราก็เรียนรู้และทำทุกอย่างสต็อกของจัดของขายของยกของเราได้ค่าแรง350บาท
อยู่มาวันหนึ่งที่น้าเราได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดและเราได้ไปด้วยซึ่งพี่ที่ร้านขายของชำไม่ได้ไปแต่พนักงานคนอื่นไปหมดรวมถึงเราเราก็ได้ไปด้วยแล้วให้แม่ของเขามานอนเฝ้าร้านและดูแลความเรียบร้อยในตอนที่เราไปเที่ยวกันแม่ของน้าเราก็มักจะเห็นว่าพี่ในร้านขโมยของในร้านไปบ่อยๆหลังกลับจากเที่ยวเขาจึงได้ไล่พี่คนนั้นออกแล้วให้เราไปขายของแทนเขาซึ่งร้านจะเปิดสองกะซึ่งกะแรกลูกสาวเขาจะขายกะที่สองเราขายกะแรกเริ่มเปิดร้าน4:00-7:00กะสอง7:00ถึง18:00ซึ่งตลอดเวลาที่เรามาทำงานทุกเช้าเราจะต้องเก็บกวาดขยะหรือชามข้าวกล่องข้าวเศษบิลที่ลูกค้าไม่เอาบ่อยๆแม้แต่ที่ปั่นหูเราก็ยังต้องเก็บทุกวันย้ำว่าทุกวันเขามักจะทิ้งลงพื้นทั้งที่มีถังขยะเล็กๆอยู่ใกล้ๆเราจะต้องเก็บมันทุกวันเสียสุขภาพจิตมากเวลาเรามาทำงานเราก็มักจะเจอเรื่องพีคๆเช่นเจอถาดกับข้าววางไว้ตามชั้นสินค้าต่างๆ
ถ้วยข้าวในอ่างล่างหน้าแก้วน้ำกินแล้ววางไว้ตามชั้น น้ำที่กินไม่หมดขวดทุกวันยัดไว้ตามเค้าเตอร์คิดเงินจานชามในห้องน้ำห้องน้ำที่เราเข้าประจำที่ลูกค้าต้องเข้าเจอทุกวันแรกๆเราก็เก็บนะคะแต่หลังๆเราไม่เก็บ ปล .เขาอยู่กับยายสองคนนะคะพี่ชายเขาไปฝึกงานแล้วหลังๆเราก็ไม่เก็บก็จะมีหน้าคนหนึ่งซึ่งมาเก็บแทนเราเป้นลูกจ้างเหมือนกันซึ่งทำงานขายน้ำหน้าร้านให้เขาเป็นลูกสะใภ้ยาย เวลาเราเจอบ่อยๆเราก็มักจะไปบอกเขาว่าเขาทิ้งไว้แบบนี้อีกแล้วนะแต่เราก็บอกว่าไม่ต้องไปเก็บให้เขาเก็บเองแต่น้าคนนี้ก็เก็บก่อนหน้านั้นเขาก็เคยเล่าให้เราฟังว่าตอนที่น้าคนนี้อยู่บ้านกับยายก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่ประจำซึ่งกินแล้วไม่ชอบเก็บแล้วมักจะให้ไปซักเสื้อผ้าให้เขาน้าสะใภ้เราก็มักจะจ้างเขาไปทำคงามสะอาดบ้าน ตลอดเวลาที่เราทำงานก็มักจะมีปัญหามากมายเรื่องลูกเรื่องคนในร้าน น้าเรามักจะชอบด่าลูกน้องต่อหน้าคนอื่นตะคอกดังๆทั้งที่บางทีไม่ได้ผิดและเขาเองที่ผิดด้วยซ้ำ แม้แต่บางทีลูกน้องป๋วยกระทันหันก็จะโพสต์ด่าลูกน้องว่าลูกน้อง
