เรียนแพทย์ทหารที่อเมริกา

เนื้อหามีหลายส่วนที่ผิดพลาดเพราะยังศึกษาไม่พอ ขออภัยด้วยค่ะ และเราอยากจะถามไว้ก่อนเป็นแนวทางเพื่อนำไปไตร่ตรองเกี่ยวกับแผนในอนาคตของเราค่ะ แล้วก็ขอบคุณพี่ๆที่ตอบกลับและแก้ไขข้อมูลอะไรต่างๆให้ในใต้กระทู้นะคะ!

สวัสดีค่ะ เราขอใช้นามแฝงเป็น 'แจน' นะคะ อมยิ้ม36
เราเป็นเด็กอายุสิบห้าที่พึ่งขึ้น ม.4 เลยค่ะ เราอยู่ในโครงการ ESC (Enrichment Science Classroom ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ ตามแนวทาง สสวท. และ สอวน. เน้นวิทย์ฯ คณิตฯ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม | ข้อมูลจาก https://www.tutorwa-channel.com ) เราเคยมีความคิดที่อยากเป็นแพทย์ทหารตอน ม.2 แต่ว่าก็ไม่ได้จริงจังหรืออะไรมาก มาตอนนี้เราก็รู้แช้วค่ะว่าเราอยากเป็นแพทย์ทหาร แต่เราอยากไปเป็นแพทย์ทหารที่อเมริกาค่ะ ไม่ใช่ว่าเราไม่รักประเทศไทยนะคะ แต่เราอยากเดินทางไปในหลายๆที่ เราอยากช่วยคนหลายๆคนจริงๆค่ะ เรารู้ว่าำารเป็นแพทย์ทหารมันต้องเจอออะไรหนักๆบ้าง เช่น การฝึก การักษาคนไข้ การที่รักษาใครสักคนไม่ทันหรือไม่ได้เพราะทรัพยากรสำหรับรักษามันไม่พอ หรืออื่นๆ แต่ยังไงเราก็ยังอยากเป็นอยู่ดีค่ะ อมยิ้ม20

ตอนนี้เรามีแพลนอยู่ประมาณสองแพลนคร่าวๆค่ะ อมยิ้ม49

Plan #หนึ่ง : คือเราจะเรียนคณะอะไรก็ได้ที่เป็น pre-med เช่นพวก microbiology(จุลชีววิทยา), biochemistry(ชีวเคมี), neuroscience(ประสาทวิทยา) หรืออื่นๆ เราจะเรียนให้จบที่ไทยก่อนแล้วค่อยไปที่เมกาไปทำงานอยู่ที่นั่น(ทำ passport หรือ work permit ก่อนใช่ไหมคะๆ) ประมาณห้าปี(โดยต้องมีกรีนการ์ด) เพื่อที่จะได้ขอเปลี่ยนสัญชาติ แล้วค่อยไปสมัครเรียนที่ military medical school, AKA USU, AKA Uniformed Services University และเรียนต่ออีกเจ็ดปี แล้วเข้าร่วมกองทัพ อมยิ้ม12
อันนี้ยังไม่นับเรื่องยิบๆย่อยๆ ขอกรีดการ์ดไม่ได้ ขอเปลี่ยนสัญชาติไม่ได้ หรือสอบไม่ติด หรืออื่นๆ แต่นี่เป็นแค่แพลนคร่าวๆที่เราวางไว้ โดยที่สืบค้นข้อมูลจาก Google และ ChatGPT ไรพวกนี้

ต่อไป

Plan #2 : อันนี้คือเราแพลนไว้ว่าเราจะไปเรียน Pre-med (ปริญญาตรี) ที่เมกา แล้วเราจะมีโอกาสที่จะได้สัญชาติระหว่างเรียนโดยที่ไม่ต้องไปรอและทำงานอีกห้าปีแล้วค่อยได้สัญชาติ แล้วเราค่อยไปเข้าโรงเรียนแพทย์ทหารต่อ(ต้องมีสัญชาติก่อนถึงจะเข้าได้) พอเรียนจบก็ค่อยเข้ากองทัพต่อไป อมยิ้ม23
อันนี้ก็ยังเป็นแพลนคร่าวๆเหมือนกัน แต่อันนี้จะใช้เวลาน้อยกว่าเพราะไม่ต้องไปรออีกห้าปีเหมือนแพลนที่หนี่ง แต่เราจะกดดันมากๆในช่างสามปีนี้(ม.4-5-6) แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

แรงบัลดาลใจและเหตุผลที่อยากเป็นแพทย์ทหาร
อันนี้เป็นคล้ายๆคุยเล่นมากกว่าค่ะ สำหรับคนที่มาแค่เพื่อช่วยเราเกี่ยวกับแผนการเรียนก็สามารถข้ามหัวข้อนี้แล้วไปที่คำถามเพิ่มเติมก็ได้ค่ะ อันนี้เราอยากมาพูดคุยเพิ่มเติมนิดหน่อยเฉยๆค่ะ อมยิ้ม04

