สามีภรรยาที่หย่าขาดจากกัน ถ้าฝ่ายนึงกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง อีกฝ่ายควรส่งเงินช่วยเหลือหรือร่วมรับผิดชอบบ้างไหมครับ?

สวัสดีครับ

ผมมีพนักงานคนนึง อายุ 29 ปีครับ เป็นคนขยันขันแข็ง  เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาก็มาของานทำเพิ่ม ไม่ขอเป็นวันหยุด
แต่ถึงจะขยันขนาดไหน เขามักมีปัญหาเรื่องการเบิกเงินล่วงหน้า  จนผมได้เรียกเขามานั่งคุยว่ามันมีปัญหาอะไรในชีวิตหรือเปล่า

ก็เลยได้ทราบเรื่องราวชีวิตของเขาว่า:

เขามีพี่น้องสามคน เขาเป็นคนโต คนกลางนั้นค่อนข้างเป็นเด็กมีปัญหา ส่วนน้องคนเล็กยังเรียนไม่จบปริญญาตรี
พ่อกับแม่เขาแยกทางกันมานานแล้วครับ โดยน้องสาวไปอยู่กับแม่  แต่เขากับน้องคนกลางอาศัยอยู่กับพ่อ
ต่อมา พ่อของเขาเส้นเลือดในสมองแตก เลยกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง และถูกส่งกลับไปอยู่บ้านเกิด
โดยเขาในฐานะลูกคนโตเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของพ่อทั้งหมด

เขาเล่าว่า แค่ค่าพยาบาลรายเดือน เดือนละ 19,000 บาท + ค่าแพมเพิส + ค่าน้ำค่าไฟ + ค่าถังออกซิเจน
เงินเดือนแต่ละเดือนก็แทบไม่พอแล้วครับ  ยังไงก็ต้องวิ่งหางานเพิ่ม
ถ้าเดือนไหนพ่ออาการไม่ดี ค่ารถ ambulance พาไปโรงพยาบาลไปกลับก็ 4,000 บาท
ทำงานเท่าไหร่ก็หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด

เขาเปิดใจกับผมตรงๆเลยว่า  ช่วงโควิดเขาต้องยอมแม้กระทั่งไปทำงานร้านนวดชายเพื่อที่จะหาเงินมาให้พอกับค่าใช้จ่ายตรงนี้
ผมถามเขาว่าแล้วคนที่เหลือในครอบครัวเขาไม่ร่วมรับรู้เลยหรอ เขาตอบว่า ทุกคนรู้ แต่แม่เขาก็ไม่ได้รวยอะไรมากนักและมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว
ตอนเขาไปทำงานนวด แม่เขายังไม่ห้ามเลยพูดแต่เพียงว่า เอาที่เขาโอเคแล้วกัน

ผมฟังแล้วก็อึ้งนะ  เขาแบกรับอะไรมาหนักมากเลย

ผมเลยเกิดคำถามว่า ในกรณีของครอบครัวที่หย่าขาดจากกัน (เลิกกันไม่ดีนัก) ถ้าสามีหรือภรรยากลายมาเป็นผู้ป่วยทุพพลภาพ
อีกฝ่ายเขาจะไม่มีเมตตาจิตหรือร่วมดูแลในฐานะที่ครั้งนึงเคยมีช่วงเวลาดีๆ เคยแชร์ความรู้สึกดีๆให้กันเลยหรอครับ?
ความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กัน มันตัดกันขาดได้จริงๆหรอ?
ถ้าความรักในฐานะสามี-ภรรยาจบลงไป แต่อย่างน้อยๆความเป็นแม่ควรต้องมีความห่วงใยและปรารถนาดีต่อลูก (แม้ว่าลูกจะโตแล้ว) ไหมครับ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่