สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของเรานะคะ🙇🏼♀
เราพิมพ์เรียบเรียงไม่ค่อยเก่งต้องขอโทษไว้ก่อนนะคะเผื่อคนอ่านรู้สึกเหมือนอ่านวกไปวนมา
ตอนนี้เราอายุ16-17ค่ะ ชอบกดดันตัวเองค่ะ กดดันกับทุกอย่างเลย เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าต้องพยายามอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัว ว่าถ้าวันนึงเราไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นคิดเขาจะรู้สึกยังไงกับเรา จะผิดหวังหรือเปล่าที่เราไม่ได้เป็นแบบที่เขาคนนั้นต้องการ เพราะก็โดนบ่อยมากเวลาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจใคร กลายเป็นคิเว่าทุกคนคาดหวังกับใครทั้งที่ไม่ได้มีใครมาคาดหวังอะไรกับเราเลย แต่ความรู้สึกแบบนี้มันก็มีอยู่ตลอดเวลาที่ใครมาพูดหรือชมเรา แรกดีใจนะแต่ต่อมาก็จะเริ่มกดดันตัวเองแล้ว จนบางทีเราก็ไม่ชอบคำนั้นไปเลย เพราะคิดว่ามันไม่เหมาะกับเรา
(แล้วเวลาคนด่าก็เก็บมาคิดคนชมก็ไม่ชอบ อะไรวะ555555) แล้วก็ความรู้สึกที่ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น รู้สึกดีไม่พอ ไม่คู่ควรกับอะไรหลายๆอย่างเลยไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆเลย กลัวความผิดพลาดหรือเป็นพวกperfactionistนั่นแหละ
ตอนเด็กมีเพื่อนเยอะมากเพราะยังไร้เดียงสาอยู่ พอช่วงประถมปลายเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความคิดต่างจากวัยเดียวกันมากๆ กลายเป็นกลัวไม่เข้าพวกเลยทีนี้ แต่ตอนนั้นก็ยังมีเพื่อนอยู่(เพราะในห้องมีแค่6คน555555)
ความคิดและความรู้สึกแบบนั้น ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเครียดและกดดันกับอะไรหลายๆอย่างที่คิดเองเออเองของตัวเอง จู่ๆก็ดึงผมตัวเองเล่นเฉยเลย ไปๆมาๆเสพติดการดึงผมเล่นไปแล้ว เครียดกว่าเก่า(เอ้า..ทำตัวเอง) ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเหมือนคนบ้าเลย ไปหามาว่าตัวเองเป็นอะไรสรุปแล้วเราเป็นtricotillomania หรือโรคดึงผมที่เกิดจากความเครียด(ไปหาดูได้) ตอนนั้นอึ้งมากนี่เครียดขนาดดึงผมตัวเองเล่นเลยเหรอ จากที่เป็นคนเงียบๆอยู่แล้วก็เงียบขึ้นไปอีกจนขึ้นม.ต้นแรกๆ บวกกับหน้านิ่งๆของตัวเองที่เหมือนคนเหวี่ยงและความไม่มั่นใจของตัวเองเป็นทุนเดิม เพื่อนใหม่ที่ย้ายมาเพิ่มก็ไม่ค่อยกล้าเข้าหาเรา เราก็ไม่กล้าเข้าหาเขา555(แต่ก็มีเพื่อนนะคะ แบบนับคนได้55) อาย คำเดียวเลย ละมัดผมแปลกด้วยเพราะหัวล้านตรงกลางหัวอะ รู้สึกแย่มากๆแต่ก็ทำตัวเองเอง แล้วเริ่มโดนบูลลี่โดนล้อแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นเป็นการบูลลี่ที่แย่ที่สุดในชีวิตแล้ว แต่มันไม่ใช่ ที่แย่ที่สุดมันเริ่มจากตรงนี้ คือช่วงม.