ผู้เชี่ยวชาญ ชี้!! ‘กรุงเทพฯดินอ่อน’ สะเทือนอาคารสูง ติวเข้ม!! ทุกตึกควรออกแบบยึดข้อมูลแผ่นดินไหว

ผู้เชี่ยวชาญ ชี้!! แนวทางแก้ไข หลังตัวแปร ‘ดินอ่อนกรุงเทพฯ’ ขยายแรงสั่นสะเทือน ทำอาคารสูงเสี่ยงสั่นพ้อง ส่วนอาคารสูงไม่ได้มาตรฐานมีโอกาสโยกมากกว่าปกติ




จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้หลายอาคารสูงในกรุงเทพมหานครรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้อย่างชัดเจน ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้จุดประกายความกังวลและความตื่นตัวในหมู่ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหววิทยาเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเมืองหลวงของประเทศไทย

ศาสตราจารย์ ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหววิทยา ได้กล่าวในงาน เสวนา ‘โลกเดือด แผ่นดินขยับ : อยู่กับความเสี่ยงอย่างไร ให้ปลอดภัยอย่างยั่งยืน’ ว่า ดินอ่อนใต้กรุงเทพฯ มีคุณสมบัติพิเศษในการขยายคลื่นแผ่นดินไหว โดยเฉพาะคลื่นความถี่ต่ำ ซึ่งส่งผลให้อาคารสูงเกิดการสั่นพ้องและรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ชัดเจนกว่าอาคารเตี้ยหรือผู้ที่อยู่บนพื้นดิน

สำหรับ กรุงเทพมหานครตั้งอยู่บนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีลักษณะเป็นดินอ่อนหรือดินเหนียวอ่อน ดินประเภทนี้มีคุณสมบัติในการขยายคลื่นแผ่นดินไหว โดยเฉพาะคลื่นความถี่ต่ำที่มาจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในระยะไกล เมื่อคลื่นแผ่นดินไหวเคลื่อนที่ผ่านดินอ่อน ความเร็วของคลื่นจะลดลง แต่แอมพลิจูดหรือความสูงของคลื่นจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แรงสั่นสะเทือนบนพื้นดินมีความรุนแรงมากขึ้น

ศ.ดร.เป็นหนึ่ง อธิบายว่า ดินอ่อนในกรุงเทพฯ สามารถขยายความรุนแรงของคลื่นแผ่นดินไหวได้ประมาณ 2-2.5 เท่า ซึ่งหมายความว่า หากแผ่นดินไหวในระยะไกลทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนระดับหนึ่งบนพื้นดินแข็ง แรงสั่นสะเทือนบนดินอ่อนในกรุงเทพฯ จะมีความรุนแรงมากกว่า 2-2.5 เท่า

ดังนั้น คลื่นความถี่ต่ำที่ถูกขยายในดินอ่อนอาจเกิดการสั่นพ้องกับความถี่ในการโยกตัวของอาคารสูง อาคารสูงแต่ละหลังมีความถี่ในการโยกตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากความถี่ของคลื่นแผ่นดินไหวตรงกับความถี่ในการโยกตัวของอาคาร จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘การสั่นพ้อง’ (resonance) ซึ่งทำให้อาคารโยกตัวอย่างรุนแรงและรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ชัดเจน

ในขณะที่อาคารเตี้ยหรือผู้ที่อยู่บนพื้นดินอาจไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนมากนัก เนื่องจากความถี่ในการโยกตัวของอาคารเตี้ยแตกต่างจากความถี่ของคลื่นแผ่นดินไหว และแรงสั่นสะเทือนบนพื้นดินอาจถูกดูดซับโดยดินหรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ

ศ.ดร.เป็นหนึ่ง เผยอีกว่า แม้กฎหมายควบคุมอาคารในกรุงเทพมหานครจะได้พิจารณาสภาพดินอ่อนและมีการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าอาคารต่าง ๆ สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดชี้ให้เห็นว่า อาคารสูงบางแห่งอาจมีการโยกตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจำเป็นต้องมีการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด

