แด่ท่านผู้ยึดมั่นในตำราเก่า ราวกับมันถูกเขียนโดยพระเจ้าด้วยหมึกศักดิ์สิทธิ์
บทนำ:
ทุกเช้าในบางมหาวิทยาลัยของประเทศไทย อาจารย์บางท่านยังคงเดินเข้าห้องสอนพร้อมตำราเมื่อสิบปีก่อน ใต้โต๊ะยังมี overhead projector (ที่ไม่มีปลั๊กเสียบ) วางอยู่ราวกับเป็นพิพิธภัณฑ์วิถีแห่งการสอนเก่าก่อน ขณะที่โลกข้างนอกไปถึงยุค GPT-5 นักเรียนใช้ AI ทำความเข้าใจทฤษฎีที่ยังไม่เคยพิมพ์ในตำรา... แต่ในห้องเรียนกลับถูกสอนให้จำว่า "4P คืออะไร" อย่างเข้มงวดราวกับเป็นบัญญัติสิบประการ
พวกเรากำลังสอนอะไร? เพื่ออะไร? และ... เพื่อใคร?
1. ตำราศักดิ์สิทธิ์ กับ Mindset ที่แข็งแรงกว่าปูนซีเมนต์
ตำราเก่าไม่ได้ผิด แต่ถ้าเอามาใช้เป็นพระคัมภีร์แล้วกันคนรุ่นใหม่ไม่ให้ถาม นั่นแหละผิดเต็มประตู
บางหลักสูตรยังเขียนคำว่า “E-Commerce คือแนวโน้มใหม่”
ในปี 2025 ที่เด็ก ป.ตรี ขายของออนไลน์จนจด VAT แล้ว
เปิดตำราให้เป็นหน้าต่าง ไม่ใช่กำแพง
เพราะความรู้ในตำรา ไม่ได้เดินตามการเปลี่ยนแปลง
แต่โลกมันหมุนตามข้อมูลใหม่ทุกวัน
2. AI ไม่ใช่ผี แต่บางอาจารย์กลัวมันยิ่งกว่า
บางท่านถึงกับออกมาประณามเด็กว่า “ขี้โกง”
เพียงเพราะใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน…
เหมือนเด็กไปขโมยของในครัวมากิน
ทั้งที่มันคือ “ครัวแห่งอนาคต” ที่เราควรสอนให้เขาทำกับข้าวให้เป็น
แทนที่จะถามว่า "นักศึกษาใช้ AI หรือเปล่า?"
เราควรถามว่า "เราได้สอนเขาใช้ AI อย่างฉลาดหรือยัง?"
3. ทฤษฎีเก่าอย่าติดกับดักว่าเพียงพอ
โลกของทฤษฎีไม่ได้จบแค่ SWOT, BCG หรือ 7P
เราอาจกำลังปลูกต้นไม้ในกระถางเดิม
ทั้งที่ดินใหม่มีอยู่เต็มโลก แต่ไม่กล้าเอาเมล็ดพันธุ์ไปลองปลูก
AI ไม่ได้มาแทนที่นักวิชาการ
แต่มาเป็นผู้ช่วยให้ “ครูผู้คิด” ได้มีเวลา
ไปตั้งคำถามที่ยากขึ้น… แทนที่จะวนอยู่กับคำตอบเดิม
4. ห้องเรียนแห่งอนาคต ไม่ได้สร้างด้วยปากกา
ผู้เรียนวันนี้ต้องการมากกว่าการจำ
พวกเขาต้องการการตั้งคำถาม การทดลอง และการมีพื้นที่ผิดพลาด
ซึ่งทั้งหมดนั้น AI ช่วยได้
ถ้าอาจารย์ยอมใช้มัน… แทนที่จะสาปส่งมันเหมือนหนังสือห้ามอ่านในฮอกวอตส์
สรุปตรงๆ ไม่ต้องคลาสสิค:
อาจารย์ครับ โลกมันไปไกลแล้ว
การยืนอ่านสไลด์ที่ download จาก SlideShare ไม่ใช่ “การสอน”
การห้ามเด็กใช้ AI ไม่ใช่ “การปกป้องคุณธรรม”
การไม่ยอมเรียนรู้ของเรา… อาจเป็นภาระของอนาคตชาติ
AI จะไม่มาแทนที่อาจารย์
แต่อาจมาแทนที่ “อาจารย์ที่ไม่ยอมพัฒนา”
หากบทความนี้ตีพิมพ์ไม่ได้… อย่างน้อยก็หวังว่ามันจะตีเข้าไปในใจใครบ้าง
อาจารย์ครับ… ความรู้เก่าไม่ใช่ของขลัง แล้ว AI ก็ไม่ใช่ผี
บทนำ:
ทุกเช้าในบางมหาวิทยาลัยของประเทศไทย อาจารย์บางท่านยังคงเดินเข้าห้องสอนพร้อมตำราเมื่อสิบปีก่อน ใต้โต๊ะยังมี overhead projector (ที่ไม่มีปลั๊กเสียบ) วางอยู่ราวกับเป็นพิพิธภัณฑ์วิถีแห่งการสอนเก่าก่อน ขณะที่โลกข้างนอกไปถึงยุค GPT-5 นักเรียนใช้ AI ทำความเข้าใจทฤษฎีที่ยังไม่เคยพิมพ์ในตำรา... แต่ในห้องเรียนกลับถูกสอนให้จำว่า "4P คืออะไร" อย่างเข้มงวดราวกับเป็นบัญญัติสิบประการ
พวกเรากำลังสอนอะไร? เพื่ออะไร? และ... เพื่อใคร?
