“สว.นพ.วีระพันธ์” จี้รัฐบาลหากไม่แก้ปัญหา “หมอลาออก” ปีหน้าออกอีกเพียบ! ไม่ใช่แค่แพทย์ หลายวิชาชีพกำลังแย่ ระบบไม่เอื้อให้คงอยู่ ยกเคส “หมอสมอง” ถูกสั่งขึ้นเวร 72 ชั่วโมงคนเดียวช่วงสงกรานต์ สรุปปัญหาและทางแก้ไขเสนอรมว.สาธารณสุขแล้ว ยกข้อมูลเศรษฐศาสตร์หนุนร่วมจ่าย กรองคนแห่ใช้บริการไม่จำเป็น กมธ.สธ.วุฒิสภา เตรียมตั้งอนุกมธ.การศึกษาปัญหาฯ พ.ค.นี้ พร้อมหนุนแยกสธ.ออกจาก ก.พ.ทางออกระบบสาธารณสุขไทย
ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องถึงการแก้ปัญหาขาดแคลนบุลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกพูดกันมากถึง “แพทย์อินเทิร์น” ปี 1 ลาออก ซึ่งเป็นแพทย์จบใหม่ในโครงการเพิ่มพูนทักษะ ใช้ทุนรัฐบาล 3 ปี แต่ปรากฎว่าเพียงปีเดียวก็มีการลาออก ยอมใช้ทุน 4 แสนบาท ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาชี้แจงว่า อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ปัญหาเชิงระบบระยะยาว ทั้งหารือร่วมกับแพทยสภา ปรับปรุงโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ผลักดันให้กระทรวงฯ สามารถบริหารจัดการด้วยตนเองผ่าน (ร่าง) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ... หรือร่างกฎหมายแยกกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ออกจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
ล่าสุดวันที่ 16 เมษายน นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ให้ความเห็นเรื่องนี้ ภายหลังมีการโพสต์ในเฟชบุ๊กถึงสถานการณ์วิกฤตขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ หากไม่รีบแก้ไข ปีหน้าหมอลาออกกันหมดแน่ โดยระบุว่า สิ่งที่ตนเองนำเสนอผ่านหน้าเฟชบุ๊กถึงปัญหาบุคลากรสาธารณสุขไทยทุกคนทุกวิชาชีพ เป็นการสะท้อนเรื่องจริง โดยตนได้รับข้อมูลมาจากหลายแหล่ง โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมามีประเด็น แพทย์อินเทิร์น ลาออก ทำให้หลายพื้นที่นำปัญหามาให้ตน ในฐานะ สว. เพื่อขอให้หาทางช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการขับเคลื่อนเรื่องนี้มาตลอด อย่างการอภิปรายในที่ประชุมวุฒิสภา หรือการเข้าหารือร่วมกับทางนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารเมื่อก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา
สว.ชงสธ.แก้ปมภาระงานบุคลากร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เข้าพบรมว.สาธารณสุข เสนอประเด็นอะไร และสธ.มีฟิตแบคกลับมาอย่างไร นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า รมว.สาธารณสุข ปลัดฯ และผู้บริหารกรมต่างๆ ก็รับฟัง ซึ่งก็ต้องมาดูว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร แต่ตนได้เสนอปัญหาต่างๆและแนวทางแก้ไขเรื่องปัญหาบุคลากร ทั้งการขาดแคลนบุคลากร การกระจายตัวไม่ดี ภาระงานมากเกินไป ซึ่งหากสามารถส่งเสริมสุขภาพประชาชนให้แข็งแรง ตามนโยบายลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยประชาชนทำตัวดีตามหลักสุขภาพ ควรได้รับรางวัล เช่น เอกซเรย์ปอดฟรีปีละครั้ง, ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมให้ฟรี รวมถึงทำร้ายร่างกายบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ ตัดสิทธิ์การรักษาฟรีทุกสิทธิ์
