วิจัยชี้ 'คนไทย' อายุยืน 82% เสี่ยงมีเงินไม่พอใช้หลังเกษียณ
การมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้สูงวัยในสังคม เริ่มจากความมั่นคงทางการเงินโดยการวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ
.
ในปัจจุบัน ผู้คนมีอายุขัยเฉลี่ยที่ยาวนานขึ้น การวางแผนการเงินสำหรับวัยเกษียณจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงเวลาที่อาจยาวนานถึง 20-30 ปี หรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นตามวัย เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าดูแลสุขภาพ และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
.
ผลการศึกษาความเพียงพอวัยเกษียณ โดยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ระบุว่า มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่อาจบั่นทอน ความมั่นคงทางการเงินของผู้สูงอายุ ได้แก่ การมีหนี้สิน ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวลในกลุ่มข้าราชการช่วงอายุ 55-60 ปี ที่มีหนี้สินเฉลี่ยค่อนข้างสูง การไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองหลังเกษียณ การปรับตัวสูงขึ้นของค่าครองชีพในแต่ละปี และเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อเงินออมที่มีอยู่
.
จากข้อมูล ณ ปี 2567 พบว่า แหล่งเงินหลักหลังเกษียณของสมาชิก กบข. มาจาก 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ บำนาญจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35,000 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นเงินก้อนประมาณ 7 ล้านบาท และเงินก้อนจาก กบข. เอง ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านบาท เมื่อรวมกันแล้ว สมาชิก กบข. จะมีเงินเฉลี่ยประมาณ 8.3 ล้านบาทเมื่อเกษียณอายุที่ 67 ปี
.
ทั้งนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับประมาณการค่าใช้จ่ายรายเดือน โดยแบ่งเป็นระดับความกินดีอยู่ดี 3 ระดับ ได้แก่ ระดับพื้นฐานจะอยู่ที่ประมาณ 26,000 บาทต่อเดือน ระดับดีอยู่ที่ประมาณ 36,000 บาทต่อเดือน และระดับดีมากอยู่ที่ประมาณ 58,000 บาทต่อเดือน
วิจัยชี้ 'คนไทย' อายุยืน 82% เสี่ยงมีเงินไม่พอใช้หลังเกษียณ