เสียงจักจั่นยามบ่ายดังคลอเคลียอยู่ข้างหู สายลมอุ่นจากแม่น้ำท้ายหมู่บ้านพัดผ่านหน้าต่างไม้เก่า ๆ ของบ้านหลังเล็กที่มีรอยแตกร้าวตรงขอบประตู พอให้แสงแดดลอดผ่านเข้ามาเป็นริ้ว ๆ กระทบพื้นไม้
“แม่~ หนูอยากกินขนมหัวเราะ~”
เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กกอดเข่าทำหน้าทะเล้นอยู่หน้าชานบ้าน ผมหยักศกปรกหน้าผาก แววตาเป็นประกายสดใสเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ขนมหัวเราะมันไม่ได้หัวเราะออกมาจริง ๆ หรอกนะหนูนา” แม่ยิ้ม เอื้อมมือหยาบกร้านลูบหัวลูกสาวเบา ๆ
“แต่เวลาแม่ทำ หนูได้ยินเสียงหัวเราะทุกทีเลยนะ”แม่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เดินช้า ๆ ไปหยิบตะกร้าไม้ไผ่
“งั้นวันนี้เรามาทำด้วยกันไหม”
แป้งสาลี,แป้งข้าวโพด,ผงฟู,ถูกร่อนรวมกัน
ไข่ไก่ ,น้ำตาล,เนยละลาย,เกลือ,ตีให้เข้ากันแล้วนำไปเทผสมกับแป้งที่ร่อนไว้ ใช้มือนวดให้แป้งเนียน จนเป็นเนื้อเดียวกัน
ทั้งหมดถูกรวมอยู่ในความทรงจำของ “ขนมหัวเราะ” ที่ไม่เคยลืมเลือน
หนูนากับแม่ช่วยกันปั้นแป้ง เป็นลูกกลมคลุกงาขาว แล้วทอดลงในกระทะร้อน ๆ เสียงน้ำมันเดือดดัง “ซ่า” ฟังคล้ายเสียงปรบมือเบา ๆ ต้อนรับขนมแต่ละชิ้นที่แป้งเริ่มอ้าออกทีละน้อย
“เห็นไหม? ปากมันอ้าเหมือนกำลังหัวเราะเลย!” หนูนาเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างตื่นเต้น
“เพราะเราใส่ใจลงไป มันเลยหัวเราะไงลูก”
วันนั้น…กลิ่นหอมของขนมหัวเราะลอยกรุ่นอยู่ในบ้าน เสียงหัวเราะของแม่ กับเสียงหัวเราะของหนูนา สอดประสานกันอย่างมีความสุข
…
หลายปีผ่านไป หนูนาเติบโตเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ยุ่งกับงานเอกสารแสนวุ่นวายและการจราจรแสนสับสน
วันหนึ่ง…เธอเดินผ่านร้านขนมไทยเล็ก ๆ ใต้ตึกแถวเก่า
ตรงมุมกระจก มีป้ายเขียนด้วยลายมือว่า
“ขนมหัวเราะ – ทำสดใหม่ทุกวัน”
เธอหยุดมองป้ายนั้น หัวใจเต้นเบา ๆ รีบตรงรี่เข้าไปอุดหนุน
คำแรกที่ได้สัมผัสกัดลงไปในเนื้อแป้งอุ่น ๆ กลิ่นของวันวาน เสียงของแม่และเสียงหัวเราะเล็ก ๆ จากในใจได้กลับมาอีกครั้ง..
ขนมหัวเราะ
เสียงจักจั่นยามบ่ายดังคลอเคลียอยู่ข้างหู สายลมอุ่นจากแม่น้ำท้ายหมู่บ้านพัดผ่านหน้าต่างไม้เก่า ๆ ของบ้านหลังเล็กที่มีรอยแตกร้าวตรงขอบประตู พอให้แสงแดดลอดผ่านเข้ามาเป็นริ้ว ๆ กระทบพื้นไม้
“แม่~ หนูอยากกินขนมหัวเราะ~”
เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กกอดเข่าทำหน้าทะเล้นอยู่หน้าชานบ้าน ผมหยักศกปรกหน้าผาก แววตาเป็นประกายสดใสเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ขนมหัวเราะมันไม่ได้หัวเราะออกมาจริง ๆ หรอกนะหนูนา” แม่ยิ้ม เอื้อมมือหยาบกร้านลูบหัวลูกสาวเบา ๆ
“แต่เวลาแม่ทำ หนูได้ยินเสียงหัวเราะทุกทีเลยนะ”แม่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เดินช้า ๆ ไปหยิบตะกร้าไม้ไผ่
“งั้นวันนี้เรามาทำด้วยกันไหม”
แป้งสาลี,แป้งข้าวโพด,ผงฟู,ถูกร่อนรวมกัน
ไข่ไก่ ,น้ำตาล,เนยละลาย,เกลือ,ตีให้เข้ากันแล้วนำไปเทผสมกับแป้งที่ร่อนไว้ ใช้มือนวดให้แป้งเนียน จนเป็นเนื้อเดียวกัน
ทั้งหมดถูกรวมอยู่ในความทรงจำของ “ขนมหัวเราะ” ที่ไม่เคยลืมเลือน
หนูนากับแม่ช่วยกันปั้นแป้ง เป็นลูกกลมคลุกงาขาว แล้วทอดลงในกระทะร้อน ๆ เสียงน้ำมันเดือดดัง “ซ่า” ฟังคล้ายเสียงปรบมือเบา ๆ ต้อนรับขนมแต่ละชิ้นที่แป้งเริ่มอ้าออกทีละน้อย
“เห็นไหม? ปากมันอ้าเหมือนกำลังหัวเราะเลย!” หนูนาเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างตื่นเต้น
“เพราะเราใส่ใจลงไป มันเลยหัวเราะไงลูก”
วันนั้น…กลิ่นหอมของขนมหัวเราะลอยกรุ่นอยู่ในบ้าน เสียงหัวเราะของแม่ กับเสียงหัวเราะของหนูนา สอดประสานกันอย่างมีความสุข
…
หลายปีผ่านไป หนูนาเติบโตเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ยุ่งกับงานเอกสารแสนวุ่นวายและการจราจรแสนสับสน
วันหนึ่ง…เธอเดินผ่านร้านขนมไทยเล็ก ๆ ใต้ตึกแถวเก่า
ตรงมุมกระจก มีป้ายเขียนด้วยลายมือว่า
“ขนมหัวเราะ – ทำสดใหม่ทุกวัน”
เธอหยุดมองป้ายนั้น หัวใจเต้นเบา ๆ รีบตรงรี่เข้าไปอุดหนุน
คำแรกที่ได้สัมผัสกัดลงไปในเนื้อแป้งอุ่น ๆ กลิ่นของวันวาน เสียงของแม่และเสียงหัวเราะเล็ก ๆ จากในใจได้กลับมาอีกครั้ง..