[CR] รีวิวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ฉบับไปคนเดียว อยู่ประเทศญี่ปุ่นและยื่นวีซ่าที่ญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะ จขกท.เป็นคนไทยอายุ 24 ปีที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและเพิ่งกลับจากสวิตเซอร์แลนด์มาพอดีจึงขอมาเขียนกระทู้รีวิวครั้งแรกค่ะ
หากกระทู้ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ

ปกติคนไม่เก่งภาษาอังกฤษมากเท่าไหร่ (โทอิคไม่ได้สอบแต่เคยทำข้อสอบเล่นๆได้แค่ 600) แต่อยากเที่ยวประเทศนี้มานานมาก ๆ เลยหาข้อมูลเยอะเป็นพิเศษ ก่อนอื่นจะแบ่งรีวิวเป็นช่วง ๆ นะคะ

ช่วงก่อนเดินทาง
1.ดูวันหยุดตัวเองก่อนว่าหยุดได้นานแค่ไหนแล้วเที่ยวได้นานเท่าไหร่ อย่างจขกท.มีวันหยุดเยอะมากแต่ว่ามีแมวเลยไม่อยากหยุดนานเลยเลือกเที่ยวแค่ 6 วัน 5 คืน แล้วก็เลือกเป็นช่วงมีนาคม เพราะอยากเห็นวิว Zermatt ที่ยังมีหิมะอยู่ค่ะ

2.ตั้งงบก่อนว่าเราไหวเท่าไหน เราก็หารีวิวตามพันทิปว่าเขาใช้เงินกันเท่าไหร่ เราก็เลยสรุปคร่าว ๆ มาว่า 6 วัน 5 คืนจะใช้งบประมาณแสนบาทไทย
เบื้องต้นตั้งให้มันเว่อ ๆ ไว้ก่อน ของจริงอาจจะถูกกว่านี้ก็ได้ค่ะ

2.ทำตารางแพลนเที่ยว!!! วางแผนก่อนว่าใน 6 วันอยากไปไหนบ้าง ทั้งนี้ก็กูเกิ้ลดูเลยว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง อย่างเราก็คืออยากเที่ยวเซอแมทให้เห็นยอดแต่มันแพงก็เลยกะไว้แค่ 2 คืน ส่วนที่เหลือ 3 คืนไม่อยากเปลี่ยนโรงแรมเยอะเลยเอา interlaken เป็นเบส หาโรงแรมที่เราสู้ราคาไหว แนะนำให้ดูโรงแรมใน trip จะได้ราคาค่อนข้างโอเค ถ้าจองมากได้มีสิทธิ์ใช้เลาจ์สนามบินฟรีด้วยนะ ทั้งนี้หาไปก่อน อย่าเพิ่งจอง

แปะตารางเที่ยวคร่าว ๆ ที่คิดไว้ตอนแรก (เรทเงินตีเป็นเงินไทยประมาณ 93,346 บาท ไม่รวมค่ากินและของฝาก)


3.หาตั๋วเครื่องบิน เราเสิร์จชื่อสนามบินที่ออกและบินถึงในกูเกิ้ลแล้วมันจะขึ้นเทียบราคาให้เลยว่าเจ้าไหนราคาเท่าไหร่บ้าง ส่วนนี่ก็นั่งจากญี่ปุ่นไปสวิตรวมๆแล้วก็ประมาณ  56,xxx บาท (แทบร้องไห้) หาแล้วจดราคาไว้อย่าเพิ่งจอง 

4.เก็บตังค่ะ เก็บให้ได้ตามงบที่ตั้งไว้ ส่วนตัวแนะนำให้ใช้บัญชีเงินเดือนเก็บบัญชีเดียว เพราะเขาจะขอเอกสารการเงินเพื่อยื่นขอวีซ่าด้วย