ปลาย ที่ย้ายรร.ใหม่ เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ และการบูลลี่แบบใหม่ ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอ ถึงม.ต้นจะโดนล้อมาบ้าง จากรุ่นพี่ ครู หรือเพื่อน แต่เพื่อนพอรู้จักจริงๆแล้วทุกคนมีวุฒภาวะมากกว่าที่คิด เลยไม่ค่อยมีใครล้อ ครูด้วยค่ะ แต่รุ่นพี่คือ..🥹
เข้าสู่ช่วงม.ปลายนะคะ ที่ใหม่เพื่อนใหม่สังคมใหม่สภาพแวดล้อมใหม่ๆ เราเข้ามาโดยการสอบเข้า ตอนแรกก็ได้อยู่ห้อง1 แต่ก็เลือกที่จะลงมาห้อง2เพราะอยู่ห้อง1ได้3วันรู้สึกอึดอัดกับคนในห้องจึงเลือกที่จะลงมาแค่นั้นเลย.....และนี่คือจุดเริ่มต้องของความ

หรือมัน

ตั้งแต่เลิกรร.เลยก็ได้ ลงมาห้อง2ได้แค่2วันก็มีปัญหากับกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งในห้องเรื่องที่เก็บเงินมั่วตัวเองไม่จ่ายแล้วเอาเงินห้องไปทำอย่างอื่นนอกจากซื้อของตกแต่งห้อง เพราะความเป็นตัวเองที่ไม่ยอมใครทำให้เรากล้าพูดแบบนั้นออกไป แต่คนส่วนใหญ่เข้าข้างฝั่งนู้นมากกว่า(ทั้งที่ตัวเองถูกเอาเปรียบ?)
จนเรารู้สึกว่าหรือเป็นเราเองกันแน่ ที่ผิดไปจากคนอื่น และแปลกแยกมากถึงขนาดนี้.. รู้สึกแย่มากทั้งที่เราช่วยคนอื่นแต่เขากับเข้าข้างอีกฝ่ายแทนเพราะกลุ่มนั้นมีคอนเนคชั่นเยอะเหรอ เพราะเราไม่มีอะไร เลยไม่มีค่ากับใครเลยหรือเปล่า ทำไมต้องคิดแบบนั้นด้วยแต่มันก็หยุดคิดไม่ได้ เราโดนกลุ่มนั้นด่าในแชทกลุ่มของห้องที่ไม่มีครู "เขาทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เด็กใหม่อย่าสาระแน พอลงมาห้องนี้ก็มีแต่ปัญหา" อะไรวกูเพิ่งลงมาได้แค่2วันอะ เศร้า ร้องไห้เลย ตั้งแต่นั้นมา โดนล้อเรื่องผม "อีหัวโปก..วันนี้มีแชมพูแก้หัวโปกนะคะ" โดนแซะเวลาทำงาน โดนว่าไม่มีใครคบและอยากคบด้วย โดนเกลียดไม่มีเหตุผลจากใครไม่รู้ที่ฟังเรื่องของเราจากใครไม่รู้อีกที ครูประจำชั้นไม่ชอบขี้หน้า ครูเข้าข้างฝ่ายเดียว โดนเอาเปรียบโดนใส่ร้าย ไม่ใช่ไม่สู้นะ แต่โดนบ่อยๆใจมันก็เริ่มไม่ไหวแล้ว
การเรียนเริ่มเสีย ไม่ค่อยไปรร.พ่อแม่ไม่รู้เพราะอยู่ห้องเช่า จนร้องไห้ตลอดที่อยู่ห้องคนเดียวแล้วแม่โทรมาได้ยินเสียง แม่รู้เลยมาอยู่กับเราบ่อยๆ เครียดนอนไม่กลับ กักตัวไว้ในห้องไม่อยากเจอใครเลย สภาพจิตใจย่ำแย่ยิ่งกว่าอะไร ย้ายไม่ได้ หนีไม่ได้เหมือนเป็นสิ่งที่ต้องเจอ เคยพูดกับใครไปก็ไม่ช่วยอะไรซักอย่าง เหมือนนรกเลย อาจจะดูเกินไปแต่เรารู้สึกแบบนี้จริงๆ
