JJNY : 5in1 แผ่นดินไหว จ.กระบี่│น้ำป่าหลากที่จ.ลำพูน│‘ไอซ์’ยันกัดไม่ปล่อย│เกาหลีเหนือสร้างเรือรบ│รัสเซียยิงซูมีซัดยูเครน

เมื่อวันที่ 14 เมษายน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งว่า เมื่อเวลา 14.27 น. เกิดแผ่นดินไหวบนบก ขนาด 3.5 ความลึก 2 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.คลองเขม้า อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ละติจูด 8.022 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.978 องศาตะวันออก ซึ่งแผ่นดินไหวนี้จุดศูนย์กลางอยู่บนบก จึงไม่ก่อให้เกิดสึนามิ

.

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว พบว่า ประชาชนในพื้นที่ ต.ปกาสัย ต.ตลิ่งชัน ต.คลองเขม้า ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง ได้รับความรู้สึกสั่นไหว อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก จึงได้ประสานให้จังหวัดกระบี่ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

.

พร้อมทั้งชี้แจงประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก และประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

.

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ นายอำเภอ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจสอบสถานการณ์และความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาล สนามบิน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจและตรวจสอบอาคารบ้านเรือนประชาชนโดยด่วน

.

ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้น นายอำเภอเหนือคลองรายงานว่า แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ได้แก่ เกาะจำ เกาะปู และติงไหร ไม่รับรู้แรงสั่นไหว ส่วนสนามบินนานาชาติจังหวัดกระบี่รับรู้ถึงแรงสั่นไหว แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย และยังคงเปิดให้บริการและทำการบินตามปกติ

.

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาให้ข้อมูลว่า กรณีแผ่นดินไหว จ.กระบี่ ครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางใกล้ความถี่ในการสั่นจะสูง (คล้ายรถบรรทุกขนาดใหญ่มากวิ่งผ่าน) ส่วนแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางห่างจากประเทศไทยความถี่ในการสั่นจะยาว (คล้ายเปลที่ผูกเชือกยาวๆ) จึงทำให้มีผลต่อความรู้สึกสั่นไหวแตกต่างกัน

.

ทั้งนี้ แผ่นดินไหวขนาด 3.5 ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารบ้านเรือนประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ในการแจ้งเตือนภัย แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว ปภ.ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

.

.

.

วันที่ 14 เม.ย. 68 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านห้วยฮ่อมนอก หมู่ที่ 4 ต.ทาแม่ลอบ อ.แม่ทา จ.ลำพูน ติดตามความคืบหน้ากรณี เกิดน้ำป่าไหลหลาก พบนายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายธนา นวลปลอด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน นายปรีชา สมชัย ปลัดจังหวัดลำพูน นายประกอบ ยอดยา นายอำเภอแม่ทา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือชาวบ้าน 

.

เบื้องต้นพบว่า มีบ้านเสียหายทั้งหลังจำนวน 8 หลัง บ้านเสียหายบางส่วนอีกหลายหลัง ชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย คือ นายยุทธิชัย โคะก๋า อายุ 55 ปี และ น.ส.หวาน โค๊ะก๋า อายุ 58 ปี ชาว ต.ทาแม่ลอบ อ.แม่ทา จ.ลำพูน สองพี่น้องถูกน้ำซัดบ้านไหลไปกับน้ำทั้งหลัง นอกจากนี้ยังมีรถกระบะอีก 4 คัน รถ จยย. ประมาณ 10 คัน ถูกน้ำซัดไป ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าบ้านที่เสียหายส่วนใหญ่อยู่ใกล้กับลำห้วยฮ่อม

.

จากการสอบถาม น.ส.ทิพวรรณ โค๊ะก๋า อายุ 29 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีบ้านติดกับบ้านผู้เสียชีวิต เบื้องต้นทราบว่า เมื่อเย็นวานนี้ฝนตกลงมาอย่างหนัก ต่อมาประมาณ 3 ทุ่มกว่า น้ำในลำห้วยเริ่มไหลมาอย่างแรงและเสียงน้ำดังแรงมาก ตนเองลงมาเก็บข้าวของที่ใต้ถุนบ้าน ตอนนั้นระดับน้ำสูงประมาณเข่า ต่อมาน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงหนีตายไปบ้านญาติที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ลุงและป้าที่เสียชีวิตยังเก็บข้าวของอยู่บนบ้าน และคงหาเงินที่เก็บไว้เรือนแสนบาทที่ได้จากการเกษตร จึงตะโกนบอกให้รีบออกมา

.

