1.กระดูกข้อเท้าด้านนอกหัก ใส่เหล็กดามไว้สามารถกลับมาเล่นกีฬาได้หรือไม่ ขอรายละเอียด และเคสตัวอย่างทางการแพทย์ด้วย?
การที่กระดูกข้อเท้าด้านนอกหัก (เช่น กระดูก fibula หัก) และต้องมีการผ่าตัดใส่เหล็กดาม (เช่น plate and screw fixation) เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในอุบัติเหตุ เช่น ข้อเท้าพลิกแรง ๆ หกล้ม หรือจากการเล่นกีฬา โดยทั่วไปแล้ว สามารถกลับมาเล่นกีฬาได้ แต่ต้องมีการฟื้นฟูอย่างถูกต้องและใช้เวลาพอสมควร
รายละเอียดของการรักษาและการฟื้นตัว
1. การผ่าตัดใส่เหล็กดาม (ORIF - Open Reduction and Internal Fixation)
แพทย์จะจัดกระดูกให้เข้าที่ แล้วใส่แผ่นเหล็กและสกรูเพื่อยึดกระดูกให้ติดกัน
เหมาะกับเคสที่กระดูกเคลื่อน หรือหักแบบไม่มั่นคง
2. ระยะเวลาฟื้นตัว
โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ระยะ:
ระยะเวลา
รายละเอียด
0-6 สัปดาห์แรก
ไม่ลงน้ำหนัก (non-weight bearing), ใส่เฝือก/รองเท้าพิเศษ, ลดบวม, ควบคุมอาการปวด
6-12 สัปดาห์
เริ่มลงน้ำหนักบางส่วน, ทำกายภาพเพื่อเรียกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อเท้า
3-6 เดือน
เริ่มทำกิจกรรมปกติ, เล่นกีฬาที่ไม่หนักมาก (เดิน วิ่งเบา ๆ)
6-12 เดือน
กลับมาเล่นกีฬาได้ใกล้เคียงระดับเดิม ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการฟื้นตัว
หมายเหตุ: เวลาที่ใช้ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อายุ, สุขภาพโดยรวม, ลักษณะของกระดูกที่หัก, และความร่วมมือในการทำกายภาพบำบัด
ปัจจัยสำคัญในการกลับมาเล่นกีฬาได้
กระดูกติดสนิทดี จากการดูฟิล์ม X-ray
ข้อเท้าขยับได้เต็มช่วง ไม่มีข้อจำกัดในการงอ/เหยียด/หมุน
กล้ามเนื้อรอบข้อเท้าแข็งแรงพอ รองรับแรงขณะเล่นกีฬา
ไม่มีอาการปวด หรือบวมเรื้อรัง
การประเมินโดยแพทย์กีฬา หรือนักกายภาพบำบัด
เคสตัวอย่างทางการแพทย์
Case Study 1: นักฟุตบอลมือสมัครเล่น อายุ 28 ปี
ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ กระดูก fibula หักกลางลำ
ทำ ORIF ด้วยแผ่นโลหะและสกรู
กายภาพ 4 เดือนแรกอย่างเข้มข้น
กลับมาเล่นฟุตบอลได้เต็มรูปแบบหลัง 9 เดือน
ไม่มีอาการปวดเรื้อรัง
Case Study 2: นักวิ่งมาราธอน อายุ 35 ปี
ล้มจากจักรยาน กระดูกข้อเท้าด้านนอกหัก
ใส่เหล็กดาม 1 แผ่น 6 สกรู
หลังฟื้นตัว 6 เดือน เริ่มวิ่งช้า ๆ
กลับมาวิ่งมาราธอนได้หลัง 10 เดือน
2.โลหะ หรือ สกรูที่ใช้ดาม มีผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อ หรือกระดูกมากน้อยเพียงใด ?
