หลักการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนอนุบาลสาธิต…เป็นแบบนี้หราเนี่ย?

กระทู้สนทนา
ผมขอเล่าประสบการณ์ที่เจอมานะครับ ก่อนอื่นเลยผมขอเล่าก่อนว่าครอบครัวของผมมีกัน 3คนในบ้านคือ พ่อ แม่ และลูก เรา 3คนเลี้ยงลูกเองเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่ ลูกเกิดเลย จะมีไปฝากแม่ยายเฉพาะวันที่แฟนผม เข้าออฟฟิศ และไม่ได้ให้ลูกเรียนเนสเซอรี่ โดยประมาณนี้ครับ โดยปีนี้ 2568 เป็นปีที่ลูกต้องเข้าเรียนอนุบาล1 ทางเราก็ได้หาโรงเรียนจนไปเจอ โรงเรียนสาธิต…แห่งหนึ่ง ที่ปิดรับสมัครไปแล้ว แต่ผมก็ได้ทักไปทางเพจ สอบถามว่านักเรียนเต็มหรือยัง ยังสามารถสมัครได้อยู่ไหม ซึ่งคนที่หาโรงเรียนให้ลูกๆ ส่วนใหญ่แล้วก็จะสอบถามในเพจกันก่อนที่จะเข้าไปสมัคร หรือจะเป็นการโทรสอบถาม ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมก็ถามไปหลายๆโรงเรียนนะครับ เพราะเราก็ต้องเลือกให้ดีที่สุด หลังจากที่ถามโรงเรียนสาธิต สรุปเจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่า ให้เข้าไปสมัครได้เลยนักเรียนยังไม่เต็ม ผมก็ไปสมัครก่อน และรอเรียกคุยพร้อมกับลูกอีกครั้ง หลักจากสมัครไป ไม่เกิน 1สัปดาห์ ก็ได้นัดไปสัมภาษณ์กับทางคุณครู จากนั้นในวันที่สัมภาษณ์ลูกผมก็สนุกสนานที่ได้เจอครูหลายๆคน และยังมีของเล่นหลายอย่างอีก ทีนี้เข้าใจว่าเด็กสนุก การพูดคุยก็เป็นไปได้ยาก แต่จากการคุยกับครู มีหลายประโยคที่ทำให้ผมคิดและงง ว่า เด็ก3ขวบ ต้องทำได้ขนาดนี้เลยใช่ไหมครับ เช่น “น้องต้องพูดเป็นประโยค ประธาน+กริยา+กรรม พร้อมทั้งบอกเล่าได้” และคำพูดอื่นๆ เช่นน้องไม่นิ่ง ไม่มีสมาธิ อันนี้พอจะเข้าใจ เพราะน้องไม่มีเพื่อน อยู่กันแค่ 3คน ไม่ค่อยเจอคนอื่น แล้ววันนั้นลูกก็สนุกมากๆจริงๆ แต่ก็นะ เด็ก 3ขวบจะต้องพูดได้ขนาดนั้น นิ่ง มีสมาธิ ขนาดที่ครูเค้าบอกกัน จริงๆ หราครับ คือ บอกตรงๆวันนั้นในใจคิดว่า เวอร์ไปหน่อยไหม นี่ลูกผม ไม่ได้ไปเรียน เนสเซอรี่ มาก่อนนะ ถ้าต้องการเด็ก อย่างที่บอก ก็ระบุเลยว่าเด็กที่จะสมัคร ต้องผ่านการเรียนเนสเซอรี่ มาก่อน คือผมมองว่า ความคาดหวังของเราต่างกัน ผมผิดหวัง มากกับ โรงเรียน นะครับ ส่วนลูก เอาตรงๆ นิดหน่อย เพราะเค้ายังเด็ก เค้ายังปรับได้อีกเยอะ ต่อให้เป็นเด็กอะไรก็แล้วแต่มันปรับได้หมด ไม่ว่าจะติดจอก็ปรับได้ ไม่นิ่งก็ปรับได้ ไม่มีสมาธิก็ปรับได้หมด พูดน้อยก็ปรับได้ ทุกอย่างปรับได้หมดเพราะเค้าคือเด็ก มีอีก1คำที่ครูพูดมาว่าลองให้ไปพบคุณหมอ ฮะ แต่ผมมีจะไปปรึกษาอยู่แล้วแต่เรื่องอื่น คืองง หลายๆอย่างมากๆครับ แต่บอกเลยนะครับ ไปพบคุณหมอ มาแล้ว ผิดจากที่ครูบอกเลยนะครับ แฟนผมเล่าให้หมอฟังด้วย เรื่อง ประธาน+กริยา+กรรม 555+ คุณหมอยัง งง เลยครับ แต่เรื่องการปรับเรื่องอื่นๆที่ต้องฝึกฝนก็มีตามวัยที่เด็กขาดอันนี้ไม่ได้ผิดปกติอะไรมากมาย แต่ใจผมยังติดอยู่ในใจว่าบุคลากรหรือคนที่จะสอนลูกเรา คือเราไปปรับความคิดหรือวิธีการเค้าไม่ได้หลอก ผมไม่ได้ว่าครูเค้าผิดนะ ซึ่งเป็นผลดีซะอีก ที่ลูกผมไม่ได้เรียนที่นั้น แฟนและผมได้ฝึกลูกผม ไม่ถึงเดือนจากวันนั้น คือน้องเก่งขึ้นเยอะ ท่องศัพท์ และนิ่ง  ไม่ดูจอ เลย(สักวันก็ไม่มีและไม่มีร้องด้วยแบบนี้ไม่ติดจอนะครับ) คือเอาง่ายๆเป็นแรงผลักดันให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่ยอมไม่ใครมาพูดไม่ดีและว่าลูกเราได้แน่นอน และตอนนี้น้องก็ได้โรงเรียนที่ดีกว่าโรงเรียนนั้นในสายตาพ่อและแม่อย่างผม เพิ่มอีกนิดนึง ตอนไปที่โรงเรียนอื่นๆ ทุกโรงเรียนเข้าใจเด็กๆหมด ไม่มีที่ไหนเหมือนที่นั้นเลยครับ 555+ และนี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืมและเป็นแรงผลักดัน ในทุกๆอย่างของผมแน่นอนครับ ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่