แต่ยังไม่ทันไรบ้านหลังแรกก็ถูกน้ำซัดพังไปหนึ่งหลัง และต่อมาก็เป็นบ้านลุงกับป้าถูกน้ำป่าซัดไป โดยที่ลุงกับป้ายังอยู่ในบ้าน และหายไปกับกระแสน้ำรวมถึงบ้านของตนเองด้วย ตอนนั้นตกใจมากเกือบจะเป็นลม และมาพบศพลุงกับป้าเมื่อเช้าวันนี้ไหลไปในลำห้วยไกลกว่า 5 กม. ไปติดที่ต้นไม้ทั้งคู่ ตอนนี้ตนเองหมดเนื้อหมดตัวเพราะเก็บสิ่งของไม่ทัน

.

ด้านนายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนเปิดเผยว่า เบื้องต้นพบว่ามีบ้านเสียหายทั้งหลังจำนวน 8 หลัง บ้านเสียหายบางส่วนอีกหลายหลัง ชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย ถูกน้ำซัดบ้านไหลไปกับน้ำทั้งหลัง นอกจากนี้ยังมีรถกระบะอีก 4 คัน รถ จยย. หลายคัน อยู่ระหว่างการสำรวจ เบื้องต้นทางจังหวัดกำลังเข้าช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการช่วยเหลือเรื่องบ้านที่พังเสียหายและอื่นๆ ตามระเบียบของทางราชการ

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวผ่านรายการ MatiTalk ผ่านช่องยูทูบ matichon tv ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา มีการถอดบทเรียนอย่างไรและให้คะแนนตัวเองอย่างไร ว่า เอาเรื่องที่ประชาชนพูดถึงอย่างมาก คืออภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียว ซึ่งเรายืนยันว่ามันต้องเป็นการอภิปรายนายกฯ คนเดียว ถามว่าการก่อกำเนิดของรัฐบาลชุดนี้ ลองคิดดูว่าก่อกำเนิดมาจากอะไร พูดตรงๆ คือทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครอยากพูดถึง คือการเอาบางสิ่งบางอย่างไปแลกกับการกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่สิ่งที่เขาเอาไปแลก มันมีอะไรบ้างนั้น คือต่อไปนี้การปฏิรูปในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปกองทัพ การแตะต้องกระเป๋าเงินของกลุ่มทุน การปฏิรูปรัฐราชการ จะไม่เห็นว่ามันเกิดขึ้นเลยแน่นอนในรัฐบาลชุดนี้ แน่นอนว่านายทักษิณไปดีลกับชนชั้นนำ ซึ่งรวมถึงกองทัพ กลุ่มทุน เป็นต้น ดังนั้นเราคิดว่ามันสะท้อนในสิ่งที่เราอภิปรายไป ถามว่าเรื่องค่าไฟ คุณกล้าทำอะไรกลุ่มทุนพลังงานหรือไม่ รวมทั้งการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ต้องลงไปถึงการถอนรากไทยเทาจีนเทา หรือการจัดการเรื่องฝุ่น สะท้อนว่าสุดท้ายคุณเอาอนาคตของทุกคนไปแลก พอมีดีลแบบนี้เกิดขึ้น คุณก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะไม่ว่าจะจับไปทางไหน มันก็คือสิ่งที่คุณไปแลกมาแล้ว คุณก็เลยอาจจะทำได้แค่แจกเงิน

.