เป็นคำถามที่ดีมากครับ เพราะหลายคนที่ผ่าตัดใส่โลหะดามกระดูกมักกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นหรือยาว
ผลข้างเคียงของโลหะและสกรูที่ใช้ดามกระดูก
1. การระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง (Soft tissue irritation
โลหะและสกรูที่ยื่นออกมา หรืออยู่ใกล้ผิวหนังมาก อาจเสียดสีกับกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคือง
โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้า ซึ่งมีเนื้อเยื่อบาง อาจรู้สึก เจ็บเสียวเวลาเดินหรือขยับแรง
2. การจำกัดการเคลื่อนไหว
ถ้าสกรูหรือแผ่นเหล็กอยู่ใกล้ข้อ อาจทำให้ขยับข้อได้ไม่สุด เช่น งอ/เหยียดข้อเท้าไม่สุด
ถ้ามีการยึดกระดูกหลายจุดเกินไป หรือยึดข้ามข้อ อาจเกิดข้อยึด (joint stiffness)
3. การละลายกระดูกบางส่วนรอบสกรู (Stress shielding)
แผ่นโลหะรับแรงแทนกระดูกมากเกินไป ทำให้กระดูกบริเวณนั้นบางลง (จากการไม่ต้องรับแรง) เรียกว่า osteopenia รอบแผ่นโลหะ
มักพบในเคสที่ใส่เหล็กไว้นานหลายปี
4. การติดเชื้อ (Infection)
พบน้อยมากในเคสที่ผ่าตัดโดยใช้เทคนิคปลอดเชื้อ แต่หากมีอาการบวมแดง ปวดรุนแรง หรือมีหนอง อาจต้องพิจารณานำเหล็กออก
5. ปฏิกิริยาต่อโลหะ (Metal allergy หรือ metal sensitivity)
บางคนแพ้โลหะบางชนิด เช่น นิกเกิล (Nickel) ซึ่งอาจอยู่ในโลหะผสม
อาการเช่น บวม แดง คันเรื้อรังรอบตำแหน่งแผล
ปัจจุบันนิยมใช้ ไทเทเนียม (Titanium) ซึ่งปลอดภัยกว่าและไม่ก่อการแพ้
ควรเอาเหล็กออกหรือไม่?
ข้อพิจารณาในการถอดเหล็ก:
มีอาการปวดเรื้อรัง หรือรำคาญจากการระคายเคือง
กระดูกติดสนิทดีแล้ว (หลัง 1–2 ปี)
อายุยังน้อย และคาดว่าจะใช้แรงข้อเท้ามากในอนาคต
ต้องการเล่นกีฬาที่ใช้แรงกระแทกบ่อย ๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วิ่งทางไกล
หมายเหตุ: การถอดโลหะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ก็มีความเสี่ยงบ้าง เช่น กระดูกหักใหม่ หรือเส้นเอ็นเสียหายขณะผ่า
สรุป
โดยทั่วไป โลหะและสกรูที่ใส่ดามกระดูกมีความปลอดภัยสูง และไม่ค่อยมีผลข้างเคียงร้ายแรง หากใส่โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก เคลื่อนไหวไม่สะดวก หรือรู้สึกเหมือนมีของแหลมทิ่มอยู่ตลอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจฟิล์ม X-ray และประเมินการถอดออก
หากคุณมีภาพ X-ray หรือต้องการเทียบกับอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็สามารถส่งให้ดูเพิ่มเติมได้นะครับ จะวิเคราะห์ให้เจาะจงมากขึ้น
ขอแชร์ข้อมูลจาก chat gpt เรื่องกระดูกข้อเท้าขวาหัก เผื่อเป็นข้อมูลคลายข้อสงสัยหลังผ่าตัดครับ ขอบคุณ pantip
การที่กระดูกข้อเท้าด้านนอกหัก (เช่น กระดูก fibula หัก) และต้องมีการผ่าตัดใส่เหล็กดาม (เช่น plate and screw fixation) เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในอุบัติเหตุ เช่น ข้อเท้าพลิกแรง ๆ หกล้ม หรือจากการเล่นกีฬา โดยทั่วไปแล้ว สามารถกลับมาเล่นกีฬาได้ แต่ต้องมีการฟื้นฟูอย่างถูกต้องและใช้เวลาพอสมควร
รายละเอียดของการรักษาและการฟื้นตัว
1. การผ่าตัดใส่เหล็กดาม (ORIF - Open Reduction and Internal Fixation)
แพทย์จะจัดกระดูกให้เข้าที่ แล้วใส่แผ่นเหล็กและสกรูเพื่อยึดกระดูกให้ติดกัน
เหมาะกับเคสที่กระดูกเคลื่อน หรือหักแบบไม่มั่นคง
2. ระยะเวลาฟื้นตัว
โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ระยะ:
ไม่ลงน้ำหนัก (non-weight bearing), ใส่เฝือก/รองเท้าพิเศษ, ลดบวม, ควบคุมอาการปวด
6-12 สัปดาห์
เริ่มลงน้ำหนักบางส่วน, ทำกายภาพเพื่อเรียกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อเท้า
3-6 เดือน
เริ่มทำกิจกรรมปกติ, เล่นกีฬาที่ไม่หนักมาก (เดิน วิ่งเบา ๆ)
6-12 เดือน
กลับมาเล่นกีฬาได้ใกล้เคียงระดับเดิม ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการฟื้นตัว
หมายเหตุ: เวลาที่ใช้ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อายุ, สุขภาพโดยรวม, ลักษณะของกระดูกที่หัก, และความร่วมมือในการทำกายภาพบำบัด
ปัจจัยสำคัญในการกลับมาเล่นกีฬาได้
กระดูกติดสนิทดี จากการดูฟิล์ม X-ray
ข้อเท้าขยับได้เต็มช่วง ไม่มีข้อจำกัดในการงอ/เหยียด/หมุน
กล้ามเนื้อรอบข้อเท้าแข็งแรงพอ รองรับแรงขณะเล่นกีฬา
ไม่มีอาการปวด หรือบวมเรื้อรัง
การประเมินโดยแพทย์กีฬา หรือนักกายภาพบำบัด
เคสตัวอย่างทางการแพทย์
Case Study 1: นักฟุตบอลมือสมัครเล่น อายุ 28 ปี
ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ กระดูก fibula หักกลางลำ
ทำ ORIF ด้วยแผ่นโลหะและสกรู
กายภาพ 4 เดือนแรกอย่างเข้มข้น
กลับมาเล่นฟุตบอลได้เต็มรูปแบบหลัง 9 เดือน
ไม่มีอาการปวดเรื้อรัง
Case Study 2: นักวิ่งมาราธอน อายุ 35 ปี
ล้มจากจักรยาน กระดูกข้อเท้าด้านนอกหัก
ใส่เหล็กดาม 1 แผ่น 6 สกรู
หลังฟื้นตัว 6 เดือน เริ่มวิ่งช้า ๆ
กลับมาวิ่งมาราธอนได้หลัง 10 เดือน
2.โลหะ หรือ สกรูที่ใช้ดาม มีผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อ หรือกระดูกมากน้อยเพียงใด ?