5.เช็คเอกสารขอวีซ่าว่าต้องขออะไรบ้าง ใครทีจะขอวีซ่าเชงเก้นที่ไทยให้ดูรีวิวตามในกูเกิ้ลได้เลย ส่วนขอที่ญี่ปุ่นเคสมีน้อยมากเดี๋ยวเรารีวิวแยกหัวข้ออีกทีว่ามีเอกสารอะไรบ้าง

6.พอเก็บเงินได้ตามเป้าแล้วจองโรงแรมจองตั๋วเครื่องบินได้เลย ทั้งนี้แนะนำให้ซื้อแบบแคนเซิลได้ แต่ราคาจะแพงหน่อย แต่นี่ไม่มีตังยื่นแบบนั้นเลยเสี่ยงซื้อตั๋วเครื่องบินไปเลย จริงๆแล้วการขอวีซ่าสามารถยื่นตั๋วเครื่องบินแบบยังไม่ต้องจ่ายเงินได้แต่ไม่เคยจองแบบนั้น

7.ยื่นวีซ่าค่ะ ทั้งนี้ยื่นได้ก่อนเดินทาง 90 วัน
เอกสารสำหรับยื่นที่ญี่ปุ่นสามารถเช็คได้ที่เว็บนี้เลย
https://www.eda.admin.ch/countries/japan/en/home/visa-entry-to-switzerland/entry-ch/up-90-days/documents-schengen.html
เบื้องต้นมีดังนี้
・ใบคำร้องยื่นขอวีซ่า กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ
・รูปภาพสำหรับยื่นวีซ่าขนาด 35*40mm (พื้นหลังสีขาว)
・พาสปอร์ตพร้อมทั้งฉบับถ่ายเอกสาร
・ไซริวการ์ด บัตรพำนักในญี่ปุ่นพร้อมทั้งฉบับถ่ายเอกสาร
・ประกันเดินทางครอบคลุมมากกว่า 30000 EURO เราใช้ประกันของ Marine Passport
・แผนการเที่ยว (ทำเองทั้งหมด)
・ใบจองตั๋วเครื่องบินหรือตั๋วเครื่องบินตัวจริง (ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้จองแบบไม่ต้องชำระเงินให้เอาไปยื่นก่อน แต่เราเสี่ยงจองตั๋วเครื่องบินตัวจริงแบบชำระงั้นทั้งหมดไปเลย)
・ใบจองโรงแรมทั้งหมดที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์
・ใบรับรองการทำงาน ระบุรายได้และวันหยุดที่เราจะไปเที่ยวด้วย เราขอจากที่ทำงานได้เป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วจ้างเพื่อนร่วมงานแปลเป็นภาษาอังกฤษ (ทั้งนี้จ้างหน่วยงานภายนอกให้แปลให้ได้)
・Bank statement ย้อนหลังอย่างต่ำ 3 เดือนขึ้นไป เราขอเอกสารตัวนี้จากธนาคาร Yucho และค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรฉะนั้นให้เผื่อเวลายื่นก่อนขอวีซ่าด้วย เราได้รับเอกสาร 1 สัปดาห์ผ่านไปรษณีย์ ส่วนเรื่องการแปลเราอีเมลไปสอบถามสถานทูตโดยตรงว่าจำเป็นต้องแปลหรือไม่ เขาแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องแปลเอกสารตัวนี้เราเลยส่งไปทั้งอย่างนั้นเลย
・เตรียม Letter Pack ไปด้วยค่ะ สำคัญมาก ๆ ถ้าเราไม่เตรียมไปก่อนได้ยินว่าเขาก็จะไล่ให้ออกไปซื้ออยู่ดีฉะนั้นเตรียมมาเลยค่ะ

เตรียมเอกสารให้พร้อมแล้วอย่าลืมจองวันขอยื่นวีซ่าด้วย และขอให้ทันวันเที่ยวด้วย!!

