[เล่าจากมุมคนทำโรงแรม] บ่นจากใจเจ้าของโรงแรม...ปีนี้ "เงียบ" จริงๆครับ

สวัสดีครับ
ผมเขียนเล่าประสบการณ์การทำโรงแรมมาหลายกระทู้ วันนี้ขอมาเขียนบ่นพึมพำดูบ้าง
จากที่ผมเคยได้เขียนเล่าไว้ในกระทู้ก่อน
https://pantip.com/topic/43064304


โรงแรมของผมมี 40 ห้องพักอยู่ในกรุงเทพนี่แหละครับ เราทำโรงแรมภายใต้คอนเซปต์สร้างบ้านที่มี 40 ห้อง และปฏิบัติต่อลูกค้าเสมือนหนึ่งว่าเป็นแขกที่มาพักในบ้านของเรา  เรามีพนักงาน (พ่อบ้านและแม่บ้าน) ไม่เยอะครับ โดยส่วนนึงก็เป็นแรงงานจากคนในครอบครัวเราเองที่มาต้อนรับและให้บริการลูกค้าด้วยตัวเอง 


ขอเล่าย้อนกลับไปช่วงท้ายปี 2567 จำนวนผู้เข้าพักเยอะมากครับ เยอะจนน่าตกใจ เยอะข้ามปีมาจนถึงค่อนปลายของเดือนมกราคม2568

หลังจากนั้นพอเข้าเดือนกุมภาพันธ์2568 จำนวนผู้เข้าพักดรอปลงไปหลักร้อยห้องเลยครับ ยิ่งถ้าเทียบกับเดือนเดียวกันของปี2567 ยิ่งเห็นได้ชัด

พอเข้ามาเดือนมีนาคม โรงแรมของผมได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่เกิดกับพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงแรม ทำให้แขกที่จองห้องพักไว้ยกเลิกการจองไปไม่น้อยเลย ต่อเนื่องด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหว

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลับทำให้จำนวนผู้เข้าพักของโรงแรมผมเพิ่มขึ้น 
เนื่องจากโรงแรมของผมไม่ใช่ลักษณะอาคารสูง และอยู่นอกเขตอาคารสูงกลางเมือง  แขกผู้เข้าพักกว่าครึ่งคือผู้ที่พักอาศัยในคอนโดและได้รับผลกระทบจากความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว มีไม่น้อยเลยที่ห้องพัง รอการซ่อมแซม บางท่านก็ยัง "ผวา" ไม่กล้าจะกลับไปอยู่ตึกสูง  เอาจริงๆก็เรียกได้ว่า เป็นโอกาสในวิกฤตที่เราก็ไม่ได้คาดคิดไว้เหมือนกัน 

ล่วงเข้าเดือนเมษายน เดือนที่ 4 ของปี ถ้าไม่นับผู้เข้าพักที่พักต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว  จำนวนผู้เข้าพักหายไปเหมือนตัดสวิตซ์เลยครับ 
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นชาติตะวันตก ซึ่งแต่เดิมมักจะมาอยู่กันแบบ Long Stay คร่อมช่วงสงกรานต์ หายเกลี้ยง
กลุ่มลูกค้านักธุรกิจชาวจีนที่เคยมานอนพักระยะยาวทีละ4-5คืน หายสนิท
กลุ่มลูกค้าบริษัท ผู้ที่มาอบรมสัมนาในสถานศึกษาบริเวณใกล้เคียง หายจ้อยไปตั้งแต่ต้นปี ทั้งๆที่ปีก่อนๆมักจะมีการจัดอบรมอยู่เนืองๆ
ยอดจองช่วงสงกรานต์จากปกติจะมีกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดเดินทางเข้ากรุงเทพ หรือ กลุ่มครอบครัวคนไทยที่อยู่ต่างประเทศเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน ปีนี้ก็แทบไม่มี 


ตอนแรกก็กลับมานั่งคุยกันในบ้านว่าเราทำอะไรผิดไปตรงไหน หรือมีใครเอาเราไปแขวนไปเผาถล่มรีวิวเราในโซเชี่ยลหรือไม่ แต่ก็หาไม่เจอ
ผมลองเสิชๆดูที่พักย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมที่ปกติเต็มตลอดก็ยังมีห้องว่าง บางที่ราคา 1,500-1,800 เดินไปไอคอนสยามได้ ก็ยังว่าง
เออแฮะ...สงสัยจะไม่ใช่แค่เราแล้วแหละ 


จริงอยู่ครับว่า โรงแรมของผมนั้น เราอยู่ด้วยทุนตัวเองและปลอดพันธะเรื่องดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน
แต่มันมีสองความรู้สึกที่เข้ามาครับ

(1) คือความรู้สึกเบื่อ มันแห้งเหี่ยว การที่ตื่นมาแล้วไม่มีลูกค้าให้พูดคุย มันทำให้ร่างกายไม่แอคทีฟ อารมณ์ก็พลอยจะretard 
และ (2) คือความรู้สึกกังวล  ตอนโควิดนั้น เราทราบแน่ชัดว่าเรา "สู้" กับอะไร เรารู้ว่า "ปัญหา" คืออะไร
แต่เหตุการณ์ความเงียบในปีนี้นั้น เอาตรงๆนะ สำหรับผม ผมยังไม่รู้เลยว่า "ปัญหาจริงๆ" มันเกิดจากตรงไหน หรือกลายเป็นว่าจับตรงไหนก็กลายเป็นปัญหาไปเสียหมด

พ่อบ้านแม่บ้านผมเขาก็กลัวนะ  กลัวและกังวลในสวัสดิภาพของเขา เอาง่ายๆ กลัวจะโดนลอยแพ เพราะเขาก็รู้ว่ามัน "เงียบ" แบบผิดปกติ

ไอ้ผมเองไม่เคยมีความคิดจะลดคนหรือปลดคนเลยครับ  เรามีพนักงานแค่หลักหน่วย ตอนโควิดเราก็ไม่ทำ  เพราะผมตระหนักอยู่เสมอว่า กว่าจะปั้นจะสร้างคนคนนึงให้อยู่กับเราได้มันยากแค่ไหน. แต่ก็ยอมรับว่ามีการลดโอที หรือ ให้ใช้วันหยุดพักร้อน วันหยุดตามประเพณีกันไป  ดีหน่อยตรงที่พ่อบ้านแม่บ้านผมนั้นเขาเป็นคนมัธยัสถ์  ถ้าไปสร้างหนี้สร้างสินผ่อนจิปาถะกันเอาไว้ น่าจะหนักอยู่

พูดแล้วก็เห็นใจคนในอุตสาหกรรมการโรงแรม และภาคบริการทั้งหลาย  น่าจะโดนกันหนักไปตามๆกัน 

เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่