รีวิวนี้ ไม่ได้อยากรีวิวเท่าไร เพราะเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างเหนื่อยและทรมาน
เริ่มต้นคือ ผมและครอบครัวอยู่ระหว่างท่องเที่ยวเดินทางที่ญี่ปุ่น
.
แต่ มีวันนึงซึ่งระหว่างเดินทางบนชินคันเซน ลูกวัย 2.5 ขวบ ก็อ้วกออกมา
ก็ทั้งเช็ดและขัด หาเสื้อผ้าเปลี่ยนกันวุ่นพอควร
ซึ่งก่อนหน้านั้น เด็กทานอะไรไปเยอะ เลยไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะเด็กก็ร่าเริงปกติ
.
พอวันรุ่งขึ้น ผมเช่ารถขับเที่ยว ก็เที่ยวไปเรื่อยๆ เด็กก็ยังกินได้ปกติ
แต่ระหว่างเที่ยว ลูกก็อ้วกอีกรอบ และก็งอแง ผิดปกติ ซึ่งก็เดาไปว่าผมอาจจะขับรถไม่ดีทางค่อนข้างโค้ง ทำให้เด็กเมารถ
.
แต่วันรุ่งขึ้น เด็กเริ่มมีอาการซึม และเริ่มมีไข้ จึงคิดว่าน่าจะผิดปกติแล้ว
จึงปรึกษาเพื่อนหมอ แนะนำให้ไปหาหมอดีกว่า
โทรหาประกันเดินทางก็ติดยากมาก ให้ญาติที่ไทยช่วยโทร ได้ความว่าไปหาหมอเลย และเอามาเบิกอีกที
ทีนี้การหาหมอญี่ปุ่นต้องทำไงล่ะ
ผมก็อ่านมาเยอะ เตรียมพร้อมพอสมควร ผมลองไปคลีนิคแรก ที่อยู่ใกล้ รร. ก่อน
การสื่อสาร อย่าหวังจะได้ใช้ภาษาอังกฤษครับ ใช้ google แปลล้วนๆ
.
ผมไปคลีนิคแรกซึ่งใกล้ๆ รร. ตามที่ พนักงาน รร. แจ้ง ซึ่งก็ไม่รับรักษาเด็ก
ที่นี้จึงต้องค้นดู ว่าคลีนิคเด็กที่ไหนบ้าง
.
ตอนนั้นผมพักที่เมือง Kokura , Kitakyushu
ก็เจอคลีนิคเด็ก แถวๆ ตลาด Tanga นั่งรถ monorail จาก Kokura ไป 2 ป้าย ก็เลยลองไปดู
แต่ ... คลีนิคบอกว่า appointment full
ต้องมาอีกทีตอนบ่าย เจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นก็มาซักอาการ
และมาบอกอีกทีว่าคลีนิคยังไม่ปิดจะตรวจช่วงเช้าให้ จึงโล่งอกไป
และจ่ายค่าใช้จ่ายเบื้อต้นประมาณ 7000 เยน ซึ่งไม่รวมยา
.
คุณหมอชาวญี่ปุ่นก็ตรวจคล้ายๆหมอไทยครับ
ซักอาการ และฟังเสียงท้อง ถามว่าแผนจะเดินทางกลับวันไหน
.
คุณหมอญี่ปุ่น เบื้องต้นจึงสันนิษฐาน ว่าเป็นอาการติดเชื้อไวรัส
พร้อมให้ยามาเบื้องต้น วัดไข้สม่ำเสมอ และหากไม่ดีขึ้นกลับไทยต้องไปหาหมอ
แต่คลีนิคญี่ปุ่น ไม่ได้จ่ายยาเองนะครับ
ต้องไปซื้อยาที่ร้านขายยาต่างหาก และผมก็หาไม่เจอนะ ถ้า จนท คลีนิคไม่พาไป ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ
ยาบางชนิดต้องใช้ใบสั่งแพทย์เท่านั้น เค้าจะไม่ขายยาให้ถ้าไม่มีใบสั่งแพทย์
จ่ายค่ายาเสร็จก็รีบกลับมา กินยาเลย ซึ่งมาเป็นผงถ้าทานผงได้ก็ดี ไม่งั้นต้องผสมน้ำเอาครับ
อ่านไม่ออกใช้ google lens ล้วนๆ ซึ่งน่าจะเป็น probiotic ช่วยให้ถ่ายออก
หลังจากทานยาไป 1 dose เด็กพอถ่ายออกก็เริ่มดีขึ้น ก็โล่งอก
.