จนมีวันนึงที่มันเหมือนปะทุออกมา ตอนนั้นเราโกรธมากเลยลุกวิ่งจะไปต่อยผู้หญิง(หัวหน้ากลุ่มนั้น)คนนั้นในคาบที่ครูสอนอยู่เลย สติไม่อยู่แล้ว เพื่อนเรามาจับไว้ทัน
ตอนนั้นร้องไห้ต่อหน้าทุกคนครั้งแรก ครูคนนึงเรียกเราไปคุย ขอใช้นามสมมตว่าครูอีฟนะคะ ครูไม่โกรธที่เราทำ เราอธิบายสาเหตุแล้วครูก็แนะนำให้เราลองไปหาจิตแพทย์ดูว่าเหมินเราจะเป็นซึมเศร้า ครูคือคนแรก ที่เรากล้าเล่าทุกอย่างทั้งที่ไม่ได้สนิทกันเลยแต่มันเป็นเพราะความรู้สึกสบายใจแค่นั้น
จนตอนนี้ปิดเทอมแล้วก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ต้องเออะไรแบบนั้นอีก(แต่ถ้าเปิดเทอมฉันก็เครียดเหมือนเดิม🫤)
ผลสรุปคือไม่ได้ไปพบแพทย์เพราะพ่อแม่คิดว่าเราไม่ได้เป็นซึมเศร้าเพราะเราพูดมากและร่าเริงต่อหน้าเขา....แต่ตอนนี้รู้สึกแย่แทนเพราะไม่ได้ไปหาหมออย่างที่ครูบอกไว้.. อีกใจก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติของปัญหาวัยรุ่นก็เลยไม่กล้าไปหาหมอด้วย(ค่าใช้จ่ายและความรู้สึกของพ่อกับแม่ด้วย)เพราะคิดว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปถึงเป็นแบบนี้
ชีวิตที่ต้องทำเพื่อให้คนอื่นพอใจอยู่ตลอดทั้งที่ไม่มีใครคาดหวังซักคนเลย ชีวิตที่กดดันตัวเองทั้งที่ไม่มีใครกดดันเราเลย อึดอัดกับตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านข้อความที่ยาวแบบนี้นะคะ
ช่วยบอกหนูทีค่ะ ตอนนี้หนูสับสนกับตัวเองว่ามันคือเรื่องปกติของวัยรุ่นหรือปัญหากันแน่ คนพบหมอหรือทำอะไรกันแน่ หรือหนูอ่อนแอ ._.
ปัญหาปกติของวัยรุ่น หรือควรพบหมอ
เราพิมพ์เรียบเรียงไม่ค่อยเก่งต้องขอโทษไว้ก่อนนะคะเผื่อคนอ่านรู้สึกเหมือนอ่านวกไปวนมา
ตอนนี้เราอายุ16-17ค่ะ ชอบกดดันตัวเองค่ะ กดดันกับทุกอย่างเลย เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าต้องพยายามอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัว ว่าถ้าวันนึงเราไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นคิดเขาจะรู้สึกยังไงกับเรา จะผิดหวังหรือเปล่าที่เราไม่ได้เป็นแบบที่เขาคนนั้นต้องการ เพราะก็โดนบ่อยมากเวลาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจใคร กลายเป็นคิเว่าทุกคนคาดหวังกับใครทั้งที่ไม่ได้มีใครมาคาดหวังอะไรกับเราเลย แต่ความรู้สึกแบบนี้มันก็มีอยู่ตลอดเวลาที่ใครมาพูดหรือชมเรา แรกดีใจนะแต่ต่อมาก็จะเริ่มกดดันตัวเองแล้ว จนบางทีเราก็ไม่ชอบคำนั้นไปเลย เพราะคิดว่ามันไม่เหมาะกับเรา