แบบว่าแรงบัลดาลใจกับแรงจูงใจของเราไม่ค่อยจะเป็นรูปธรรมเท่าไหร่ค่ะ555อมยิ้ม39
คือเราก็จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกันค่ะว่าครั้งแรกที่เรามารู้ตัวจรืงๆว่าอยากเป็นแพทย์ทหารคืออะไร but I know that เราอยากเป็นจริงๆ เราอยากช่วยคน
เหตุผล : คือเราเป็นที่แบบว่า ชอบเป็นห่วงคนอื่น พวกไวต่อความรู้สึกไรงี้ค่ะ ส่วนมากเวลาเห็นพวก fictional characters that have sad ahh backstories ที่ sad asf หรือใครก็ได้ที่กำลังเครียดหรือผ่านอะไรหนักๆมา แล้วเราก็จะมี "damn, I wish I could help em'" kind of thoughts แล้วมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะทำให้เรารู้สึกผิดที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้ทั้งๆที่เราแทบจะไม่ หรือไม่รู้จักคนคนนั้นเลยอ่ะค่ะ555 เพราะแบบนั้นเราก็เลยอยากจะมาเป็นหมอ บวกกับเห็น edits เกี่ยวกับ military อะไรบลาๆๆ และรวมกับเรื่องของ combat medics that they're like 'angels of the battlefield' ไรงี้ เราคิดว่าเป็นอะไรที่เท่และน่าเคารพมากๆ(รวมถึงทหารและตำรวจหรืออื่นๆด้วย) เราก็เลยมีไฟอยากเป็นขึ้นมา

ยังไงก็ตามเหตุเราอาจจะดูง่อยๆแล้วก็ unhealthy แต่เรามีเหตุที่มันค่อนข้างจะ personal เกินไปที่จะเปิดเผยในนี้ ได้โปรดช่วยเข้าใจเราหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ! ^^

คำถามเพิ่มเติม
- numero uno : ถ้าเราจะไปจริงๆเราต้องทำ passport, work permit และ green card ทั้งสามอันเลยใช่ไหมค่ะ หรือเราต้องทำใบอื่นๆหรือบางใบไม่ต้องทำ อันนี้เราไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากขอโทษด้วยนะคะ555
- ข้อสอง : เราควรสอบขอทุนดีมั้ยและจากไหนดี เท่าที่เรารู้มาคร่าวๆ(จาก ChatGPT) ก็มีทุนของ TASP, UWC, YES, YSEALI ไรพวกนี้ (เพิ่มเติมเราก็ได้นะคะ อมยิ้ม20)
- ข้อสาม : เราต้องการกิจกรรมทำเพื่อเอาไปทำพอร์ตด้วยค่ะ เราอยากรู้ว่าทุกคนบไปทำกิจกรรมอะไรบ้างแล้วช่วยแนะนะหน่อยได้ไหมคะ
- ข้อสี่ : ในปีนี้ยังเหลือการสอบ SAT อยู่ประมาณหกรอบ คือ 1. วันสอบ May 3, 2025 (สมัครภายใน Apr 18, 2025)
2. วันสอบ June 7, 2025 (สมัครภายใน May 22, 2025)
3. วันสอบ August 23, 2025 (สมัครสอบถามใน August 8, 2025)
4. วันสอบ September 13, 2025 (สมัครสอบภายใน August 29, 2025)
5. วันสอบ October 4, 2025 (สมัครสอบภายใน September 19, 2025)
6. วันสอบ November 8, 2025 (สมัครสอบภายใน October 24, 2025)
(จริงๆปีนี้มีเจ็ดรอบแต่มันไม่ทันแล้ว) ข้อมูลจาก: interpass.in.th
แล้วคือการสอบ SAT เขาไม่จำกัดอายุ(เขาแนะนำอายุช่วง16-20)และรอบในการสอบก็ไม่จำกัด เราก็เลยว่าเราจะสอบมันให้หมดทุกรอบ แต่ว่าอังกฤษของเรายัง snakeๆ fishๆ อยู่ และกำลังชั่งใจว่าเราควรสอบรอบที่ใกล้จะถึงนี้ไหม(รอบ May 3) เพราะเรายังเตรียมตัวไม่มากและค่าสอบมันสามพันสอง(3,200 bath thai | อ้างอิงจาก https://aims.co.th ) แล้วก็ว่าจะสอบ TOEFL/IELTS ด้วย

ตอนนี้มีคำถามประมาณนี้ก่อนค่ะ คิดไม่ออกแล้ว555 นั่งพิมพ์กระทู้นี้มาจะยี่สิบนาทีละ

สุดท้ายนี้ เราอยากจะบอกว่าขอบคุณที่สนใจและกดเข้ามาอ่านกระทู้ของเด็กคนนี้ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบและคำแนะนำด้วยค่ะะะอมยิ้ม01

แล้วก็ๆ ถ้าใครมีประสบการอะไรที่เกี่ยวกับการสอบ ชีวิตทหาร(ไม่ต้องเป็นทหารเมกาก็ได้) การเตรียมพอร์ต การเตรียมตัวเรียน อะไรที่ทำผิดพลากแล้วอย่กจะเตือนเราก็ share ได้นะคะ เราอยากอ่านมากๆๆ และขออภัยหากข้อมูลหรือการสะกดอะไรบางที่ผิดพลาดเราขอโทษจริงๆนะคะอมยิ้ม20

