สวัสดีค่ะ ตอนนี้ฉันอายุ 19 ปี ฉัน "หัวใจรั่วตั้งแต่กำเนิด" ในทุก ๆ ปีพ่อแม่จะพาฉันไปโรงพยาบาลที่ตัวเมืองเพื่อตรวจดูหัวใจ
ว่าจะมีโอกาสที่จะปิดเองไหม ฉันได้คุยกับคนแถวบ้านเขาบอกว่าตอนเด็กก็เป็นโรคหัวใจ พอโตมาหัวใจมันจะขยายแล้วปิดไปเองค่ะ
นั่นแหละค่ะ ฉันก็หวังจะเป็นแบบนั้น ในการใช้ชีวิตของฉันมันก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่ "เหนื่อยง่ายและหัวใจเต้นเร็วกว่าคนปกติ" ทุกครั้ง ที่ฉันเรียน"วิชาพละ" แม่บอกฉันเสมอว่า ***ให้บอกครูผู้สอนเสมอ ว่าฉันเป็น "โรคหัวใจ" ออกกำลังหนักไม่ได้***
ทุกครั้งที่เรียนวิชาพละ ก็จะเจอคำพูดที่ว่า (หัวใจรั่วหรอ มันเป็น ยังไงอ่ะ) ใช่ค่ะ เพื่อน ๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ครูผู้สอนให้วิ่งค่ะ แล้วบอกว่าถ้าเหนื่อยมาก ๆ ห้ามกินน้ำทันที ครูผู้สอนให้ฉันวิ่งและสลับเดินได้ พอฉันวิ่งเสร็จ ฉันหอบและ หัวใจเต้นรัว ฉันกระหายน้ำ เพื่อนที่มาเจอตอนฉันกำลังจะดื่มน้ำ เพื่อนรีบมาบังฉันไม่ให้ฉันกดน้ำดื่ม ฉันยืนร้องไห้จน ครูผู้สอนเดินเข้ามาแล้วบอกให้ฉันดื่มเถอะ
***ครูผู้สอนบางคน***ก็ชอบพูดเล่นว่า (หัวใจรั่วเดี๋ยวครูเอาดินน้ำมันอุดรูรั่วให้) (เดี๋ยวครูเอาพลาสเตอร์ยามาปิดให้) แล้วก็หัวเราะอย่างสนุก ***ในใจฉันคิดนะคะว่า ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีนะสิ***
"จนถึงวันนึงที่ฉันเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก จุกอกจนหายใจไม่ออก" อาการเหล่านี้มาเป็นระยะ ๆ 1 เดือนจะเป็นครั้ง 2 ครั้ง จนบางทีฉันกลัวว่าถ้าวันนึงฉันจะตายล่ะ ใจนึกก็กลัว อีกใจก็ไม่อยากอยู่แบบทรมานแบบนี้อีกต่อไปแล้ว มันเจ็บ มันปวด
ช่วงจะจบ ม.6 อีก 2 เดือนจะสอบแล้ว ตอนนั้นถึงเวลาที่ต้องเตรียม เข้ามหาวิทยาลัย คุณหมอนัดไปทำหัวใจ คุณหมอให้คำแนะนำมาว่า (รักษาเถอะ ตอนนี้ปล่อยไว้ก็ยังไม่เป็นอะไร แต่ถ้าอายุ 40-50 ขั้นไป มันเสี่ยง...) ตัดสินใจไปทำหัวใจ
ขอลาครูประจำชั้นและ บอกครูผู้ทุกวิชาและ ตามงานจนครบ ก่อนจะไปรักษา ฉันก็สัมภาษณ์ สมัครเข้ามหาวิทยาลัย "ความรู้สึกที่กดดันว่าต้องติดให้ได้และ ความรู้สึกกลัว ที่กำลังจะผ่าตัด จะเป็นไปด้วยดีหรือ