ครั้งหนึ่งเคยมีของมาส่งซึ่งเราก็ได้ส่งบิลไปถามเขาแล้วว่าต้องขายราคาเดิมไหมเขาได้ส่งเยี่ยมมาแล้วก็หายไปเลยซึ่งเราก็คิดว่าต้องขายราคาเดิมเพราะเราเฉลี่ยนดูแล้วมันก็ราคาต้นทุนเท่าเดิม ลูกค้าได้มาซื้อของที่ร้านเราเขาก็ได้ไปพูดว่าทำไมร้านที่เราขายขายของไม่เท่ากับร้านของสดเลยเขาก็โทรมาด่ามาว่าเราแรงๆซึ่งเราก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไปพี่ที่ร้านที่สนิทกับเขาก็โทรมาด่าเราอีกซึ่งเราก็ได้บอกไปว่าเราได้ส่งบิลให้เขาแล้วแล้วเขาส่งเยี่ยมกลับมาเขาก็พากันด่าเราพอวางสายเราก็ได้ทักไปบอกเขาว่าถ้ามันขาดทุนก็ให้เขาหักเงินเดินเราเลยแล้วเขาก็ตอบมาว่าเขาไม่หักหรอก นั่นแหละแต่เราก็ไม่ได้ผิดเราก็เสียใจจนกลั้นไม่อยู่เพราะเราไม่ได้ผิดเราก็แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำจนจนน้าที่ขายน้ำมากรอบปรอบเราร้องไห้ไปกับเราเขารู้ดีว่าเราไม่ได้ผิดเพราะเขาทำงานกับเราด้วยเขาขายน้ำแล้วยังต้องมาช่วยเราซึ่งไม่ได้ค่าแรงเพิ่มได้ค่าแรงแค่300บาทต่อวันน้าแกก็มักจะโดนโทรมาด่าว่าขายไม่ได้กำไรขายไม่ได้ยอดบ่อยๆ
น้าสะใภ้เราเลยกลัวไม่คุ้มค่าแรงเลยให้มาช่วยเรา แต่เราก็มักจะชอบทำคนเดียวเพราะมันเป็นงานของเรางานของเขาก็คือขายน้ำแล้วเราไม่อยากรบกวนเขาด้วย
ตลอดเวลาทำงานก็มักจะมีปัญหาบ่อยๆทั้งเรื่องขยะทุกๆวันเรื่องความสะอาดเวลาที่ลูกชายเขากลับบ้านเขาก็ซื้อของอะไรมานั่งกินกับเพื่อนเขาตอนดึกๆหลังเค้าเตอร์ก็ไม่เคยเก็บเราต้องมาเก็บให้แล้วลูกชายเขาก็ตอบหยิบของในร้สนไปโดยที่ไม่บอกทำให้สต็อกไม่ตรงและมีปัญหาอยู่ตลอดเราได้แต่บอกเขาก็ไม่สนใจบอกแม่เขาเขาก็ทำได้แค่ตำหนิแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ร้านไม่มีวันหยุดเราลาไม่ได้นอกจากเราจะป่วยหรือจำเป็นจริงๆเราถึงลาเราเคยลารอบหนึ่งเขานินทาเราตั้งแต่เช้ายันเย็น
มีวันหนึ่งหลังเลิกงานเราได้ชวนเพื่อนไปเล่นสนุ๊กกันที่ร้านตรงข้ามซึ่งลูกสาวเขาขอตามเราไปด้วยซึ่งเราก็ได้ปฎิเสธเพราะกลัวว่าแม่เขาจะว่าเรากลัวว่าเขาจะเอาไปพูดซึ่งการเล่นสนุ๊กบางคนว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่เราก็ไม่ได้คิดว่ามันแย่นะคะมันก็เหมือนการเล่นกีฬาปกติ วันนั้นลูกเขาก็ตามเรามาแล้วเราก็เล่นกันไปสักพักยายเขาก็โทรมาถามว่าเขาอยู่ที่ไหนตอนไหนจะเข้าบ้านเขาก็บอกว่าอยู่โต๊ะสนุ๊กร้านตรงข้ามแล้วยายเขาก็วางสายไปและได้ออกมาเดินๆวนๆหน้าร้านเพื่อมาดูซึ่ฝเราเล่นเสร็จเราก็กลับกันวันต่อมาเราก็ได้ลากับเพราะเราป่วยเขาก็พูดกับลูกน้องเขาว่าเรา