ปล. บางส่วน(อาจจะเกือบทั้งหมด)เราอาจจะมีความคิดที่มองข้ามความจริงหรือไร้เหตุผลหรือเด็กๆไปบ้าง เราก็ขออภัยด้วยนะคะ เราจะพยายามปรับเปลี่ยนมุมมองตามที่ทุกคนแสดงความคิดเห็นมานะคะ[uu]

ขอขอบคุณอีกรอบนะคะ!อมยิ้ม22
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่แน่ใจว่าอเมริกามีวิทยาลัยแพทย์ทหารเหมือนบ้านเราไหมคิดว่าคงมีอ่ะนะ และหลักสูตรแพทย์ของอเมริการับคนจบปริญญาตรี การเป็นทหารในอเมริกาต้องเป็นพลเมืองของอเมริกัน กรีนการ์ดเป็นได้หรือไม่ไม่ทราบนะแต่ก็เห็นคนที่ได้ล๊อตโตของอเมริกาจากไทยไปก็ไปเป็นทหารได้

มีหลายความเข้าใจผิดที่คุณมีนะ
เราจะเรียนให้จบที่ไทยก่อนแล้วค่อยไปที่เมกาไปทำงานอยู่ที่นั่น(ทำ passport หรือ work permit ก่อนใช่ไหมคะๆ) ประมาณห้าปี(โดยต้องมีกรีนการ์ด)

การไปทำงานที่อเมริกาคุณต้องมีนายจ้างและนายจ้างต้องทำ workpermit ให้คุณทำเองไม่ได้ และการหานายจ้างก็ไม่ได้ง่ายเพราะอาชีพส่วนใหญ่เขาสงวนไว้ให้พลเมืองเขาและอาชีพที่จ้างคนต่างชาติต้องเป็นอาชีพที่ขาดแคลน หรือต้องการผู้เชียวชาญแล้วคุณมีคุณสมบัติตามนั้น มันไม่ง่ายและค่าใช้จ่ายมันสูงกว่าจ้างคนอเมริกันด้วย มันจึงยาก

การขอกรีนการ์ด คุณต้องทำงานในอเมริกาและเสียภาษีให้รัฐอย่างน้อยห้าปีถึงจะทำเรื่องขอกรีนการ์ดได้ไม่ใช่ต้องมีหรือได้โดยอัตโนมัติ

 อันนี้คือเราแพลนไว้ว่าเราจะไปเรียน Pre-med (ปริญญาตรี) ที่เมกา แล้วเราจะมีโอกาสที่จะได้สัญชาติระหว่างเรียนโดยที่ไม่ต้องไปรอและทำงานอีกห้าปีแล้วค่อยได้สัญชาติ

วีซ่านักเรียนไม่ทำให้คุณขอกรีนการ์ดได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าเรียนอเมริกาห้าปีแล้วได้กรีนการ์ดเลย คุณต้องทำงานที่นั่นและเสียภาษีให้รัฐอย่างน้อยห้าปีถึงทำเรื่องขอได้  นักเรียนอเมริกาไปเรียนกี่ปีด้วยวีซ่านักเรียนจบแล้วถ้าหางานในอเมริกาหรือหานายจ้างไม่ได้ก็ต้องกลับไทยไม่มีสิทธิ์ได้กรีนการ์ด

 numero uno : ถ้าเราจะไปจริงๆเราต้องทำ passport, work permit และ green card ทั้งสามอันเลยใช่ไหมค่ะ หรือเราต้องทำใบอื่นๆหรือบางใบไม่ต้องทำ อันนี้เราไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากขอโทษด้วยนะคะ555

work permit และ green card ทำเองไมไ่ด้ค่ะ ต้องมีคุณสมบัติและได้รับการอนุมัติก่อน

เอาคร่าวๆเฉพาะข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนะคะ  และถ้าคิดจะไปเรียนปริญญาตรีที่อเมริกาสี่ปีนอกจากคุณสมบัติส่วนตัวระดับภาษาแล้วถามครอบครัวก่อนว่ารับภาระค่าใช้จ่ายไหวไหม ปีละ 1-2 ล้านบาทด้วยเรทเงินปัจจุบัน

สิ่งที่ฝันมันไม่ง่ายเลย ยากหนักหนาเลยล่ะ

อีกอย่าง คิดก่อนว่าจะทำงานที่ไหน คิดก่อนว่าโอกาสไปเป็นทหารที่อเมริกามันยากและใช้เวลานานขนาดไหน การที่ไม่ใช่พลเมืองของเขาแล้วอยากเป็นทหารไม่ง่ายค่ะ

สุดท้ายหลักสูตรแพทย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ อยากทำงานที่ไหนก็เรียนที่นั่น เพราะการสอบใบประกอบโรคศิลปของแพทย์ไทยสำหรับคนที่จบแพทย์จากต่างประเทศไม่ง่ายเลย กว่าจะผ่านยากมากๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่