จากข่าวนี้ค่ะ
เราพยายามย่อรายละเอียด ให้อ่านน้อยขึ้น
อ่านเต็มได้ที่ 👉🏻
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9710631... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9710631
-------
นางกุศล เจ้าของบ้านตามทะเบียนราษฎร
เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาเกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดชุมพร ทำบ้านของตนได้รับผลกระทบเช่นกัน มีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ขณะนั้นตนได้จ้างคนงานเก็บมะพร้าวและเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันในสวน และให้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว มีของใช้ส่วนตัวของคนงานเสียหาย
เดินทางไปที่อบต. แจ้งรายชื่อทรัพย์สินเสียหายเพื่อรับเงินเยียวยาจากทางภาครัฐจำนวน 9,000 บาท
ทางเจ้าหน้าที่อบต. นัดผู้ประสบภัยที่เคยส่งรายชื่อรับฟังผลตรวจสอบ ผลปรากฏว่า บ้านของตนไม่มีรายชื่อได้รับเงินเยียวยาเพียงบ้านเดียว
นางกุศล /ทำไมบ้านตนไม่มีรายชื่อ
จนท. /ทางหน่วยเหนือแจ้งมาแค่นี้ เจ้าหน้าที่เป็นเพียงนำรายชื่อผลการตรวจสอบมาแจ้งกระจายข่าวให้ทราบเท่านั้น
ผญบ. /คุณไม่มีสิทธิ์คุณไม่มานอนตรงนี้
นางกุศล /ถ้าคนไม่ได้นอนแช่น้ำ ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร(และตนเองก็เดินออกไป)
นางกุศล เล่าอีกว่า ตนคาใจคำว่า หน่วยเหนือ คือใคร เข้าใจว่า เป็นที่ว่าการอำเภอ จึงเดินทางไปพบปลัดอำเภอ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์
ทางปลัดอำเภอแนะให้ไปถามอบต. และได้รับคำตอบจากอบต.ว่า นัดจะตรวจสอบอีกครั้ง รอจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเงียบ
ตอนหลังจึงทราบว่า มีปลัด อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบรายชื่อผู้ประสบภัย สรุปประเด็นที่ไม่ได้รับเงินเยียวยาคำตอบเดียวคือ “ไม่ได้นอนบ้าน” หมายถึงไม่ได้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว
ทางด้าน ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า ผู้ใหญ่บ้านเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการระดับอำเภอในการพิจารณา มีหน้าที่ในการรับรองข้อมูล ว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่ทางอำเภอเป็นผู้กำหนดผู้ได้รับการช่วยเหลือ
ตัวอย่างกรณีบ้านที่มีข้อพิพาทไม่เข้าหลักเกณฑ์รับเงินเยียวยา
เจ้าของบ้านมีชื่อ เป็นเจ้าของบ้านถูกต้องตามหลักกฎหมาย แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ข้อแรก ไม่ได้เป็นผู้ประสบภัย ข้อ 2 มีผู้เช่าผู้อาศัย สามารถทำได้ คือเจ้าของบ้าน ต้องหาหลักฐานเป็นสัญญาเช่า หรืออยู่อาศัยอย่างไรเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้าน ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน ตนไม่มีหน้าที่พิจารณาอนุญาตว่า หลังนี้จะได้หรือไม่ แต่ทางตนรับรองข้อมูลว่า บุคคลนี้อยู่หรือไม่อยู่ในพื้นที่
ผญบ.กล่าวต่อ ว่าสำหรับบ้านหลังดังกล่าว เมื่อก่อนปล่อยให้เช่า และน้ำท่วมทุกปีได้รับของแจกทุกปี มารอบนี้เห็นว่า มีคนอยู่แต่ไม่ใช่เจ้าของบ้าน โดยสรุปผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาต้องเป็นผู้ประสบภัย ตนมีหน้าที่รับรองข้อมูลแจ้งตามความเป็นจริงไปทางคณะกรรมการพิจารณาแล้ว ว่าบุคคลคนนี้ ไม่ใช่ผู้ประสบภัยตัวจริง ไม่ได้เป็นผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ทั้งนั้นการพิจารณาต้องกลับไปถามคณะกรรมการผู้พิจารณา
สำหรับหมู่3 มีจำนวน 44 หลังคาเรือนตามทะเบียนบ้าน
แต่มีผู้ประสบภัย 55 หลังคาเรือน เพราะแบ่งแยกเป็นบ้านเช่า
และยังมีผู้ประสบภัยอีกหลายรายประมาณ 4-5 หลัง ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ เนื่องจากยังขาดเอกสารหลักฐาน แต่ทุกคนเข้าใจหลักเกณฑ์การได้รับเงินเยียวยา
เคสนี้ใครผิดคะ ชาวบ้านคาใจ น้ำท่วมแต่ไม่ได้เงินเยียวยา