(แล้วเวลาคนด่าก็เก็บมาคิดคนชมก็ไม่ชอบ อะไรวะ555555) แล้วก็ความรู้สึกที่ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น รู้สึกดีไม่พอ ไม่คู่ควรกับอะไรหลายๆอย่างเลยไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆเลย กลัวความผิดพลาดหรือเป็นพวกperfactionistนั่นแหละ
ตอนเด็กมีเพื่อนเยอะมากเพราะยังไร้เดียงสาอยู่ พอช่วงประถมปลายเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความคิดต่างจากวัยเดียวกันมากๆ กลายเป็นกลัวไม่เข้าพวกเลยทีนี้ แต่ตอนนั้นก็ยังมีเพื่อนอยู่(เพราะในห้องมีแค่6คน555555)
ความคิดและความรู้สึกแบบนั้น ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเครียดและกดดันกับอะไรหลายๆอย่างที่คิดเองเออเองของตัวเอง จู่ๆก็ดึงผมตัวเองเล่นเฉยเลย ไปๆมาๆเสพติดการดึงผมเล่นไปแล้ว เครียดกว่าเก่า(เอ้า..ทำตัวเอง) ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเหมือนคนบ้าเลย ไปหามาว่าตัวเองเป็นอะไรสรุปแล้วเราเป็นtricotillomania หรือโรคดึงผมที่เกิดจากความเครียด(ไปหาดูได้) ตอนนั้นอึ้งมากนี่เครียดขนาดดึงผมตัวเองเล่นเลยเหรอ จากที่เป็นคนเงียบๆอยู่แล้วก็เงียบขึ้นไปอีกจนขึ้นม.ต้นแรกๆ บวกกับหน้านิ่งๆของตัวเองที่เหมือนคนเหวี่ยงและความไม่มั่นใจของตัวเองเป็นทุนเดิม เพื่อนใหม่ที่ย้ายมาเพิ่มก็ไม่ค่อยกล้าเข้าหาเรา เราก็ไม่กล้าเข้าหาเขา555(แต่ก็มีเพื่อนนะคะ แบบนับคนได้55) อาย คำเดียวเลย ละมัดผมแปลกด้วยเพราะหัวล้านตรงกลางหัวอะ รู้สึกแย่มากๆแต่ก็ทำตัวเองเอง แล้วเริ่มโดนบูลลี่โดนล้อแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นเป็นการบูลลี่ที่แย่ที่สุดในชีวิตแล้ว แต่มันไม่ใช่ ที่แย่ที่สุดมันเริ่มจากตรงนี้ คือช่วงม.ปลาย ที่ย้ายรร.ใหม่ เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ และการบูลลี่แบบใหม่ ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอ ถึงม.ต้นจะโดนล้อมาบ้าง จากรุ่นพี่ ครู หรือเพื่อน แต่เพื่อนพอรู้จักจริงๆแล้วทุกคนมีวุฒภาวะมากกว่าที่คิด เลยไม่ค่อยมีใครล้อ ครูด้วยค่ะ แต่รุ่นพี่คือ..🥹
เข้าสู่ช่วงม.ปลายนะคะ ที่ใหม่เพื่อนใหม่สังคมใหม่สภาพแวดล้อมใหม่ๆ เราเข้ามาโดยการสอบเข้า ตอนแรกก็ได้อยู่ห้อง1 แต่ก็เลือกที่จะลงมาห้อง2เพราะอยู่ห้อง1ได้3วันรู้สึกอึดอัดกับคนในห้องจึงเลือกที่จะลงมาแค่นั้นเลย.....และนี่คือจุดเริ่มต้องของความ