เพิ่มเติม เรื่อง bank statement ล่วงหน้า 3 เดือนสำหรับยื่นวีซ่าส่วนใหญ่เขาบอกว่าควรเงินนอนบัญชีเกินแสนบาท แต่เรายื่นที่ญี่ปุ่นด้วยเงินประมาณ 7หมื่นบาทก็ผ่านนะ แนะนำว่าให้ข้อล่วงหน้าก่อนยื่นซักหน่อยเพราะค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร

8.วีซ่าได้มา 15 วันทำการพอดี ส่วนจำนวนวันได้มาเกินมาสามสี่วัน หลังจากนี้ก็รอบินอย่างเดียวได้เลยค่ะ
ทั้งนี้ถ้าได้วีซ่าแล้วแนะนำให้ซื้อ Swisspass ไว้เลย เพราะใช้แล้วนั่งรถไฟ บัส เรือ ฟรี ๆ แบบไม่อั้นได้ ส่วนกระเช้าขึ้นเขาบางที่ต้องเสียเงินเพิ่มให้หาข้อมูลเอาได้เลย ส่วนราคาสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 25 ปี 6 วันอยู่ที่ 10,xxx นิด ๆ ส่วนใครอายุมากกว่าเช็คในเว็บนี้ได้เลยค่ะ https://www.sbb.ch/en/tickets-offers/tickets/guests-abroad/swiss-travel-pass.html 
ควรซื้อหลังได้วีซ่านะทุกคนเพราะถ้าซื้อแล้วไม่ได้วีซ่าเสียดายเงินแย่ 

สำหรับใครอยากนั่งรถไฟสายโรแมนติกให้ไปหาข้อมูลไว้ได้เลย เราจองวันเวลาล่วงหน้าในเว็บของสาย Glacier express นั่งจาก Andermatt ไป Zermatt ใครมี Swisspass ได้นั่งฟรีแต่ต้องเสียค่าจองที่นั่งไป 1800 กว่าบาทค่ะ
https://shop.glacierexpress.ch/gex_en?_gl=1*17601da*_gcl_au*NDQyMTkyMjA5LjE3MjYyMzc4OTk.

9.ก่อนบินซักวีคให้เช็คสภาพอากาศในแอพ MeteoSwiss จริง ๆ แล้วมันไม่ได้แม่นเว่อ ๆ เพราะวันเราจะไปมันบอกเมฆมากหิมะตก แต่ไปถึงจริงแล้วฟ้าใส เช็คมาก ๆ ก็อาจจะประสาทได้

10.แลกเงินสำหรับเที่ยวเราใช้บัตร travel card ของ SCB ตลอดการเดินทาง เงินสดจริง ๆ แลกไปไว้ 200 CHF สรุปไม่ได้หยิบใช้เงินสดเลยซักใบ แต่แลกเผื่อไว้จะดีที่สุดค่ะ ส่วนใครจะแลกเงินสดให้แลกที่ Superich ได้เลย ส่วนญี่ปุ่นก็ให้ลองหาร้านแลกเงินเรทดี ๆ ไว้ รู้แล้วบอกด้วย 😂

11.แพคกระเป๋า ทำลิสต์ไว้เลยว่าจะเอาอะไรไปบ้าง ดูสภาพอากาศก่อนว่าหนาวหรือไม่หนาว ถ้าหนาวเอาเสื้อผ้าไปเยอะๆเลยเพราะซื้อที่นู่นแพงค่า ยาประจำตัว ของเล็กๆน้อยๆ เตรียมให้หมด ส่วนหัวปลั๊กไปที่นู่นใช้เป็นแบบ type-c หรือ type-j แต่มีข้อเสียคือซื้อ type-c ที่ไทยแล้วเสียบไม่เข้า ต้องซื้อใหม่ที่นู่นอยู่ดี 💀 ถ้าใครสะดวกซื้อที่นู่นสนามบินมีขายค่ะ

12.ปริ้นเอกสารแพลนเที่ยว ประกัน Swisspass อะไรต่าง ๆ ไว้ได้เลย เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็ดูข้อมูลในกระดาษเอา