วันหนึ่งน้าชายเราได้ไปบอกกับยายเราว่าจะให้เราไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวเขาเผื่อวันไหนที่ยายเขาไม่อยู่ ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เราอยู่ในสังคมแย่ๆ เพราะบ้านน้าอีกคนชอบกินเหล้าบ่อยแล้วชอบหาเรื่องคนในบ้าน แต่เราก็ไม่ได้อะไรเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนกินเหล้า เขาบอกว่าอยากให้เรามีสังคมดีๆ เราก็ไม่ค่อยอยากไปเพราะเรารู้ว่าที่น้าเราบอกสังคมดีๆคือไม่ใช่เลยแต่มันคือสังคมที่แย่ที่สุดทำงานบริการหลายๆคนจะรู้เลยว่ามันเเย่มากๆเจอลูกค้าดีๆก็ดีไปเจอลูกค้าแย่ๆก็แย่
เรามักจะเจอลูกค้าที่ชอบวีนใส่เราแล้วชอบพูดเหยียด ชอบพูดลามกใส่ซึ่งเราไม่ชอบมีมากกว่านี้อีก เราไม่อยากจะอยู่แต่เราปฎิเสธไม่ได้ ขอเล่าเลยว่าที่จะให้เราไปอยู่คือไปอยู่กับลูกสาวเขาซึ่งห้องใหญ่ๆไม้มีฝ้ากั้นและมีกล้องวงจรปิดภายในห้องนอน ไม่มีแบ่งแยกห้องด้วยมีแต่ต้องเอาตู้เสื้อผ้ามากั้นแยกห้องเราเคยได้เข้าไปในห้องลูกสาวเขาก่อนหน้านั้นซึ่งเหม็นอับและสกปรกมากกองขยะอยู่สองข้างที่นอนเคยเข้าไปปลุกลูกเขาให้ แล้วขวดน้ำวางเต็มโต๊ะที่กินหมดแล้วและกินยังไม่หมด แล้วกองถุงเท้าที่ใส่แล้วลูกเขาจะใส่วันละคู่นะคะไม่ซักซึ่งใส่แล้วก็ทิ้งไว้ แล้วก็กองเสื้อผ้าแขวนตามราวตากผ้าที่ใส่แล้วตามเครื่องซักผ้าและตามพื้นห้องน้ำแม้แต่ในอ่างล้างหน้าก็มี เวลาเดินผ่านหน้าห้องก็จะได้กลิ่นเหม็นกลิ่นอับทะลุออกมาเลย ลูกเขาเป็นคนหน้าตาดีอยู่นะคะชอบแต่งตัวชอบใส่เสื้อผ้าถ่ายรูปแต่งตัววันละหลายๆคริปลงโซเชียล5555 ก่อนเราจะไปอยู่เขาก็ได้ให้ลูกสาวเขาทำความสะอาดห้องเวลาที่ทำความสะอาดห้องเหมือน Big crennig dayซึ่งจะมีถุงดำขนาด30x40ประมาณ4-5ถุงอย่างต่ำอันนี้คือเรื่องจริงนะคะไม่ได้แต่ง ซึ่งเราก็รู้ว่าสกปรกแต่เราก็ไม่รู้จะปฎิเสธยังไงเพราะเลยเคยปฎิเสธไปแล้วว่าไม่อยากอยู่เขาถามเราว่าทำไมซึ่งเราไม่รู้จะตอบว่าอะไร
เรามาอยู่เราต้องลุกทำงานตั้งแต่4:00-18:00ซึ่งก่อนหน้านั้นช่วงเช้าลูกเขาคนขายซึ่งบอกจะให้เรามาช่วยลูกสาวเขาขายด้วยสรุปเราได้ตื่นมาขายคนเดียวทุกเช้าแล้วตั้งแต่เรามาทำแทนลูกสาวเขาก็ไม่ตื่นมาทำอีกเลย