ปล่าว" แม่มาเฝ้าฉันตลอดตั้งแต่มานอน โรงพยาบาล 3 วัน 2 คืน ไม่ไปไหน (แม่ลางานมา)
หลังจากผ่าตัดเสร็จ ฉันหลับไป ตื่นมา มีพ่อมาเยี่ยมและซื้อขนมมาให้ ฉันดีใจมาก เพราะฉันคิดว่าจะไม่มีใครมาเยี่ยมฉันเลย อย่างน้อย ญาติพี่น้องไม่มีใครมา แต่มีพ่อกับแม่มาคอยดูแลและ มาเยี่ยมฉันก็ดีใจที่สุด
"หลังฉันตื่นมาจากผ่าตัดนั้น ฉันอยากเข้าห้องน้ำ พยาบาลบอกว่าต้องรออีก 3-4 ชั่วโมง ถึงลุกได้ ฉันรอ พอถึงเวลา ฉันขอไปเข้าห้องน้ำ พยาบาลมาช่วยประคองตัว ตอนฉันได้ยืนเท่านั้นแหละ ฉันก็วูบไป ความดันตกไป 60 ลงไปเรื่อย ๆ แล้วก็ได้ใส่สายสวนแล้วฉันก็หลับไป ตื่นมาตอนดึก "หัวฉันมันอื้อ รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด"
สิ่งที่ต้องปฏิบัติหลังรักษา คือ 1.ห้ามไอ ห้ามจาม 2.ห้ามเบ่ง 3.ห้ามเดินเยอะ ห้ามขึ้นบันได (ขายังห้อเลือดอยู่) 4.ห้ามมี.... คุณหมอให้กลับมาพักบ้าน 1-2 สัปดาห์ ฉันกลับมาพักที่บ้านได้ เกือบ 1 เดือน พอเดินได้คล่องก็ไปโรงเรียน เพราะกลัวเรียนตามเพื่อนไม่ทัน
ไปถึงโรงเรียนฉันเดินเร็วไม่ได้เพราะยังเจ็บขาอยู่ รุ่นน้องแซวว่ากว่าจะมาเรียนได้นะ (น้องรู้ว่าไปรักษา หัวใจ) เจอครูผู้สอนทุกวิชา ก็ขอตามงานที่หยุดไปจนครบ ตอนที่กลับมาเรียน ก็จะเจอคำถามจากครู และ เพื่อน ๆ ว่า ไปไหนมา รักษาหัวใจเป็นยังไงบ้าง หายหรือยัง ทำไม่เดินช้าจัง รักษาหัวใจแต่กลับมาเดินเหมือนคนขาหัก เข้าเรียนสายเพราะเดินช้า ก็จะโดนครูผู้สอน
บ่น ก็บอกเหตุผลว่าเจ็บขาค่ะ เดินเร็วไม่ได้ (บางคนก็คิดว่าฉันสำออย อ้างนั่นอ้างนี่) ฉันไม่สนใจ
จนมามหาวิทยาลัย ได้เจอเพื่อนใหม่ ก็แนะนำตัวและบอกว่าพึ่งไปรักษาหัวใจมา อาจจะทำกิจกรรมหนัก ๆ ด้วยไม่ได้ ดูเพื่อน ๆ ก็ดูเข้าใจและ คอยถามว่าไหวไหม เป็นอะไรให้บอกนะ รู้สึกดีมากค่ะที่ได้มาเจอสังคมแบบนี้ ***แต่ บางคนก็มาถามว่าน่ากลัวไหม ก็เปิดรูปที่รักษาให้ดู ทุกคนก็คอยเป็นห่วง บางคนก็พูดแซวเล่นขำ ๆ ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ***
กลับมา sil 1 โรงเรียนเดิม ครูผู้สอนบางวิชาก็จำได้ว่าฉันเรียนที่นี่และ ไปรักษาหัวใจมา ก็คุยเล่นว่าอาการตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ฉันก็บอกไปว่าตอนนี้แผลปิดหมดแล้ว แต่ยังมีอาการอยู่บ้าง แน่นหน้าอก จุกอก หายใจไม่ออกบ้าง อยู่ ๆ ก็วูบ หน้ามืดไปเอง ครูบอกว่าสู้ต่อไป ยังต้องอยู่กับมันไปอีกยาว
ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบ รู้สึกอย่างไรบ้างช่วยบอกหน่อยนะคะ ❤️❤️❤️
ฉันอยากถามคุณว่า คุณคิดยังไงกับคนเป็นโรคหัวใจ?❤️
ว่าจะมีโอกาสที่จะปิดเองไหม ฉันได้คุยกับคนแถวบ้านเขาบอกว่าตอนเด็กก็เป็นโรคหัวใจ พอโตมาหัวใจมันจะขยายแล้วปิดไปเองค่ะ
นั่นแหละค่ะ ฉันก็หวังจะเป็นแบบนั้น ในการใช้ชีวิตของฉันมันก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่ "เหนื่อยง่ายและหัวใจเต้นเร็วกว่าคนปกติ" ทุกครั้ง ที่ฉันเรียน"วิชาพละ" แม่บอกฉันเสมอว่า ***ให้บอกครูผู้สอนเสมอ ว่าฉันเป็น "โรคหัวใจ" ออกกำลังหนักไม่ได้***
ทุกครั้งที่เรียนวิชาพละ ก็จะเจอคำพูดที่ว่า (หัวใจรั่วหรอ มันเป็น ยังไงอ่ะ) ใช่ค่ะ เพื่อน ๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ครูผู้สอนให้วิ่งค่ะ แล้วบอกว่าถ้าเหนื่อยมาก ๆ ห้ามกินน้ำทันที ครูผู้สอนให้ฉันวิ่งและสลับเดินได้ พอฉันวิ่งเสร็จ ฉันหอบและ หัวใจเต้นรัว ฉันกระหายน้ำ เพื่อนที่มาเจอตอนฉันกำลังจะดื่มน้ำ เพื่อนรีบมาบังฉันไม่ให้ฉันกดน้ำดื่ม ฉันยืนร้องไห้จน ครูผู้สอนเดินเข้ามาแล้วบอกให้ฉันดื่มเถอะ
***ครูผู้สอนบางคน***ก็ชอบพูดเล่นว่า (หัวใจรั่วเดี๋ยวครูเอาดินน้ำมันอุดรูรั่วให้) (เดี๋ยวครูเอาพลาสเตอร์ยามาปิดให้) แล้วก็หัวเราะอย่างสนุก ***ในใจฉันคิดนะคะว่า ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีนะสิ***
"จนถึงวันนึงที่ฉันเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก จุกอกจนหายใจไม่ออก" อาการเหล่านี้มาเป็นระยะ ๆ 1 เดือนจะเป็นครั้ง 2 ครั้ง จนบางทีฉันกลัวว่าถ้าวันนึงฉันจะตายล่ะ ใจนึกก็กลัว อีกใจก็ไม่อยากอยู่แบบทรมานแบบนี้อีกต่อไปแล้ว มันเจ็บ มันปวด
ช่วงจะจบ ม.6 อีก 2 เดือนจะสอบแล้ว ตอนนั้นถึงเวลาที่ต้องเตรียม เข้ามหาวิทยาลัย คุณหมอนัดไปทำหัวใจ คุณหมอให้คำแนะนำมาว่า (รักษาเถอะ ตอนนี้ปล่อยไว้ก็ยังไม่เป็นอะไร แต่ถ้าอายุ 40-50 ขั้นไป มันเสี่ยง...) ตัดสินใจไปทำหัวใจ
ขอลาครูประจำชั้นและ บอกครูผู้ทุกวิชาและ ตามงานจนครบ ก่อนจะไปรักษา ฉันก็สัมภาษณ์ สมัครเข้ามหาวิทยาลัย "ความรู้สึกที่กดดันว่าต้องติดให้ได้และ ความรู้สึกกลัว ที่กำลังจะผ่าตัด จะเป็นไปด้วยดีหรือ
