บทที่ 28 — “คนที่เธอเคยเป็น”
ห้องทำงานของประทีปเงียบสงัดยามบ่าย แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านบางเฉื่อยชาจนกลายเป็นแสงสีทองหม่นที่ปกคลุมทั่วทั้งห้อง
กลิ่นเก่า ๆ ของไม้สักเก่า ฝุ่น และยาสูบยังอบอวลในอากาศ ทุกอย่างดูเหมือนหยุดนิ่ง ราวกับเวลายอมจำนนต่อความทรงจำของชายวัยกลางคน
ประทีปนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ ใบหน้ากร้านกรำเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา เขาเอื้อมมือช้า ๆ ไปหยิบกรอบรูปหนึ่งขึ้นมา
ในรูป…หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ ยืนยิ้มอยู่กลางสวน เธอสวมชุดเดรสสีอ่อน ผมยาวปลิวตามลม ดวงตาเปล่งประกายซื่อตรงและสดใส
เขาใช้ปลายนิ้วหยาบแตะลงบนใบหน้านั้นแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าสัมผัสจะทำลายเธอให้หายไป
เงียบงัน
เขาวางกรอบรูปลงข้างหน้า หยิบกล่องไม้ใบเล็กออกจากลิ้นชัก เปิดมันอย่างระมัดระวัง ด้านในคือจดหมายเก่า ๆ ผูกไว้ด้วยริบบิ้นสีซีด ประทีปคลี่จดหมายทีละฉบับ ลายมือที่เขาคุ้นเคยแตะตาแต่ละบรรทัดอย่างเชื่องช้า
ทุกตัวอักษรคือลมหายใจของเขา
บางฉบับยังคงกลิ่นน้ำหอมเจือจาง เหมือนเสียงกระซิบที่ลอดข้ามกาลเวลา ทะลุทะลวงเข้าไปในใจที่แห้งแล้ง
ประทีปหยุดที่จดหมายฉบับหนึ่ง อ่านซ้ำเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ริมฝีปากขยับเบา ๆ ตามข้อความในนั้นราวกับจะรำลึกถึงเสียงของเจ้าของ
…แต่วันนี้ เธอไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว
เธอไม่เคยหันมามองเขาด้วยแววตาแบบนั้น ไม่เคยจับมือเขาแบบนั้น ไม่เคยเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่เคยอ่อนโยนอีกเลย
เขายังจำได้…สัมผัสของเธอ กลิ่นของเธอ ความสั่นไหวในอกเมื่อเธออยู่ในอ้อมกอด
แต่ตอนนี้…ทุกอย่างนั้นหายไป เหมือนผู้หญิงคนนั้นไม่เคยมีอยู่จริง
หรือบางที—เธออาจตายไปแล้ว
เขาหยิบจดหมายทั้งหมดขึ้นมาแนบอก สายตาหรี่ลงขณะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เสียงลมหายใจช้า ๆ ดังก้องในความเงียบ
ด้านหลังม่านหน้าต่าง เงาเลือนรางของใครบางคนยืนอยู่ในแสงแดดจาง
สวมชุดสีอ่อน…คล้ายกับผู้หญิงในรูป
แต่ใบหน้าเธอ ไม่ใช่—หรือใช่?
เขาไม่ได้หันไปมอง
เขาไม่อยากรู้คำตอบ
บรรยากาศบ่ายคล้อยในครัวหลังสำนักงานเอกภพสืบสวน มีกลิ่นหอมของขนมกล้วยที่เพิ่งยกออกจากเตา เยาวภาสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูซีด ขมวดคิ้วจ้องหน้าขนมบนถาดที่บรรจงกำลังยื่นมือจะหยิบ
“อย่าเพิ่งแตะ! ยังร้อนอยู่เดี๋ยวลิ้นพอง”
บรรจงยิ้มกว้างอย่างคนที่ไม่ค่อยจะกลัวอะไรนัก
“ผมเคยพายเรือหนีระเบิดมาก่อนนะคุณเยาวภา แค่ขนมกล้วยร้อน ๆ จะไปกลัวอะไร”
เยาวภาหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้า
“พายเรือหนีระเบิด? นี่แกกำลังฝันกลางวันอยู่เหรอ“
บรรจงยักคิ้ว ก่อนหยิบขนมมาชิ้นหนึ่งแล้วเป่าเบา ๆ พอแตะปากได้ก็เอาเข้าปากเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี
“จริงแท้แน่นอน ไม่งั้นจะกล้าหยิบขนมคุณกินเหรอ โธ่แม่เยาจ้า ชีวิตผมผ่านอะไรมาเยอะน่า”
“กล้าดียังไงมากินขนมก่อนเจ้าของอนุญาต”
“เพราะรู้ว่าเจ้าของใจดีไงล่ะจ้ะ”
เยาวภาหน้าขึ้นสีเล็กน้อยแต่ก็แกล้งหยิกแขนบรรจงเบา ๆ
“ปากหวานแบบนี้ ถ้าไม่ใช่นายเอกภพส่งคุณมา ฉันคงคิดว่าคุณจีบฉันแน่ ๆ”
บรรจงแกล้งทำหน้าจริงจัง หยิบผ้าในมือมาปัดเศษแป้งบนโต๊ะ แล้วมองเธออย่างล้อเล่น
“ถ้าผมจะจีบล่ะ จะยอมให้จีบไหม?”