จนเรารู้สึกว่าหรือเป็นเราเองกันแน่ ที่ผิดไปจากคนอื่น และแปลกแยกมากถึงขนาดนี้.. รู้สึกแย่มากทั้งที่เราช่วยคนอื่นแต่เขากับเข้าข้างอีกฝ่ายแทนเพราะกลุ่มนั้นมีคอนเนคชั่นเยอะเหรอ เพราะเราไม่มีอะไร เลยไม่มีค่ากับใครเลยหรือเปล่า ทำไมต้องคิดแบบนั้นด้วยแต่มันก็หยุดคิดไม่ได้ เราโดนกลุ่มนั้นด่าในแชทกลุ่มของห้องที่ไม่มีครู "เขาทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เด็กใหม่อย่าสาระแน พอลงมาห้องนี้ก็มีแต่ปัญหา" อะไรวกูเพิ่งลงมาได้แค่2วันอะ เศร้า ร้องไห้เลย ตั้งแต่นั้นมา โดนล้อเรื่องผม "อีหัวโปก..วันนี้มีแชมพูแก้หัวโปกนะคะ" โดนแซะเวลาทำงาน โดนว่าไม่มีใครคบและอยากคบด้วย โดนเกลียดไม่มีเหตุผลจากใครไม่รู้ที่ฟังเรื่องของเราจากใครไม่รู้อีกที ครูประจำชั้นไม่ชอบขี้หน้า ครูเข้าข้างฝ่ายเดียว โดนเอาเปรียบโดนใส่ร้าย ไม่ใช่ไม่สู้นะ แต่โดนบ่อยๆใจมันก็เริ่มไม่ไหวแล้ว
การเรียนเริ่มเสีย ไม่ค่อยไปรร.พ่อแม่ไม่รู้เพราะอยู่ห้องเช่า จนร้องไห้ตลอดที่อยู่ห้องคนเดียวแล้วแม่โทรมาได้ยินเสียง แม่รู้เลยมาอยู่กับเราบ่อยๆ เครียดนอนไม่กลับ กักตัวไว้ในห้องไม่อยากเจอใครเลย สภาพจิตใจย่ำแย่ยิ่งกว่าอะไร ย้ายไม่ได้ หนีไม่ได้เหมือนเป็นสิ่งที่ต้องเจอ เคยพูดกับใครไปก็ไม่ช่วยอะไรซักอย่าง เหมือนนรกเลย อาจจะดูเกินไปแต่เรารู้สึกแบบนี้จริงๆ
จนมีวันนึงที่มันเหมือนปะทุออกมา ตอนนั้นเราโกรธมากเลยลุกวิ่งจะไปต่อยผู้หญิง(หัวหน้ากลุ่มนั้น)คนนั้นในคาบที่ครูสอนอยู่เลย สติไม่อยู่แล้ว เพื่อนเรามาจับไว้ทัน
ตอนนั้นร้องไห้ต่อหน้าทุกคนครั้งแรก ครูคนนึงเรียกเราไปคุย ขอใช้นามสมมตว่าครูอีฟนะคะ ครูไม่โกรธที่เราทำ เราอธิบายสาเหตุแล้วครูก็แนะนำให้เราลองไปหาจิตแพทย์ดูว่าเหมินเราจะเป็นซึมเศร้า ครูคือคนแรก ที่เรากล้าเล่าทุกอย่างทั้งที่ไม่ได้สนิทกันเลยแต่มันเป็นเพราะความรู้สึกสบายใจแค่นั้น
จนตอนนี้ปิดเทอมแล้วก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ต้องเออะไรแบบนั้นอีก(แต่ถ้าเปิดเทอมฉันก็เครียดเหมือนเดิม🫤)
ผลสรุปคือไม่ได้ไปพบแพทย์เพราะพ่อแม่คิดว่าเราไม่ได้เป็นซึมเศร้าเพราะเราพูดมากและร่าเริงต่อหน้าเขา....แต่ตอนนี้รู้สึกแย่แทนเพราะไม่ได้ไปหาหมออย่างที่ครูบอกไว้.. อีกใจก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติของปัญหาวัยรุ่นก็เลยไม่กล้าไปหาหมอด้วย(ค่าใช้จ่ายและความรู้สึกของพ่อกับแม่ด้วย)เพราะคิดว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปถึงเป็นแบบนี้
ชีวิตที่ต้องทำเพื่อให้คนอื่นพอใจอยู่ตลอดทั้งที่ไม่มีใครคาดหวังซักคนเลย ชีวิตที่กดดันตัวเองทั้งที่ไม่มีใครกดดันเราเลย อึดอัดกับตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านข้อความที่ยาวแบบนี้นะคะ
ช่วยบอกหนูทีค่ะ ตอนนี้หนูสับสนกับตัวเองว่ามันคือเรื่องปกติของวัยรุ่นหรือปัญหากันแน่ คนพบหมอหรือทำอะไรกันแน่ หรือหนูอ่อนแอ ._.