ปล่าว" แม่มาเฝ้าฉันตลอดตั้งแต่มานอน โรงพยาบาล 3 วัน 2 คืน ไม่ไปไหน (แม่ลางานมา)
หลังจากผ่าตัดเสร็จ ฉันหลับไป ตื่นมา มีพ่อมาเยี่ยมและซื้อขนมมาให้ ฉันดีใจมาก เพราะฉันคิดว่าจะไม่มีใครมาเยี่ยมฉันเลย อย่างน้อย ญาติพี่น้องไม่มีใครมา แต่มีพ่อกับแม่มาคอยดูแลและ มาเยี่ยมฉันก็ดีใจที่สุด
"หลังฉันตื่นมาจากผ่าตัดนั้น ฉันอยากเข้าห้องน้ำ พยาบาลบอกว่าต้องรออีก 3-4 ชั่วโมง ถึงลุกได้ ฉันรอ พอถึงเวลา ฉันขอไปเข้าห้องน้ำ พยาบาลมาช่วยประคองตัว ตอนฉันได้ยืนเท่านั้นแหละ ฉันก็วูบไป ความดันตกไป 60 ลงไปเรื่อย ๆ แล้วก็ได้ใส่สายสวนแล้วฉันก็หลับไป ตื่นมาตอนดึก "หัวฉันมันอื้อ รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด"
สิ่งที่ต้องปฏิบัติหลังรักษา คือ 1.ห้ามไอ ห้ามจาม 2.ห้ามเบ่ง 3.ห้ามเดินเยอะ ห้ามขึ้นบันได (ขายังห้อเลือดอยู่) 4.ห้ามมี.... คุณหมอให้กลับมาพักบ้าน 1-2 สัปดาห์ ฉันกลับมาพักที่บ้านได้ เกือบ 1 เดือน พอเดินได้คล่องก็ไปโรงเรียน เพราะกลัวเรียนตามเพื่อนไม่ทัน
ไปถึงโรงเรียนฉันเดินเร็วไม่ได้เพราะยังเจ็บขาอยู่ รุ่นน้องแซวว่ากว่าจะมาเรียนได้นะ (น้องรู้ว่าไปรักษา หัวใจ) เจอครูผู้สอนทุกวิชา ก็ขอตามงานที่หยุดไปจนครบ ตอนที่กลับมาเรียน ก็จะเจอคำถามจากครู และ เพื่อน ๆ ว่า ไปไหนมา รักษาหัวใจเป็นยังไงบ้าง หายหรือยัง ทำไม่เดินช้าจัง รักษาหัวใจแต่กลับมาเดินเหมือนคนขาหัก เข้าเรียนสายเพราะเดินช้า ก็จะโดนครูผู้สอนบ่น ก็บอกเหตุผลว่าเจ็บขาค่ะ เดินเร็วไม่ได้ (บางคนก็คิดว่าฉันสำออย อ้างนั่นอ้างนี่) ฉันไม่สนใจ
จนมามหาวิทยาลัย ได้เจอเพื่อนใหม่ ก็แนะนำตัวและบอกว่าพึ่งไปรักษาหัวใจมา อาจจะทำกิจกรรมหนัก ๆ ด้วยไม่ได้ ดูเพื่อน ๆ ก็ดูเข้าใจและ คอยถามว่าไหวไหม เป็นอะไรให้บอกนะ รู้สึกดีมากค่ะที่ได้มาเจอสังคมแบบนี้ ***แต่ บางคนก็มาถามว่าน่ากลัวไหม ก็เปิดรูปที่รักษาให้ดู ทุกคนก็คอยเป็นห่วง บางคนก็พูดแซวเล่นขำ ๆ ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ***
ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบ รู้สึกอย่างไรบ้างช่วยบอกหน่อยนะคะ ❤️❤️❤️