ชวนคุยหลังจากดูรายการโหนกระแส กรณีอดีตสามีและอดีตแม่สามีพรากทารกจากผู้เป็นแม่
ทำให้คิดเกี่ยวกับประเด็น หนุ่มสาวช่วงจีบกัน , การแต่งงาน, บทบาทสามี-ภรรยา , ความสัมพันธ์แม่ผัว-ลูกสะใภ้ และการใช้ชีวิตหลังแต่งงาน
มีหลายช่วงหลายตอนที่ได้ฟังแล้วรู้สึก “เอ๊ะ ?!? อิหยังวะ? ยังไงนะ ? อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ??” ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากกกก
ถ้าเป็นในกระทู้พันทิปคงคิดว่าอาจเป็นกระทู้จากเรื่องจริงบ้าง หรืออาจแต่งเรื่องบ้าง
แต่ที่เป็นข่าวนี่คือมีเรื่องแบบนี้จริงๆ นะ
1. ผู้ชายที่เป็นคนกล้าหาร ไม่ว่าจะมื้อแรก หรือมื้อไหนๆ ตั้งแต่ตอนจีบกันจนมีลูกด้วยกัน ค่า
เฟรนช์ฟรายส์ 89 บาทก็ยังทวง
2. ผู้ชายอายุ30 ที่ยังคงต้องอยู่ในอาณัติของแม่ ทุกความเคลื่อนไหวต้องคอยรายงานแม่ และฟ้องแม่อยู่เสมอ
3. ช่วงจีบกันคบกัน แต่ผู้ชายไม่เคยพาไปที่บ้านเลย
4. งานแต่งที่แขกฝ่ายชายมากันแค่ 3 คน ถ้าไม่นับเจ้าบ่าว ก็มีแค่พี่ชาย น้องชาย และแม่เจ้าบ่าวเท่านั้นที่มาร่วมเป็นแขกฝ่ายชาย
5. แม่สามีที่คอยบงการชีวิตลูก และไม่ยอมรับให้ลูกสะใภ้เข้าบ้าน และแสดงท่าทีรังเกียจลูกสะใภ้
6. ชีวิตหลังแต่งงาน ที่ผู้ชายยังคอยเทียวไปเทียวมา ระหว่างบ้านแม่ตัวเองและหอพักของภรรยา โดยมีเงื่อนไขข้อกำหนดเวลาไปกลับเคร่งครัด
และรายละเอียดจากในรายการอีกมากมายที่รู้สึกว่าเป็น Red Flag
หลายเรื่องควรเอะใจ และควรหยุดและคิดได้แล้วว่าสภาพแบบนี้ อนาคตข้างหน้าจะรอดได้อย่างไร
แต่งงใจมากที่ฝ่ายภรรยายังยอมได้หมดกับสภาพนี้ หากบอกว่ายอมเพราะรัก นั่นยิ่งงงหนักเพราะฟังเรื่องราวไม่มีความโรแมนติกหรือโมเมนต์ที่ผู้ชายแสดงความรักเลย
และยิ่งสงสัยในตัวบุคคล ผู้ชาย และแม่ผู้ชาย
ว่าเป็นคนแบบใด โตมาแบบใด เลี้ยงดูลูกแบบใด มองตัวเอง มองสังคมแบบใด และปฏิบัติต่อคนอื่นแบบใด
เอาจริงๆ ปฏิบัติแบบใดนี่คงไม่ต้องถามแล้ว เห็นจากในข่าว ในคลิปก็รู้แล้ว
แต่ในเมื่อได้ลูกน้อยหลับคืนมาสู่อกแม่แล้ว ก็ยินดีด้วยค่ะ
เพียงแต่รู้สึกแปลกใจว่า เออ อย่างนี้ก็มีจริงๆ
ชวนคุย กรณีอดีตสามีพรากทารกจากอกแม่
ทำให้คิดเกี่ยวกับประเด็น หนุ่มสาวช่วงจีบกัน , การแต่งงาน, บทบาทสามี-ภรรยา , ความสัมพันธ์แม่ผัว-ลูกสะใภ้ และการใช้ชีวิตหลังแต่งงาน
มีหลายช่วงหลายตอนที่ได้ฟังแล้วรู้สึก “เอ๊ะ ?!? อิหยังวะ? ยังไงนะ ? อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ??” ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากกกก
ถ้าเป็นในกระทู้พันทิปคงคิดว่าอาจเป็นกระทู้จากเรื่องจริงบ้าง หรืออาจแต่งเรื่องบ้าง
แต่ที่เป็นข่าวนี่คือมีเรื่องแบบนี้จริงๆ นะ
1. ผู้ชายที่เป็นคนกล้าหาร ไม่ว่าจะมื้อแรก หรือมื้อไหนๆ ตั้งแต่ตอนจีบกันจนมีลูกด้วยกัน ค่าเฟรนช์ฟรายส์ 89 บาทก็ยังทวง
2. ผู้ชายอายุ30 ที่ยังคงต้องอยู่ในอาณัติของแม่ ทุกความเคลื่อนไหวต้องคอยรายงานแม่ และฟ้องแม่อยู่เสมอ
3. ช่วงจีบกันคบกัน แต่ผู้ชายไม่เคยพาไปที่บ้านเลย
4. งานแต่งที่แขกฝ่ายชายมากันแค่ 3 คน ถ้าไม่นับเจ้าบ่าว ก็มีแค่พี่ชาย น้องชาย และแม่เจ้าบ่าวเท่านั้นที่มาร่วมเป็นแขกฝ่ายชาย
5. แม่สามีที่คอยบงการชีวิตลูก และไม่ยอมรับให้ลูกสะใภ้เข้าบ้าน และแสดงท่าทีรังเกียจลูกสะใภ้
6. ชีวิตหลังแต่งงาน ที่ผู้ชายยังคอยเทียวไปเทียวมา ระหว่างบ้านแม่ตัวเองและหอพักของภรรยา โดยมีเงื่อนไขข้อกำหนดเวลาไปกลับเคร่งครัด
และรายละเอียดจากในรายการอีกมากมายที่รู้สึกว่าเป็น Red Flag
หลายเรื่องควรเอะใจ และควรหยุดและคิดได้แล้วว่าสภาพแบบนี้ อนาคตข้างหน้าจะรอดได้อย่างไร
แต่งงใจมากที่ฝ่ายภรรยายังยอมได้หมดกับสภาพนี้ หากบอกว่ายอมเพราะรัก นั่นยิ่งงงหนักเพราะฟังเรื่องราวไม่มีความโรแมนติกหรือโมเมนต์ที่ผู้ชายแสดงความรักเลย
และยิ่งสงสัยในตัวบุคคล ผู้ชาย และแม่ผู้ชาย
ว่าเป็นคนแบบใด โตมาแบบใด เลี้ยงดูลูกแบบใด มองตัวเอง มองสังคมแบบใด และปฏิบัติต่อคนอื่นแบบใด
เอาจริงๆ ปฏิบัติแบบใดนี่คงไม่ต้องถามแล้ว เห็นจากในข่าว ในคลิปก็รู้แล้ว
แต่ในเมื่อได้ลูกน้อยหลับคืนมาสู่อกแม่แล้ว ก็ยินดีด้วยค่ะ
เพียงแต่รู้สึกแปลกใจว่า เออ อย่างนี้ก็มีจริงๆ