13.เรื่องซิมเราซื้อในเว็บ Swisscom ที่เป็นแบบ prepaid 20 CHF เน็ตใช้ได้ไม่อั้น โดนหักไปเรื่อย ๆ วันละ 2 CHF เป็น e-sim ถ้า activate ซิมไม่เป็นรอถึงสวิตให้พนักงานร้าน Swisscom ที่สนามบินทำให้ได้เลย ทั้งนี้เผื่อฉุกเฉินเราซื้อซิม 2fly ไปเผื่อด้วยกันพลาดเชื่อม e-sim ไม่ได้

ช่วงเดินทาง
เราใช้รูทบินจากญี่ปุ่นไปแวะไทยก่อนหนึ่งคืน เพราะบินตรงเลยกลัวไม่ไหวและมีธุระที่ไทยด้วยพอดี เสร็จแล้ววันเดินทางเรานั่งสายการบิน Qatar ซึ่งเครื่องใหญ่มาก หลับยากมาก นั่งต่อแรกไปลง Doha มีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 4 ชั่วโมงเลยเลือกเข้าเลานจ์ฟรี(ที่ได้จากแอพ trip) หรือจะไป sleeping lounge ก็ได้นะ ใครไม่เข้าก็ได้เช่นกันหาที่นอนในสนามบินเอา ถึงเวลาขึ้นเครื่องรอบต่อไปก็ไปรอที่เกท มันมีหน้าจอให้เช็คว่าไฟลท์เราต้องไปเกทไหนอยู่ สนามบินมีไวไฟฟรีใช้ได้เลยค่ะ

DAY 1
9 March 2025

ถึงสนามบินซูริคแล้วววว 7:10 ตอนเช้า เดินดุ่มๆตามชาวบ้านไปเรื่อยๆก็ได้นั่งรถไฟไปอีกเทอมินอลเพื่อเข้าตม พอถึงช่องเข้าตม.เท่านั้นแหละ จนทคือทำหน้าตาดุมาก อินี่ก็ทำหน้าง่วงๆยื่นพาสปอร์ตให้ดู เขาถามเลยมาคนเดียวหรอ แล้วมีแพลนเที่ยวไหม โชคดีมากที่นี่ปริ้นรายละเอียดไว้หมดแล้วเลยยื่นเอาให้เขาดู ละโดนถามอีกว่าพกเงินมาเท่าไหร่ ก็ตอบไปตามจริง เกร็งกิเดสมาก โดนถามเยอะกว่าตอนเที่ยวเกาหลีอีกสภาพ นึกว่าจะติดตมแล้วที่ไหนได้ ปั้ม ได้เดินเข้าไปเลย

เดินเข้าประเทศมาแล้วหาร้าน swisscom ก่อนเลยเพราะ activate ซิมเองไม่ได้เลยได้ใช้ sim2fly สำรองไปก่อน สรุปไปถึงร้านเปิด 8:00 และตอนนี้ 7:44

ก็เลยได้ไปหากินรอใน Migros ที่สนามบิน สลัดราคาแพงมาก ถ้วยเดียวปาไปแล้ว 400 กว่าบาทไทย


กินข้าวเสร็จสรรพ รอให้ร้านเปิดค่อยไปให้พนักงาน Swisscom ช่วยเปิดซิมให้ ตรงนี้ไม่เสียเงินเพิ่ม

กินเสร็จเช็คอากาศ วันนี้ฟ้าเปิดแฮะ ไม่เห็นตรงตามที่ดูอาทิตย์ก่อนเลย ทีนี้ใจไม่อยากรอในสนามบินนานเลยเลือกนั่งรถไฟไป Zermatt เลยจ้า ใช้แอพ SBB Mobile ในการเช็ครถไฟได้เลยว่าจะขึ้นชานชาลาไหน ขึ้นคันไหน ขึ้นกี่โมง จะบอกว่ารถไฟที่นี่ตรงเวลาเหมือนญี่ปุ่น ถ้าขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นได้ที่นี่ก็ไม่ยากแล้ว
จขกท.คิดว่าตัวเองเซียนแล้วขึ้นไปเลยจ้า สรุปลงผิดสถานีต้องรอขบวนใหม่อีก แต่ยังดีที่มีแอพ SBB ช่วยหารูทใหม่ได้