1. ตำราศักดิ์สิทธิ์ กับ Mindset ที่แข็งแรงกว่าปูนซีเมนต์
ตำราเก่าไม่ได้ผิด แต่ถ้าเอามาใช้เป็นพระคัมภีร์แล้วกันคนรุ่นใหม่ไม่ให้ถาม นั่นแหละผิดเต็มประตู
บางหลักสูตรยังเขียนคำว่า “E-Commerce คือแนวโน้มใหม่”
ในปี 2025 ที่เด็ก ป.ตรี ขายของออนไลน์จนจด VAT แล้ว
เปิดตำราให้เป็นหน้าต่าง ไม่ใช่กำแพง
เพราะความรู้ในตำรา ไม่ได้เดินตามการเปลี่ยนแปลง
แต่โลกมันหมุนตามข้อมูลใหม่ทุกวัน
2. AI ไม่ใช่ผี แต่บางอาจารย์กลัวมันยิ่งกว่า
บางท่านถึงกับออกมาประณามเด็กว่า “ขี้โกง”
เพียงเพราะใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน…
เหมือนเด็กไปขโมยของในครัวมากิน
ทั้งที่มันคือ “ครัวแห่งอนาคต” ที่เราควรสอนให้เขาทำกับข้าวให้เป็น
แทนที่จะถามว่า "นักศึกษาใช้ AI หรือเปล่า?"
เราควรถามว่า "เราได้สอนเขาใช้ AI อย่างฉลาดหรือยัง?"
3. ทฤษฎีเก่าอย่าติดกับดักว่าเพียงพอ
โลกของทฤษฎีไม่ได้จบแค่ SWOT, BCG หรือ 7P
เราอาจกำลังปลูกต้นไม้ในกระถางเดิม
ทั้งที่ดินใหม่มีอยู่เต็มโลก แต่ไม่กล้าเอาเมล็ดพันธุ์ไปลองปลูก
AI ไม่ได้มาแทนที่นักวิชาการ
แต่มาเป็นผู้ช่วยให้ “ครูผู้คิด” ได้มีเวลา
ไปตั้งคำถามที่ยากขึ้น… แทนที่จะวนอยู่กับคำตอบเดิม
4. ห้องเรียนแห่งอนาคต ไม่ได้สร้างด้วยปากกา
ผู้เรียนวันนี้ต้องการมากกว่าการจำ
พวกเขาต้องการการตั้งคำถาม การทดลอง และการมีพื้นที่ผิดพลาด
ซึ่งทั้งหมดนั้น AI ช่วยได้
ถ้าอาจารย์ยอมใช้มัน… แทนที่จะสาปส่งมันเหมือนหนังสือห้ามอ่านในฮอกวอตส์
สรุปตรงๆ ไม่ต้องคลาสสิค:
อาจารย์ครับ โลกมันไปไกลแล้ว
การยืนอ่านสไลด์ที่ download จาก SlideShare ไม่ใช่ “การสอน”
การห้ามเด็กใช้ AI ไม่ใช่ “การปกป้องคุณธรรม”
การไม่ยอมเรียนรู้ของเรา… อาจเป็นภาระของอนาคตชาติ
AI จะไม่มาแทนที่อาจารย์
แต่อาจมาแทนที่ “อาจารย์ที่ไม่ยอมพัฒนา”
หากบทความนี้ตีพิมพ์ไม่ได้… อย่างน้อยก็หวังว่ามันจะตีเข้าไปในใจใครบ้าง