จากข่าวนี้ค่ะ
เราพยายามย่อรายละเอียด ให้อ่านน้อยขึ้น
อ่านเต็มได้ที่ 👉🏻https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9710631... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9710631
-------
นางกุศล เจ้าของบ้านตามทะเบียนราษฎร
เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาเกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดชุมพร ทำบ้านของตนได้รับผลกระทบเช่นกัน มีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ขณะนั้นตนได้จ้างคนงานเก็บมะพร้าวและเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันในสวน และให้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว มีของใช้ส่วนตัวของคนงานเสียหาย
เดินทางไปที่อบต. แจ้งรายชื่อทรัพย์สินเสียหายเพื่อรับเงินเยียวยาจากทางภาครัฐจำนวน 9,000 บาท
ทางเจ้าหน้าที่อบต. นัดผู้ประสบภัยที่เคยส่งรายชื่อรับฟังผลตรวจสอบ ผลปรากฏว่า บ้านของตนไม่มีรายชื่อได้รับเงินเยียวยาเพียงบ้านเดียว
นางกุศล /ทำไมบ้านตนไม่มีรายชื่อ
จนท. /ทางหน่วยเหนือแจ้งมาแค่นี้ เจ้าหน้าที่เป็นเพียงนำรายชื่อผลการตรวจสอบมาแจ้งกระจายข่าวให้ทราบเท่านั้น
ผญบ. /คุณไม่มีสิทธิ์คุณไม่มานอนตรงนี้
นางกุศล /ถ้าคนไม่ได้นอนแช่น้ำ ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร(และตนเองก็เดินออกไป)
นางกุศล เล่าอีกว่า ตนคาใจคำว่า หน่วยเหนือ คือใคร เข้าใจว่า เป็นที่ว่าการอำเภอ จึงเดินทางไปพบปลัดอำเภอ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์
ทางปลัดอำเภอแนะให้ไปถามอบต. และได้รับคำตอบจากอบต.ว่า นัดจะตรวจสอบอีกครั้ง รอจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเงียบ
ตอนหลังจึงทราบว่า มีปลัด อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบรายชื่อผู้ประสบภัย สรุปประเด็นที่ไม่ได้รับเงินเยียวยาคำตอบเดียวคือ “ไม่ได้นอนบ้าน” หมายถึงไม่ได้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว
ทางด้าน ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า ผู้ใหญ่บ้านเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการระดับอำเภอในการพิจารณา มีหน้าที่ในการรับรองข้อมูล ว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่ทางอำเภอเป็นผู้กำหนดผู้ได้รับการช่วยเหลือ
ตัวอย่างกรณีบ้านที่มีข้อพิพาทไม่เข้าหลักเกณฑ์รับเงินเยียวยา เจ้าของบ้านมีชื่อ เป็นเจ้าของบ้านถูกต้องตามหลักกฎหมาย แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ข้อแรก ไม่ได้เป็นผู้ประสบภัย ข้อ 2 มีผู้เช่าผู้อาศัย สามารถทำได้ คือเจ้าของบ้าน ต้องหาหลักฐานเป็นสัญญาเช่า หรืออยู่อาศัยอย่างไรเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้าน ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน ตนไม่มีหน้าที่พิจารณาอนุญาตว่า หลังนี้จะได้หรือไม่ แต่ทางตนรับรองข้อมูลว่า บุคคลนี้อยู่หรือไม่อยู่ในพื้นที่
ผญบ.กล่าวต่อ ว่าสำหรับบ้านหลังดังกล่าว เมื่อก่อนปล่อยให้เช่า และน้ำท่วมทุกปีได้รับของแจกทุกปี มารอบนี้เห็นว่า มีคนอยู่แต่ไม่ใช่เจ้าของบ้าน โดยสรุปผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาต้องเป็นผู้ประสบภัย ตนมีหน้าที่รับรองข้อมูลแจ้งตามความเป็นจริงไปทางคณะกรรมการพิจารณาแล้ว ว่าบุคคลคนนี้ ไม่ใช่ผู้ประสบภัยตัวจริง ไม่ได้เป็นผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ทั้งนั้นการพิจารณาต้องกลับไปถามคณะกรรมการผู้พิจารณา
สำหรับหมู่3 มีจำนวน 44 หลังคาเรือนตามทะเบียนบ้าน
แต่มีผู้ประสบภัย 55 หลังคาเรือน เพราะแบ่งแยกเป็นบ้านเช่า
และยังมีผู้ประสบภัยอีกหลายรายประมาณ 4-5 หลัง ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ เนื่องจากยังขาดเอกสารหลักฐาน แต่ทุกคนเข้าใจหลักเกณฑ์การได้รับเงินเยียวยา