เยาวภาหัวเราะ ลอบหลบสายตา
“ไปทำงานของคุณเถอะคุณบรรจง ก่อนฉันจะเอาทัพพีเคาะหัวจริง ๆ”
“รับคำสั่งครับคุณผู้หญิง…แต่เดี๋ยวผมขออีกชิ้นนะ ขนมคุณอร่อยจริง ๆ”
พิษสวาท อำพราง บทที่28 คนที่เธอเคยเป็น
ห้องทำงานของประทีปเงียบสงัดยามบ่าย แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านบางเฉื่อยชาจนกลายเป็นแสงสีทองหม่นที่ปกคลุมทั่วทั้งห้อง
กลิ่นเก่า ๆ ของไม้สักเก่า ฝุ่น และยาสูบยังอบอวลในอากาศ ทุกอย่างดูเหมือนหยุดนิ่ง ราวกับเวลายอมจำนนต่อความทรงจำของชายวัยกลางคน
ประทีปนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ ใบหน้ากร้านกรำเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา เขาเอื้อมมือช้า ๆ ไปหยิบกรอบรูปหนึ่งขึ้นมา
ในรูป…หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ ยืนยิ้มอยู่กลางสวน เธอสวมชุดเดรสสีอ่อน ผมยาวปลิวตามลม ดวงตาเปล่งประกายซื่อตรงและสดใส
เขาใช้ปลายนิ้วหยาบแตะลงบนใบหน้านั้นแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าสัมผัสจะทำลายเธอให้หายไป
เงียบงัน
เขาวางกรอบรูปลงข้างหน้า หยิบกล่องไม้ใบเล็กออกจากลิ้นชัก เปิดมันอย่างระมัดระวัง ด้านในคือจดหมายเก่า ๆ ผูกไว้ด้วยริบบิ้นสีซีด ประทีปคลี่จดหมายทีละฉบับ ลายมือที่เขาคุ้นเคยแตะตาแต่ละบรรทัดอย่างเชื่องช้า
ทุกตัวอักษรคือลมหายใจของเขา
บางฉบับยังคงกลิ่นน้ำหอมเจือจาง เหมือนเสียงกระซิบที่ลอดข้ามกาลเวลา ทะลุทะลวงเข้าไปในใจที่แห้งแล้ง
ประทีปหยุดที่จดหมายฉบับหนึ่ง อ่านซ้ำเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ริมฝีปากขยับเบา ๆ ตามข้อความในนั้นราวกับจะรำลึกถึงเสียงของเจ้าของ
…แต่วันนี้ เธอไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว
เธอไม่เคยหันมามองเขาด้วยแววตาแบบนั้น ไม่เคยจับมือเขาแบบนั้น ไม่เคยเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่เคยอ่อนโยนอีกเลย
เขายังจำได้…สัมผัสของเธอ กลิ่นของเธอ ความสั่นไหวในอกเมื่อเธออยู่ในอ้อมกอด
แต่ตอนนี้…ทุกอย่างนั้นหายไป เหมือนผู้หญิงคนนั้นไม่เคยมีอยู่จริง
หรือบางที—เธออาจตายไปแล้ว
เขาหยิบจดหมายทั้งหมดขึ้นมาแนบอก สายตาหรี่ลงขณะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เสียงลมหายใจช้า ๆ ดังก้องในความเงียบ
ด้านหลังม่านหน้าต่าง เงาเลือนรางของใครบางคนยืนอยู่ในแสงแดดจาง
สวมชุดสีอ่อน…คล้ายกับผู้หญิงในรูป
แต่ใบหน้าเธอ ไม่ใช่—หรือใช่?
เขาไม่ได้หันไปมอง
เขาไม่อยากรู้คำตอบ
บรรยากาศบ่ายคล้อยในครัวหลังสำนักงานเอกภพสืบสวน มีกลิ่นหอมของขนมกล้วยที่เพิ่งยกออกจากเตา เยาวภาสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูซีด ขมวดคิ้วจ้องหน้าขนมบนถาดที่บรรจงกำลังยื่นมือจะหยิบ
“อย่าเพิ่งแตะ! ยังร้อนอยู่เดี๋ยวลิ้นพอง”
บรรจงยิ้มกว้างอย่างคนที่ไม่ค่อยจะกลัวอะไรนัก
“ผมเคยพายเรือหนีระเบิดมาก่อนนะคุณเยาวภา แค่ขนมกล้วยร้อน ๆ จะไปกลัวอะไร”
เยาวภาหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้า
“พายเรือหนีระเบิด? นี่แกกำลังฝันกลางวันอยู่เหรอ“
บรรจงยักคิ้ว ก่อนหยิบขนมมาชิ้นหนึ่งแล้วเป่าเบา ๆ พอแตะปากได้ก็เอาเข้าปากเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี
“จริงแท้แน่นอน ไม่งั้นจะกล้าหยิบขนมคุณกินเหรอ โธ่แม่เยาจ้า ชีวิตผมผ่านอะไรมาเยอะน่า”
“กล้าดียังไงมากินขนมก่อนเจ้าของอนุญาต”
“เพราะรู้ว่าเจ้าของใจดีไงล่ะจ้ะ”
เยาวภาหน้าขึ้นสีเล็กน้อยแต่ก็แกล้งหยิกแขนบรรจงเบา ๆ
“ปากหวานแบบนี้ ถ้าไม่ใช่นายเอกภพส่งคุณมา ฉันคงคิดว่าคุณจีบฉันแน่ ๆ”
บรรจงแกล้งทำหน้าจริงจัง หยิบผ้าในมือมาปัดเศษแป้งบนโต๊ะ แล้วมองเธออย่างล้อเล่น
“ถ้าผมจะจีบล่ะ จะยอมให้จีบไหม?”
เยาวภาหัวเราะ ลอบหลบสายตา
“ไปทำงานของคุณเถอะคุณบรรจง ก่อนฉันจะเอาทัพพีเคาะหัวจริง ๆ”
“รับคำสั่งครับคุณผู้หญิง…แต่เดี๋ยวผมขออีกชิ้นนะ ขนมคุณอร่อยจริง ๆ”