ชูการศึกษาเศรษฐศาสตร์หนุนร่วมจ่าย
“กรณีประชาชนทำตัวไม่ดี ต้องช่วยค่ารักษา เช่น เมาแล้วขับ เกิดอุบัติเหตุต้องจ่ายเอง, สูบบุหรี่แล้วเป็นมะเร็งปอด ต้องจ่ายค่ารักษาเองบางส่วน ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความรู้จาก อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ให้ข้อมูลว่า เคยมีงานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ว่า หากเราเก็บเงิน หรือร่วมจ่ายก่อนเข้าบริการจะช่วยคัดกรองกลุ่มที่ไม่ได้ป่วยมากหรือแทบไม่ป่วยไปได้เยอะ ช่วยลดภาระงานของบุคลากรที่ไม่จำเป็น เพื่อนำไปช่วยคนป่วยที่จำเป็นจริงๆ ประเด็นนี้สำคัญ แต่ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้เลย” สว.วีระพันธ์กล่าว
หมอสมอง ถูกสั่งขึ้นเวรคนเดียวตลอดสงกรานต์
นพ.วีระพันธ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ หากไม่รีบแก้ไข ปีหน้าหมอลาออกกันหมดแน่ เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล เภสัช เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่เวรเปล จนถึงหมอ ทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญ แต่ล้วนเจอ “ภาระที่เพิ่มขึ้น” แต่ “แรงสนับสนุนกลับลดลง” ซึ่งขอยกตัวอย่างแพทย์ อย่าลืมว่าหมอคือ มนุษย์คนหนึ่งที่กำลังเหนื่อย ท้อ และ ลาออก ซึ่งปัญหาสะสมหลายอย่างไม่ใช่แค่เรื่องเงิน ค่าตอบแทนอย่างที่บางส่วนเข้าใจ
ยกตัวอย่างว่า เคสที่ติดต่อเข้ามาล่าสุด คือ มีหมอสมองอยู่ 1 คนในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง แต่ถูกบังคับให้อยู่เวรตลอดช่วงสงกรานต์ ที่สำคัญผู้บริหารผอ.โรงพยาบาลนั้นยังสั่งว่า คนไข้ที่จะทำเอกซเรย์สมองทุกราย ก่อนเอกซเรย์ต้องผ่านหมอสมองให้คำปรึกษาและอนุญาตก่อนส่งเท่านั้น จากปกติหมอเจ้าของไข้เดิมวินิจฉัยแล้วพบว่า มีอาการผิดปกติสามารถส่งต่อมาเอกซเรย์ได้ แต่กลับโดนคำสั่งว่า ก่อนจะทำต้องบอกหมอสมองก่อนว่า อนุญาตหรือไม่เพื่อจะได้ส่งCT Scan
แสดงว่าคนเกิดเหตุทั่วจังหวัดต้องผ่านหมอสมองคนนี้คนเดียว จากภาระงานที่มากอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้งานยิ่งโหลดหนักอีก โดยเป็นโรงพยาบาลนี้แห่งเดียว และสั่งให้อยู่ 72 ชั่วโมงต้องอยู่และต้องทำ และไม่ยอมพูดคุย ซึ่งก็ไม่ทราบเหตุผลว่า เพราะอะไรมาเปลี่ยนช่วงเทศกาล ตนก็แนะนำว่า เอาคนไข้เป็นหลักก่อน แต่ก็เกิดความไม่พอใจ หมดไฟการทำงาน และปัญหาจะสะสมไปเรื่อยๆ
ตั้งอนุกมธ.การศึกษาปัญหาบุคลากรทางการแพทย์
“ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ตนจึงได้สรุปรวมปัญหาและทางออก และในเดือนพฤษภาคมนี้ เตรียมเสนอให้มีการแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาปัญหาของบุคลากรทางการแพทย์ และการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” ซึ่งอยู่ในคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา”
ปัญหาหมอลาออก
สำหรับปัญหา “หมอลาออก” นพ.วีระพันธ์ สรุปสาเหตุหลักๆ ว่า ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเพราะระบบทั้งระบบ “ไม่เห็นหัวคนทำงาน”