น.ส.รักชนก ยังกล่าวถึงการติดตามประเด็นประกันสังคม ว่า ตนมีความถนัดและสนใจในเรื่องงบประมาณ และเรียกว่าเป็นจังหวะที่ได้แฮกงบประกันสังคม เราเข้าไปดูงบประมาณที่ผิดปกติ การมาทำเรื่องประกันสังคมสะท้อนหลายอย่างคือ ระบบงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งอาจจะเป็นไปตามระเบียบ แต่ดูในเรื่องประสิทธิภาพและความคุ้มค่าหรือไม่ สะท้อนให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างว่าเหตุใดประกันสังคมจึงทำงานแบบนี้ เพราะว่าติดความเป็นรัฐราชการรวมศูนย์และระบบราชการต่างๆ ที่ไม่ว่าทำอะไรต้องอาศัยระเบียบรองรับตามกฎหมาย แต่ว่าระเบียบเหล่านี้ อาจไม่ใช่ความคุ้มค่าตามประสิทธิภาพ ซึ่งการที่ตนพูดถึงตึกหรืองบประมาณต่างๆ สะท้อนว่าเราควรปฏิรูปประกันสังคม ซึ่งรัฐเราถ้าเป็นบริษัทมันเจ๊งไปนานแล้ว แต่ที่มันยังไม่เจ๊งเพราะเป็นรัฐจึงเจ๊งไม่ได้ แต่ใกล้เข้าสู่ความล้มเหลวมากขึ้นทุกทีๆ

.

น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า หากตนไม่ออกมาพูดเรื่องนี้เลยประกันสังคมจะเป็นอย่างไรนั้น คิดว่าคงมีความก้าวหน้าไปน้อยมาก อย่างไรก็ตามถึงตนไม่พูดเลยก็ยังมีคนอื่นที่พูดอยู่ แต่อาจจะเป็นจังหวะที่ตนโชคดีสื่อสารไปแล้วสื่อเอาใจช่วย อาจจะเป็นเพราะทุกคนส่งประกันสังคมถูกตัดจากเงินเดือนทุกเดือน ทำให้หลายคนมีความรู้สึกเรื่องนี้มาก ดีใจที่พูดแล้วนำไปสู่ความยุติธรรมให้คนที่อยู่ในมาตรา 39 และมีการพูดถึงเรื่องการเปิดเผยมติที่ประชุม หรือรายงานการประชุมให้คนรู้ว่าคณะกรรมการแต่ละชุดคุยกันอย่างไร รวมทั้งเรื่องที่คนสงสัยต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้คงไม่หยุดแค่นี้ ตราบใดที่เรายังแก้ไขโครงสร้างประกันสังคมไม่ได้ เรื่องที่เราทำเป็นแค่ยอดภูเขาเล็กนิดเดียวเท่านั้น เรื่องตึกที่เขาซื้อมาได้ จริงๆ เราไม่ได้ต้องการอยากซัดเรื่องนี้ แต่ว่าอยากป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างตึก Skyy9 ขึ้นอีก เพราะว่าอันนี้คือการลงทุนนอกตลาด 1 หมื่นล้านบาท และเอาเงิน 7,000 ล้านบาทมาลงทุนในตึกนี้ และขณะนี้เขากำลังจะขยายมูลค่าการลงทุนเป็น 1.3 แสนล้านบาท ถ้าเราไม่ป้องกันไว้ตั้งแต่ต้นมันจะเกิดเหตุการณ์แบบตึก Skyy9 อีกกี่ตึก ซึ่งเราอยากแก้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นตอ

.

น.ส.รักชนก กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการไปดูงานต่างประเทศของสำนักงานประกันสังคมนั้น ก็คิดว่าเขาน่าจะกล้าไปอีก แต่คงไม่ใช่แบบเดิม ซึ่งเคยคุยภายในพรรคว่าหากพรรคประชาชนเป็นรัฐบาลเราอาจจะทำเว็บไซต์ของรัฐบาลขึ้นมา ให้ทุกหน่วยงานที่ใช้งบประมาณภาษีหรืออยู่ภายใต้การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ถ้าจะต้องไปดูงานต้องเอาข้อมูล กำหนดการ รายชื่อผู้เดินทาง แผนต่างๆ ขึ้นเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนเข้ามาดูได้ และมีรายงานการประชุมหรือไม่ ซึ่งทุกคนจะมีความตระหนักรู้ด้วยตัวเอง และหากถูกตรวจสอบได้ พฤติกรรมของทุกคนจะดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่ต้องรอรัฐบาลพรรคประชาชน รัฐบาลนี้จะเอาไอเดียนี้ของเราไปทำก็ได้ แต่มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะว่าสำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือแม้แต่ในสภา กทม. สภาผู้แทนและวุฒิสภา การไปดูงานคือการไปเที่ยว เขามีวัฒนธรรมแบบนี้มา และรัฐบาลก็คงไม่กล้าไปทุบทำลายสิ่งนี้

.