พอถึงวันกลับก็ดีขึ้น
ยังมีอ้วก แต่ไม่ซึมไม่มีไข้ละ
เลยคิดว่าน่าจะเขียนบันทึกไว้ดีกว่า
คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นเยอะ ลูกน้อยป่วยนี่เครียดครับ คนใดอาการเยอะๆ อาจจะต้องส่งต่อ รพ.
ของผมโชคดี ยังไม่ได้เป็นอะไรมาก
ผมลองเรียบเรียงตามความเข้าใจ
1. ลองค้นหาคลีนิคใกล้ที่พัก จะใช้ keyword ว่า kid clinic / pediatician
2. ให้ จนท รร ช่วยโทรไปนัดหมาย ซึ่งจนท บางคนก็ดี บางคนก็ไม่ช่วยเท่าไร
3. ค่าใช้จ่าย ตามอาการ แต่ของผมโดนไปประมาณ หมื่นเยน และคลีนิคไม่รับเงินสด ... travel card ก็หมดประโยชน์ทันใด
ตอนนี้ก็กำลังเตรียมเอกสาร เพื่อเบิกประกันเดินทางอยู่ครับ
ได้ความอย่างไรจะมาอัพเดทอีกทีครับ
ครั้งนี้เป็นประสบการณ์แรก ไม่รู้ว่าผิดถูกอย่างไร ท่านใดมาช่วยเสริมก็ยินดีเลยครับ
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์
... เปิดประสบการณ์พาเด็กน้อยป่วย หาหมอเด็ก ระหว่างเที่ยวญี่ปุ่น ! ...
เริ่มต้นคือ ผมและครอบครัวอยู่ระหว่างท่องเที่ยวเดินทางที่ญี่ปุ่น
.
แต่ มีวันนึงซึ่งระหว่างเดินทางบนชินคันเซน ลูกวัย 2.5 ขวบ ก็อ้วกออกมา
ก็ทั้งเช็ดและขัด หาเสื้อผ้าเปลี่ยนกันวุ่นพอควร
ซึ่งก่อนหน้านั้น เด็กทานอะไรไปเยอะ เลยไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะเด็กก็ร่าเริงปกติ
.
พอวันรุ่งขึ้น ผมเช่ารถขับเที่ยว ก็เที่ยวไปเรื่อยๆ เด็กก็ยังกินได้ปกติ
แต่ระหว่างเที่ยว ลูกก็อ้วกอีกรอบ และก็งอแง ผิดปกติ ซึ่งก็เดาไปว่าผมอาจจะขับรถไม่ดีทางค่อนข้างโค้ง ทำให้เด็กเมารถ
.
แต่วันรุ่งขึ้น เด็กเริ่มมีอาการซึม และเริ่มมีไข้ จึงคิดว่าน่าจะผิดปกติแล้ว
จึงปรึกษาเพื่อนหมอ แนะนำให้ไปหาหมอดีกว่า
โทรหาประกันเดินทางก็ติดยากมาก ให้ญาติที่ไทยช่วยโทร ได้ความว่าไปหาหมอเลย และเอามาเบิกอีกที
ทีนี้การหาหมอญี่ปุ่นต้องทำไงล่ะ
ผมก็อ่านมาเยอะ เตรียมพร้อมพอสมควร ผมลองไปคลีนิคแรก ที่อยู่ใกล้ รร. ก่อน
การสื่อสาร อย่าหวังจะได้ใช้ภาษาอังกฤษครับ ใช้ google แปลล้วนๆ
.
