จะตรงกับท่อนนี้ ในพระสูตร
ภพทั้งหลายเหล่าหนึ่งเหล่าใด อันเป็นไปในที่หรือในเวลาทั้งปวง๑ เพื่อความมีแห่งประโยชน์โดยประการทั้งปวง; ภพทั้งหลายทั้งหมดนั้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา.
เมื่อบุคคลเห็นอยู่ซึ่งข้อนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง อย่างนี้อยู่; เขาย่อมละภวตัณหาได้ และไม่เพลิดเพลินซึ่งวิภวตัณหาด้วย.
ความดับเพราะความสำรอกไม่เหลือ (แห่งภพทั้งหลาย) เพราะความสิ้นไป แห่งตัณหาโดยประการทั้งปวง นั้นคือ นิพพาน.
ภพใหม่ย่อมไม่มีแก่ภิกษุนั้น ผู้ดับเย็นสนิทแล้ว เพราะไม่มีความยึดมั่น.
ภิกษุนั้นเป็นผู้ครอบงำมารได้แล้ว เป็นนักรบชนะสงครามแล้ว ก้าวล่วงภพทั้งหลาย ทั้งปวงได้แล้ว เป็นผู้คงที่
รู้ทุกข์ สมุทัยจะละ แจ้งนิโรธ มรรคเจริญ
ภพทั้งหลายเหล่าหนึ่งเหล่าใด อันเป็นไปในที่หรือในเวลาทั้งปวง๑ เพื่อความมีแห่งประโยชน์โดยประการทั้งปวง; ภพทั้งหลายทั้งหมดนั้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา.
เมื่อบุคคลเห็นอยู่ซึ่งข้อนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง อย่างนี้อยู่; เขาย่อมละภวตัณหาได้ และไม่เพลิดเพลินซึ่งวิภวตัณหาด้วย.
ความดับเพราะความสำรอกไม่เหลือ (แห่งภพทั้งหลาย) เพราะความสิ้นไป แห่งตัณหาโดยประการทั้งปวง นั้นคือ นิพพาน.
ภพใหม่ย่อมไม่มีแก่ภิกษุนั้น ผู้ดับเย็นสนิทแล้ว เพราะไม่มีความยึดมั่น.
ภิกษุนั้นเป็นผู้ครอบงำมารได้แล้ว เป็นนักรบชนะสงครามแล้ว ก้าวล่วงภพทั้งหลาย ทั้งปวงได้แล้ว เป็นผู้คงที่