ทีนี้ขึ้นรถไฟไปก็เจอแต่คนใจดีบอกว่ากระเป๋าวางไว้ใต้เก้าอี้ได้นะ ชาร์จแบตตรงนี้ได้นะ ใจดีกันสุด ๆ ในหัวคือเรานึกว่ามายุโรปแล้วผู้คนจะเงียบ ๆ ขรึม ๆ กัน แต่เราเจอคนน่ารักตั้งแต่วันแรกเลย ดีใจสุด ๆ

วิวระหว่างทางก็จะสวยมาก ๆ ถ่ายแบบหยุดถ่ายไม่ได้เลย มันสวยไปหมดเหมือนเราขึ้นสวรรค์ของจริง


จะบอกว่าตามสถานีรถไฟส่วนมากจะมีทางลาดสำหรับคนพิการและคนที่ลากกระเป๋ามา แต่ไม่ได้มีทุกสถานีนะคะ สถานีไหนที่ไม่มีจะมีระบุตัวสีแดงไว้ในแอพ SBB ว่าสถานีนี้ไม่มีทางลาด

เราตัดสินใจนั่งจากสนามบินไปลง Andermatt เพราะจะนั่งรถไฟ Glacier express ต่อ เวลาขึ้นรถไฟก็เตรียม QR code ของ Swisspass ได้เลย จะมีจนทเข้ามาสแกนตอนเราขึ้นรถไฟแล้ว (บางทีก็ไม่มาด้วย งง)

ถึง Andermatt แล้วเมฆมามากพอดี แถมมีเวลารอรถไฟอีกตั้ง 2 ชั่วโมงเลยหาร้านนั่งทานพิซซ่าไป ใหญ่มากจุก ๆ กินคนเดียวเกือบตุย



พอถึงเวลารถไฟมาก็เตรียมขึ้นรถไฟได้เลย คนก็จะเยอะหน่อย ๆ มีทั้งทัวร์ไทยทัวร์จีนมาลงกันเต็มไปหมด ทีนี้ก็นั่งยาว ๆ ไปเลยค่ะ 4 ชั่วโมง
ระหว่างนั่งก็มีอาหารให้สั่งเราก็เลยได้สั่งมาเป็นช็อคโกแลตเย็น ส่วนบรรยากาศรถไฟก็จะประมาณนี้ค่ะ



วิวระหว่างทางก็จะครึ้ม ๆ หน่อยคนละ vibe กับเมื่อเช้าเลย



เดินทางมาตั้งนาน 6 โมงเย็นเพิ่งถึง Zermatt ซักที กรี้ด เมืองที่ใฝ่ฝัน แต่ถึงปุ๊ป มืด ไม่เห็นยอด Matterhorn เศร้าเลย ก็เลยไปเช็คอินโรงแรมก่อน ซึ่งเราไปคนเดียวเลยนอนเป็น Hostel ที่ต้องนอนกับคนอื่น รูมเมทก็จะมีหลายประเทศมาก เช่น บราซิล อินเดีย เกาหลีใต้ ฯลฯ (ไม่มีรูปโรงแรมนะคะเนื่องจากไม่ได้ถ่ายไว้เลย)



เช็คอินเสร็จเรียบร้อยก็เดินเล่นในเมืองไปเลย เมืองมีความ vibe ดีม๊าก ๆ มีของขาย นาฬิกา ช็อคโกแลตขายเต็มไปหมด นี่แหละเมืองในฝันของแท้



มีร้านช็อคโกแลตเต็มไปหมด



และแน่นอนว่าเราพลาดของจุกจิกไม่ได้



เดินเสร็จเหนื่อยมากกก ไม่มีแรงแม้แต่กินข้าวเย็นเพราะเดินทางทั้งวันจึงราตรีสวัสดิ์มันตอนสองทุ่มเลย

** มีต่อค่า **
ชื่อสินค้า:   สวิตเซอร์แลนด์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่