ผมไปคลีนิคแรกซึ่งใกล้ๆ รร. ตามที่ พนักงาน รร. แจ้ง ซึ่งก็ไม่รับรักษาเด็ก
ที่นี้จึงต้องค้นดู ว่าคลีนิคเด็กที่ไหนบ้าง
.
ตอนนั้นผมพักที่เมือง Kokura , Kitakyushu
ก็เจอคลีนิคเด็ก แถวๆ ตลาด Tanga นั่งรถ monorail จาก Kokura ไป 2 ป้าย ก็เลยลองไปดู
แต่ ... คลีนิคบอกว่า appointment full
ต้องมาอีกทีตอนบ่าย เจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นก็มาซักอาการ
และมาบอกอีกทีว่าคลีนิคยังไม่ปิดจะตรวจช่วงเช้าให้ จึงโล่งอกไป
และจ่ายค่าใช้จ่ายเบื้อต้นประมาณ 7000 เยน ซึ่งไม่รวมยา
.
คุณหมอชาวญี่ปุ่นก็ตรวจคล้ายๆหมอไทยครับ
ซักอาการ และฟังเสียงท้อง ถามว่าแผนจะเดินทางกลับวันไหน
.
คุณหมอญี่ปุ่น เบื้องต้นจึงสันนิษฐาน ว่าเป็นอาการติดเชื้อไวรัส
พร้อมให้ยามาเบื้องต้น วัดไข้สม่ำเสมอ และหากไม่ดีขึ้นกลับไทยต้องไปหาหมอ
แต่คลีนิคญี่ปุ่น ไม่ได้จ่ายยาเองนะครับ
ต้องไปซื้อยาที่ร้านขายยาต่างหาก และผมก็หาไม่เจอนะ ถ้า จนท คลีนิคไม่พาไป ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ
ยาบางชนิดต้องใช้ใบสั่งแพทย์เท่านั้น เค้าจะไม่ขายยาให้ถ้าไม่มีใบสั่งแพทย์
จ่ายค่ายาเสร็จก็รีบกลับมา กินยาเลย ซึ่งมาเป็นผงถ้าทานผงได้ก็ดี ไม่งั้นต้องผสมน้ำเอาครับ
อ่านไม่ออกใช้ google lens ล้วนๆ ซึ่งน่าจะเป็น probiotic ช่วยให้ถ่ายออก
หลังจากทานยาไป 1 dose เด็กพอถ่ายออกก็เริ่มดีขึ้น ก็โล่งอก
.
พอถึงวันกลับก็ดีขึ้น
ยังมีอ้วก แต่ไม่ซึมไม่มีไข้ละ
เลยคิดว่าน่าจะเขียนบันทึกไว้ดีกว่า
คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นเยอะ ลูกน้อยป่วยนี่เครียดครับ คนใดอาการเยอะๆ อาจจะต้องส่งต่อ รพ.
ของผมโชคดี ยังไม่ได้เป็นอะไรมาก
ผมลองเรียบเรียงตามความเข้าใจ
1. ลองค้นหาคลีนิคใกล้ที่พัก จะใช้ keyword ว่า kid clinic / pediatician
2. ให้ จนท รร ช่วยโทรไปนัดหมาย ซึ่งจนท บางคนก็ดี บางคนก็ไม่ช่วยเท่าไร
3. ค่าใช้จ่าย ตามอาการ แต่ของผมโดนไปประมาณ หมื่นเยน และคลีนิคไม่รับเงินสด ... travel card ก็หมดประโยชน์ทันใด
ตอนนี้ก็กำลังเตรียมเอกสาร เพื่อเบิกประกันเดินทางอยู่ครับ
ได้ความอย่างไรจะมาอัพเดทอีกทีครับ
ครั้งนี้เป็นประสบการณ์แรก ไม่รู้ว่าผิดถูกอย่างไร ท่านใดมาช่วยเสริมก็ยินดีเลยครับ
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์