พอเรามาอยู่เราก็จะซื้อกับข้าวกินเองนะคะวันหนึ่งไปตลาดเราได้ซื้อของมาฝากฃูกสาวเขาซึ่งเขากินแล้วเขาก็ไม่เก็บและได้วางไว้ที่พื้น และวันที่น้าของเรามาตรวจห้องซึ่งเขาจะมาตรวจห้องลูกสาวเขาบ่อยๆ ตกเย็นมาเราทำงานเสร็จน้าเราจึงเรียกให้เราไปกินข้าวด้วยซึ่งเราก็ไปกับน้าที่ขายน้ำไปกินได้สักพักน้าเรากับน้าสะใภ้ก็ว่าเราว่าทำไมเราไม่เก็บขยะเลยสกปรกขยะเต็มห้องไม่เก็บไม่อะไรเลยซองขนมเต็มที่นอนซึ่งตรงที่เรานอนไม่มีขยะหรือซองขนมซักชิ้นเสื้อผ้าเราเราก็ใส่ไว้ในกล่องใส่เสื้อผ้าของเราเราก็ได้ปฎิเสธไปว่าลูกของเขาแหละที่ทำรกแต่เขาไม่ให้เราพูดเราเลยขอตัวกลับไปอาบน้ำนอนซึ่งเราเสียใจกับคำพูดของน้าเรามากตอนนั้นซึ่งเขาเป้นคนอยากให้เรามาอยู่เองแล้วตอนนี้มาด่าเรา เรากลับมาอาบน้ำนอนเราก็นอนร้องไห้ซึ่งแม่ของน้าสะใภ้เราได้ยินจึงถามว่าเราเป็นอะไรแต่เราก็ไม่ได้ตอบ ซึ่งเราทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็นทุกวันเราต้องมาเก็บขยะให้ลูกเขาอีกหรอ
น้าเราเขาเคยบอกว่าอยู่กับเขาต้องมีขอบเขต ช่วงแรกๆเรามักจะกลับบ้านบ่อยๆเพราะเรากับไปซักผ้าที่บ้านเพราะเราไม่อยากซักผ้าที่บ้านเขาแรกๆ ซึ่งเราก็โตพอสมควรที่จะไม่ต้องให้ใครมาจัดการชีวิตเราตลอดเวลาที่เราทำงานอยู่ที่ร้านมักจะเหมือนคนรับใช้เวลาที่ลูกเขากินอะไรเสร็จลูกสาวเขาก็มักจะวางไว้ให้คนอื่นเก็บให้ตลอดให้เราเก็บให้ตลอดทำเหมือนเราที่ทำงานอยู่เป็นคนรับใช้ทั้งที่เราก็มาทำงานเป็นพนักงานขายแต่ต้องกลับทำทุกอย่าง หลังจากที่น้าเราว่าเราวันต่อมาเราก็ได้โทรไปบอกเขาว่าจะกลับไปอยู่บ้านจะไม่อยู่ที่นี่แล้วน้าสะใภ้ก็ถามว่าเราโกรธหรอซึ่งเขาดูร้านอยู่ร้านของสดนะคะเราก็ตอบว่าไม่ได้โกรธเขาก็เงียบแล้วก็พูดต่อมาว่างั้นก็มาทำงานตี5เพราะเป็นเวลาที่ลูกเขาเปิดเทอมด้วยเราก็มาเร็วบ้างสายบ้างเพราะเราเพลียทำงานไม่มีวันหยุดทำงาน14ชมติดต่อกันหลายวันและตอนที่เราทำเราเป็นผื่นภูมิแพ้ขึ้นตามตัวแต่เราลาไม่ได้เพราะไม่มีใครมาทำแทนเรา เขาก็ชอบพูดบอกพนักงานคนอื่นว่าเราชอบมาสายนินทาเราตั้งแต่เช้ายันเย็น พอเราเริ่มไปทำงานช้าเขาก็เปลี่ยนให้เรามาทำ6โมงเช้าเราก็มาทำพอถึงวันสิ้นเดือนเขาได้คิดเงินให้เรา