สติ ปัญญา โคลงสี่สุภาพ @ ผองข้าฯ ประณตน้อม...ภูมี โปรดสติปัญญาดี..............เพื่อรู้ เข้าใจเชี่ยวชาญคดี..........ไขกระจ่าง ประโยชน์แก่ชาวชนผู้........ทุกข์ท้นพ้นเข็ญ ร่ายสุภาพ @ หนุ่มสาว วาดห

กลอนฉันท์ห้า ๑-๒-๒ จง หมั่น สร้าง สุข @ จง มิหยุด กระทำ หมั่น ผลิคำ ริหาญ สร้าง สว่าง ณ กาล สุข สราญ ประชา กลอนฉันท์ห้า 1 3 1 เชิญ เพื่อน รัก ปัน เชิญ ชวนสหาย ใฝ่ เพื่อน กลอนไสว ฉันท์ รัก มั่นมุ

กลอนฉันท์เกณฑ์ : อย่างน้อยมี ลหุ ๑ คำ ในทุกวรรค กลอนฉันท์สาม @ ข้าจะมั่น....มุสรรค์สร้าง "ระทม"สร่าง....พิบัติ, พาล @ ละลด"กู....ลุรู้ขาน ผลิผ่องฌาณ...หาญ! สินำ @ "รัก" ริเ

*** รัก เมตตา *** "กลอนแปด ๒-๓-๓" ความรัก ความต้องการ  "ต่าง"ชัดเห็น ต่างขั้ว ตรงประเด็น หน,ผลแสวง ความรัก มุ่งตัดตน ดลสำแดง "ต้องการ" ฤทธีแผลง เพื่อ"ตัวตน&quo

ใช้ รัสสระ(สระสั้น) แทนคำ รูปเอก ในตำแหน่ง บังคับ (เอก ๗) @ ขอ"โคลงฉันท์"ผลิให้ .....ไสวกานท์ โดย ละ"รูปเอก" จาร .....จะแจ้ง แทนด้วย"สระสั้น" วาน .....ชมติ..กันนา แต่งส

@ ดนตรีมีโน้ตแจ่ม................เจ็ดตัว ถ้วนทั่วทุกเพลงรัว................เล่นได้ เกลากระด้างสร่างเมามัว.........สลัวกระจ่าง เพลงพระเรียนรู้ใช้................ชุบหล้าโลกสวรรค์ @ พลันเพลงพร่ำร่ำร้อง.

@ ลองแล หยาดฝน........ตกพื้นหมองมล........เปื้อนปนกายา ธรณิน ซับ, หนุน.............ใสขุ่น นานา.............แดดแผดเผากล้า........นำพาพ้นดิน @ แปรเปลี่ยนเป็นไอ.........น้ำกลับสวยใส.........ผ่องไสว เมฆิ

กลอน วารีลดหลั่นริน @ รักแท้ แน่วแน่ เพื่อผอง ปัญญา "สว่าง"ผลิ สติตรอง เมตตาปอง อภัย ไป่จดจำ

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ @ ค่ำเช้าเฝ้าสดุดีพระเจ้าสิริรุจี โปรดสรรพ(ะ)ชีวี....สราญ @ ปวงข้าผู้นิรทุกข์ตระหนักคุณ(ะ)ประทาน จึ่งจารผจงหาญ....ผลิธรรม @ เมตตารักจะมุมานะให้ลุอติล้ำ แสงสันติสุขนำ....ไสว

@ "ความจริง" แสงสว่างให้ .....เห็นหน ปฏิบัติต่อกัน ผล .....สุขสร้าง เป็น "ชีวิตแท้" ดล .....สันติ กิเลส เหตุ อ้างว้าง .....ขจัดได้ดัง"หวัง"