เป็นคำถามที่ดีมากครับ เพราะหลายคนที่ผ่าตัดใส่โลหะดามกระดูกมักกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นหรือยาว
ผลข้างเคียงของโลหะและสกรูที่ใช้ดามกระดูก
1. การระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง (Soft tissue irritation
โลหะและสกรูที่ยื่นออกมา หรืออยู่ใกล้ผิวหนังมาก อาจเสียดสีกับกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคือง
โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้า ซึ่งมีเนื้อเยื่อบาง อาจรู้สึก เจ็บเสียวเวลาเดินหรือขยับแรง
2. การจำกัดการเคลื่อนไหว
ถ้าสกรูหรือแผ่นเหล็กอยู่ใกล้ข้อ อาจทำให้ขยับข้อได้ไม่สุด เช่น งอ/เหยียดข้อเท้าไม่สุด
ถ้ามีการยึดกระดูกหลายจุดเกินไป หรือยึดข้ามข้อ อาจเกิดข้อยึด (joint stiffness)
3. การละลายกระดูกบางส่วนรอบสกรู (Stress shielding)
แผ่นโลหะรับแรงแทนกระดูกมากเกินไป ทำให้กระดูกบริเวณนั้นบางลง (จากการไม่ต้องรับแรง) เรียกว่า osteopenia รอบแผ่นโลหะ
มักพบในเคสที่ใส่เหล็กไว้นานหลายปี
4. การติดเชื้อ (Infection)
พบน้อยมากในเคสที่ผ่าตัดโดยใช้เทคนิคปลอดเชื้อ แต่หากมีอาการบวมแดง ปวดรุนแรง หรือมีหนอง อาจต้องพิจารณานำเหล็กออก
5. ปฏิกิริยาต่อโลหะ (Metal allergy หรือ metal sensitivity)
บางคนแพ้โลหะบางชนิด เช่น นิกเกิล (Nickel) ซึ่งอาจอยู่ในโลหะผสม
อาการเช่น บวม แดง คันเรื้อรังรอบตำแหน่งแผล
ปัจจุบันนิยมใช้ ไทเทเนียม (Titanium) ซึ่งปลอดภัยกว่าและไม่ก่อการแพ้
ควรเอาเหล็กออกหรือไม่?
ข้อพิจารณาในการถอดเหล็ก:
มีอาการปวดเรื้อรัง หรือรำคาญจากการระคายเคือง
กระดูกติดสนิทดีแล้ว (หลัง 1–2 ปี)
อายุยังน้อย และคาดว่าจะใช้แรงข้อเท้ามากในอนาคต
ต้องการเล่นกีฬาที่ใช้แรงกระแทกบ่อย ๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วิ่งทางไกล
หมายเหตุ: การถอดโลหะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ก็มีความเสี่ยงบ้าง เช่น กระดูกหักใหม่ หรือเส้นเอ็นเสียหายขณะผ่า
สรุป
โดยทั่วไป โลหะและสกรูที่ใส่ดามกระดูกมีความปลอดภัยสูง และไม่ค่อยมีผลข้างเคียงร้ายแรง หากใส่โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก เคลื่อนไหวไม่สะดวก หรือรู้สึกเหมือนมีของแหลมทิ่มอยู่ตลอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจฟิล์ม X-ray และประเมินการถอดออก
หากคุณมีภาพ X-ray หรือต้องการเทียบกับอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็สามารถส่งให้ดูเพิ่มเติมได้นะครับ จะวิเคราะห์ให้เจาะจงมากขึ้น