1. ทำงานแต่ไม่ได้รับเงินตรงเวลา เช่น ค่าตอบแทนที่ควรได้ เช่น เบี้ยกันดาร พตส ค้างจ่าย 3-6 เดือน อีกทั้ง ยังต้องทำเอกสารซับซ้อน รอกรม รอจังหวัด ขณะที่หมอเอกชน เงินเดือนเข้าอัตโนมัติทุกสิ้นเดือน
2. ถูกกดทับจากภายในเอง อันนี้เป็นปัญหามาก โดยเฉพาะแพทย์พี่เลี้ยง (หมอสตาฟ) กับหมออินเทิร์น ความเป็นพี่เป็นน้องเหมือนสมัยก่อนหายไป อย่างแพทย์เฉพาะทางบางคนเลือกเคส ไม่รับคนไข้หนัก ทำให้หมออินเทิร์น แบกรับงานหนัก เครียด ขาดระบบพี่เลี้ยงที่แท้จริง ที่สำคัญผู้บริหารโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ไม่สนใจดูแลน้อง
3. นโยบายส่วนกลางไม่เคยฟังเสียงจากพื้นที่จริง เช่น บังคับให้ รพ. 30 เตียงต้องมีหมอ 5 คน แต่ไม่ดูภาระงานจริง เป็นเกณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เทศกาลใหญ่หมอขึ้นเวร 72 ชั่วโมง ไม่มีคนเสริมเหมือนกรณียกเคสหมอสมองข้างต้น
4. ภาระผู้ป่วยข้ามแดน ที่ไม่มีงบหรือแผนรองรับ ทำให้ รพ.ชายแดนต้องแบกภาระผู้ป่วยต่างด้าวมาตลอด รัฐไม่เจรจาหรือสนับสนุนอย่างจริงจัง
5. งานเอกสารมากเกินความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง HA, ตัวชี้วัด, paperless ที่กลับทำให้ “นิ้วล็อก” เอกสารล้นมือ จนไม่มีเวลารักษาคน
6. ไม่มีสิทธิเลือกที่ทำงาน แพทย์ข้าราชการถูกกระจายแบบสุ่ม อยู่ห่างบ้านโดยไม่มีแรงจูงใจ บางคนอยู่ไกลครอบครัวนานหลายปี จนหมดไฟทำงาน
ทางแก้ไข คือ
1. จ่ายค่าตอบแทนตรงเวลา โปร่งใส ใช้ง่าย ต้องจ่ายผ่านกรมบัญชีกลางโดยตรง ใช้ระบบโอนอัตโนมัติ ไม่ผ่านระบบซับซ้อน
2. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพกัน แพทย์เฉพาะทางต้องรับผิดชอบจริง หมอ Intern ต้องได้รับการปกป้องและพัฒนา ไม่ใช่แบกงาน และ ผู้บริหารต้องฟังเสียงผู้ปฏิบัติงาน
3. นโยบายต้องออกแบบจาก “พื้นที่จริง” ใช้ข้อมูลประชากรแฝง ภาระงานจริง ไม่ใช่แค่ทะเบียนบ้าน ก่อนประกาศใช้นโยบาย ควรทดลองและฟังเสียงจากหน้างาน
4. วางระบบดูแลผู้ป่วยข้ามแดนให้เป็นธรรม มีระบบประกันหรือเจรจาค่ารักษาข้ามแดน และ ไม่ปล่อยให้ รพ.ชายแดนทำงานฟรี
5. ลดภาระงานเอกสารที่ไม่จำเป็น เหลือเฉพาะตัวชี้วัดที่สะท้อนคุณภาพชีวิตจริง ให้ระบบช่วยงาน ไม่ใช่ให้หมอเป็นคนกรอกทุกอย่าง
6. ปรับระบบสรรหาแพทย์แบบมีแรงจูงใจ ให้เลือกพื้นที่ได้มากขึ้น พร้อมสิทธิประโยชน์ เช่น วันลา, คะแนนวิชาชีพ, สวัสดิการพิเศษ เขตกันดารต้องได้มากกว่าคำชม ต้องได้ “สิ่งที่คนอื่นไม่ได้”
7. การผลักดันร่างพ.ร.บ.ข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ...หรือแยกตัวออกจากก.พ.
แยกสธ.ออกจาก ก.พ.ทางออกระบบสาธารณสุข
“บุคลากรสาธารณสุขทุกคน พวกเขาทุ่มเทสุดแรง แต่ระบบที่เขาอยู่… กำลังผลักให้พวกเขาถอยออกมาเงียบ ๆ อย่าปล่อยให้ “คนรักษาคน” ต้องออกจากระบบ เพราะรู้สึกว่าไม่มีใครรักษาเขา ถึงเวลาฟังเสียงคนหน้างานถึงเวลารักษาระบบให้รักษาคนได้อย่างยั่งยืน ซึ่งทางแก้ไขที่ยั่งยืนขอย้ำว่า คือ รัฐบาลต้องผลักดันให้กระทรวงสาธารณสุขบริหารได้ด้วยตนเอง แยกตัวออกจาก ก.พ.” นพ.วีระพันธ์กล่าวทิ้งท้าย.
สว.วีระพันธ์ จี้รัฐบาลแก้ปม “หมอลาออก” ก่อนไม่เหลือในระบบสาธารณสุข ชงตั้งอนุกมธ.สธ.แก้ปัญหา