ข้อมูลเบื้องต้นจากสถานีตรวจวัดของกรมอุตุนิยมวิทยาในกรุงเทพฯ บ่งชี้ว่า ระดับความรุนแรงของแรงสั่นสะเทือนไม่ได้เกินกว่าที่ได้มีการประเมินไว้ในมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม อาคารสูงบางแห่งอาจมีการโยกตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น การออกแบบโครงสร้างที่ไม่เหมาะสม การก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุ

สำหรับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนั้น จากข้อมูลเบื้องต้นโดยสถานีตรวจวัดของกรมอุตุนิยมวิทยาในกรุงเทพฯ บ่งชี้ว่า ระดับความรุนแรงของแรงสั่นสะเทือนไม่ได้เกินกว่าที่ได้มีการประเมินไว้ในมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม อาคารสูงบางแห่งอาจมีการโยกตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น การออกแบบโครงสร้างที่ไม่เหมาะสม การก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุ

ศ.ดร.เป็นหนึ่ง กล่าวด้วยว่า อาคารที่มีการสลายพลังงานได้ดี (ค่า damping สูง) จะมีการตอบสนองต่อแผ่นดินไหวน้อยกว่า อาคารเตี้ยมักมีการสลายพลังงานที่ดีกว่า เนื่องจากมีโครงสร้างที่แข็งแรงและมั่นคงกว่าการเปรียบเทียบกับแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นปี 2554

ญี่ปุ่นเคยประสบปัญหาการโยกตัวของอาคารสูงจากคลื่นแผ่นดินไหวในระยะไกล ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวโทโฮกุ พ.ศ. 2554 อาคารสูงในกรุงโตเกียวซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวหลายร้อยกิโลเมตร ได้รับผลกระทบจากคลื่นแผ่นดินไหวและเกิดการโยกตัวอย่างรุนแรง

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ญี่ปุ่นได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ เช่น Tuned Mass Dampers ในอาคารสูง เพื่อช่วยลดการสั่นไหวและเพิ่มความปลอดภัย โดย Tuned Mass Dampers เป็นอุปกรณ์คล้ายลูกตุ้มขนาดใหญ่ที่ติดตั้งในอาคารสูง โดยมีหลักการทำงานคือ เมื่ออาคารเริ่มโยกตัว ลูกตุ้มจะเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อต้านทานการโยกตัวของอาคารและลดแรงสั่นสะเทือน

เมื่อพูดถึงข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ศ.ดร.เป็นหนึ่ง แนะนำว่า จากนี้ควรมีการปรับปรุงมาตรฐานการออกแบบอาคารให้สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว และพิจารณาสภาพดินอ่อนในกรุงเทพฯ อย่างละเอียด ดังนี้…

1. การตรวจสอบอาคารสูง: ควรมีการตรวจสอบอาคารสูงในกรุงเทพฯ เพื่อประเมินความเสี่ยงและหาแนวทางในการเสริมความแข็งแรงของอาคาร

2. การติดตั้งอุปกรณ์ Tuned Mass Dampers: ควรพิจารณาติดตั้งอุปกรณ์ Tuned Mass Dampers ในอาคารสูง เพื่อลดการสั่นไหวและเพิ่มความปลอดภัย

3. การสำรวจและศึกษาเพิ่มเติม: สนับสนุนการสำรวจและศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย และผลกระทบของแผ่นดินไหวต่ออาคารและโครงสร้างพื้นฐาน

4. การสร้างความตระหนักรู้: สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว และแนวทางในการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ

5.การวางแผน​เหตุฉุกเฉิน: พัฒนาแผนรับมือเหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบจากแผ่นดินไหว

เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญว่า ‘ประเทศไทย’ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว การดำเนินการตามข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขเหล่านี้ จะช่วยลดความสูญเสียและสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในอนาคต

https://www.facebook.com/share/p/1A9PfEntyT/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่